Life

ศึกสายเลือดตระกูล “PORSCHE” ความขัดแย้งที่เกือบทำให้ Porsche ถึงคราวล่มสลาย!

By: HYENA June 28, 2017

เรื่องราวของการทะเลาะเบาะแว้งกันเองภายในเครือญาติ ดูเป็นเหมือนกับวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับตระกูลที่ร่ำรวยมาแต่ช้านาน ก็คงอย่างที่คนในสมัยโบราณเขาว่าไว้ “เรื่องเงินเรื่องทองไม่เข้าใครออกใคร” เพราะส่วนใหญ่แล้วตระกูลมั่งคั่งที่มีลูกหลานเครือญาติมากมาย มักมีปัญหามาจากเรื่องเงินทองแทบทั้งนั้น

ไม่พ้นแม้กระทั่งตระกูลที่ยิ่งใหญ่และสร้างประวัติศาสตร์ไว้ในโลกยานยนต์อย่าง Porsche ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าภายใต้แบรนด์หรูหราที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก จะมีการห้ำหั่นกันชนิดที่ว่าคนในครอบครัวเดียวกัน ยังมองหน้ากันแทบไม่ติด

วันนี้เราจะนำเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นศึกสายเลือดที่เข้มข้นระดับมหากาพย์ ของตระกูล Porsche มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกันเพลิน ๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะย้อนไปถึงที่มาของศึกสายเลือดของตระกูลดังที่ว่านี้กัน

ย้อนกลับไปที่ต้นเรื่องของมหากาพย์เรื่องนี้กันเลยดีกว่า คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก Ferdinand Porsche บรรพบุรุษของตระกูลผู้สร้างตำนานจารึกไว้ในโลกยานยนต์มาจนถึงทุกวันนี้

Ferdinand Porsche คือผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็น วิศวกรเอกแห่งยุคที่มีความอัจฉริยะในระดับที่หาใครเทียบเท่าได้ยาก แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ชีวิตของวิศวกรเอกผู้นี้กลับพลิกผันขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แทบตลอดทั้งชีวิต จนแทบไม่ได้เชยชมกับความสำเร็จที่ตัวเองได้สร้างเอาไว้เลยด้วยซ้ำ

Ferdinand Porsche ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอุดมการณ์แบบ Nazi อย่างชัดเจน เพราะสายสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับผู้นำ Nazi สุดอหังการ์อย่าง Adolf Hitler ซึ่งตัวผู้นำหนวดจิ๋มเองก็ชื่นชอบในความสามารถของ Ferdinand Porsche อยู่ไม่น้อย ถึงขั้นให้ผลิตรถสนองจิตวิญญาณ Nazi ออกมา จนเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบันในนามรถ Beetle หรือ รถเต่าจากค่าย Volkswagen นั่นเอง และนี่คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์รถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ที่ยืนยงเด่นตระหง่านอยู่ในระดับหัวแถวมาจนถึงปัจจุบันอยาง Porsche

ย้อนกลับเข้าเรื่องระหว่างความสัมพันธ์ของ Ferdinand Porsche กับผู้นำ Nazi อย่าง Adolf Hitler กันต่อสักนิด เพราะด้วยความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 นี้เอง ที่ทำให้ชีวิตที่รุ่งโรจน์ในฐานะผู้สร้างรถอันยอดเยี่ยมของ Ferdinand Porsche ต้องร่วงหล่นลงมาสู่จุดตกต่ำ เมื่อสงครามระหว่างฝ่ายอักษะที่นำโดย Nazi ของ Adolf Hitler ถึงคราวปราชัยให้กับกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้ Ferdinand Porsche พร้อมกับลูกชาย Ferry Porsche และ ลูกเขย Anton Piëch ถูกจับกุมตัว และถูกนำไปขังไว้ในเรือนจำที่ประเทศฝรั่งเศสโดยละม่อม

ในขณะนั้น Ferdinand Porsche ซึ่งมีลูกสาวและยังมีหลานอีก 8 คน ที่เหลืออยู่ ก็ได้อพยพไปอยู่แถบบ้านนอกของประเทศ Austria ด้วยเหตุผลและการต่อรองบางอย่างที่ไม่มีใครทราบแน่ชัด Ferdinand Porsche เจอกับหนทางที่จะทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา Ferry Porsche หลุดออกจากเรือนจำไปได้ แต่ตัวเองกับลูกเขย ยังต้องทนรับชะตากรรมสุดแสนลำบาก อยู่ภายในเรือนจำต่อไปอีกถึง 2 ปี เลยทีเดียว

Ferry Porsche เมื่อได้รับอิสรภาพออกมาก็ตอบแทนพระคุณพ่อบังเกิดเกล้าได้อย่างยอดเยี่ยม และด้วย DNA ความเป็นนักสร้างรถอัจฉริยะที่ส่งตรงมาจาก Ferdinand Porsche ทำให้ Ferry Porsche ได้นำเอาแบบรถที่เขาได้เขียนไว้ ตั้งแต่ตอนที่ถูกจองจำอยู่ในคุกมาลงมือสร้างอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็ออกมาเป็นรถที่มีชื่อว่า Porsche 365 ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษต้นกำเนิดของรถตระกูล Porsche อีกด้วย

