TRAVEL

หมดยุคแบกเป้ บินตัวปลิว “กฎการบินใหม่เข