หลังจากนั้นดูเหมือนกับว่าทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าที่เข้าทาง Ferdinand Porsche และ ลูกเขย Anton Piëch ถูกปล่อยตัวกลับมาสู่ครอบครัว แถมยังมีข่าวดีอย่างการที่ตระกูล Porsche ได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ Volkswagen มาครอบครองอีกด้วย

แต่ความสุขก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะอยู่ ๆ Ferdinand Porsche ซึ่งอยู่ในวัยชราก็ได้ล้มป่วยลงจากโรคหัวใจวายและเป็นอัมพาต จนกระทั่งเสียชีวิตในช่วงเดือน มกรกคม ปี 1951 ทิ้งมรดกจำนวนมหาศาล และเรื่องราวอันเป็นตำนานของเขาเอาไว้ให้กับครอบครัว และตอนนี้เอง ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของตระกูล Porsche

หลังจากที่บรรพบุรุษอันเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ตายจากไป ความรัก และความเกรงใจกันระหว่างคนในตระกูล Porsche ก็ตายตามไปด้วย เมื่อพี่น้อง Porsche รวมไปถึงบรรดาหลาน ๆ ทั้งที่ในขณะนั้นได้ร่วมกันดำเนินธุรกิจที่ Ferdinand Porsche สร้างเอาไว้ด้วยในแบบกงสีก็เริ่มแบ่งแยกกันออกเป็น 2 ฝ่าย เป็นฝ่าย Piëch และ ฝ่าย Porsche

แกนนำของฝ่าย Piëch ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลูกเขยตัวแสบและภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวของ Ferdinand Porsche พร้อมทั้งลูก ๆ ของทั้งคู่อีก 4 คน ไล่ลำดับกันมาตั้งแต่ Ernst Piëch, Louise Daxer-Piëch, Ferdinand Piëch และ Hans-Michel Piëch ส่วนทางด้าน Porsche ก็นำทีมโดย Ferry Porsche ลูกชาย Ferdinard Porsche และลูกอีก 4 คนเช่นกันได้แก่ Ferdinand Alexander Porsche, Gerhard Porsche, Hans-Peter Porsche และ Wolfgang Porsche

ความบาดหมางดำเนินมาถึงจุดเดือดสุด ๆ เมื่อคนทั้งภายใน และภายนอก ต่างรู้กันดีว่า 2 ตระกูลผู้บริหารของบริษัทนั้นไม่กินเส้นกันเอง อาจจะด้วยการที่ 2 ครอบครัวมีความแตกต่างกันสุดขั้ว รวมไปถึงการที่ลูกสาวของ Ferdinand สะสมความข้องใจเอาไว้ ในตอนที่พ่อของตัวเองขอให้ปล่อย Ferry Porsche ออกมา แต่สามีของเธอกลับโดนคุมขังต่อไป

ท่ามกลางความบาดหมางที่เกิดขึ้น การดำเนินธุรกิจก็ยังคงเดินหน้าจนล่วงเข้าสู่รุ่นหลานที่ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ในบริษัทเริ่มต้นด้วยลูกชายคนโตของ Ferry Porsche เป็นผู้คุมการออกแบบ ซึ่งก็คือผู้ที่สร้าง Porsche 911 ที่โด่งดังเป็นพลุแตก ตามด้วยลูกชายคนที่ 3 Hans-Peter Porsche เป็นหัวหน้าฝ่ายการผลิต ร่วมกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูล Piëch ซึ่งเป็นหน้าฝ่าย Logistic ที่สำคัญคือ ลูกชายคนที่ 3 ของตระกูล Piëch อย่าง Ferdinand Pirëh ผู้ซึ่งเป็นเหมือนหัวเรือใหญ่ และเป็นหัวหน้าใหญ่ในแผนกการวิจัย และพัฒนา

จากช่วงวัยรุ่นของหลาน ๆ ดำเนินมาสู่วัยรุ่นตอนปลาย ทุกคนมีอายุราวๆ 30-40 ปีกันหมดแล้ว แต่แทนที่ยิ่งโตจะยิ่งคุยกันรู้เรื่อง กลับกลายเป็นว่าความเกลียดชังที่มีต่อกัน มันสะสมมามากขึ้นไปทุกที เมื่อฝ่าย Porsche อดทนความก้าวร้าวของทางฝ่าย Piëch ไม่ไหว เนื่องจากการทำธุรกิจแบบกงสี ทุกคนที่เป็นลูกหลานล้วนเป็นใหญ่เป็นโตได้กันทั้งนั้น และต่างคนต่างก็เอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่มีใครฟังใคร จนสุดท้ายธุรกิจเริ่มสั่นคลอน ในตอนนั้นเองที่เป็นช่วงที่วิกฤตที่สุดตั้งแต่บริษัท Porsche ได้ก่อตั้งขึ้นมา

แต่แล้วก็มีการแก้ปัญหาจริง ๆ จังๆ เกิดขึ้นสักที เมื่อทั้ง 2 ครอบครัว ตกลงแบ่งสมบัติกันแบบเท่าเทียม โดยทรัพย์สินของตระกูลทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 10 ส่วนเท่า ๆ กัน ทั้งบริษัท Porsche และสิทธิในการจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen เองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย โดยที่ต่างฝ่ายต่างได้รับส่วนแบ่งกันไปคนละ 10% เพื่อความเท่าเทียม และลงตัวไม่มีการลำเอียงใด ๆ ทั้งสิ้น

จะว่าไปก็เหมือนวิบากกรรมของตระกูลนี้โดยแท้ เพราะหลังจากที่เรื่องราวยุติลง ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ลูกชายคนที่ 3 ของบ้านตระกูล Piëch ก็ดันทะลึ่ง เกิดอาการหื่นอะไรของมันขึ้นมาก็ไม่ทราบได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูง แถมยังมีความทะเยอทะยานขยันหมั่นเพียรจนใคร ๆ ต่างก็บอกว่า เขาช่างเหมือนกับคุณปู่ซะเหลือเกิน ดันทำการแหวกขนบ ฉีกทุกขอบเขตความเป็นครอบครัว ด้วยการแอบเป็นชู้กับ Marlene Porsche ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ที่อยู่ฝั่งบ้าน Porsche ซะงั้น

งานนี้เรียกว่าไม่ใช่ได้แค่ตัว แต่ได้สมบัติของตระกูล Porsche ไปด้วยอีก 10% ทำให้ในตอนนี้  ฝ่าย Piëch กลับมามีหุ้นเหนือกว่าทาง Porsche อยู่ 10% ทำให้ความเคียดแค้นระหว่างทั้ง 2 ตระกูล ประทุขึ้นมาอีกครั้ง

ถึงแม้เวลาจะผ่านมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครทำอะไรใครก่อน แต่เรื่องของการเล่นชู้ที่ Ferdinand Piëch ทำไว้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย ยากที่จะสบตากันอยู่ดี เมื่อถึงเวลาที่ต้องมาพบปะกัน จนกระทั่งในทุกวันนี้ แม้ว่า Ferdinand Piëch ได้แยกทางกับ Marlene Porsche แล้วก็ตาม

ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกิดเรื่องชู้สาวขึ้นในตระกูล อีกด้านหนึ่งก็เกิดเรื่องฉิบหายไม่แพ้กัน เมื่อในปี 1983 พี่ชายคนโตของบ้าน Piëch นั่นก็คือ  Ernst Piëch เกิดผีเข้าหรืออะไรก็ไม่ทราบ ดันแอบขายหุ้นบริษัทของตนให้กับนักลงทุนชาวอาหรับ ซึ่งเมื่อทั้ง 2 ครอบครัวรู้เข้าก็ถึงกับเอาเท้าก่ายหน้าผาก กับการกระทำสุดฉลาดน้อยในครั้งนี้

แต่บางครั้งศึกนอกที่เกิดขึ้นก็ทำให้ศึกภายในถึงคราวสิ้นสุดจริง ๆ เมื่อทั้ง 2 ครอบครัวต้องรวมตัวกันแบบฉุกเฉินเพื่อช่วยกันขอต่อรองซื้อหุ้นที่ Ernst Piëch ขายไปให้กับชาวอาหรับคืน เนื่องจากเงินของตระกูลเดียวมีมากไม่พอที่จะซื้อหุ้นคืนทั้งหมด  2 ตระกูลจึงต้องร่วมมือกัน จนในที่สุดก็ได้หุ้น 10% นั้นกลับมา แม้ว่าทุกคนจะโล่งใจ แต่ด้วยข้อตกลงอะไรไม่ทราบได้ หุ้น 10% ที่ซื้อคืนมานั้นถึงได้กลับไปอยู่ในมือตระกูล Porsche ด้วยเหตุนี้อำนาจและการตัดสินใจทุกอย่างจึงกลับมาอยู่ที่ฝ่าย Porsche อีกครั้ง

จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตระหว่าง 2 ตระกูลซึ่งบริหารงานร่วมกันอยู่ในตอนนี้ แต่ทุกครั้งที่ฝ่าย Porsche เจอกันซึ่ง ๆ หน้ากับฝ่าย Piëch ก็มักจะมีการ แขวะ และ ข่ม ให้เห็นกันอยู่บ้าง หลังจากที่ยืดเยื้อมั่วซั่วไปมาเป็นเวลานานหลายสิบปี และถึงแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดภายในตระกูลที่เกิดขึ้นมาจะเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าใครบางคนในครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายจะให้อภัยได้ แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้ว่ามรดกอย่างแบรนด์ยนตรกรรมระดับโลกที่มีชื่อว่า Porsche นั้นเป็นสิ่งเดียวที่บรรพบุรุษได้มอบให้ และมีค่ามากกว่าความบาดหมางใด ๆ ทั้งหมดทั้งมวล

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line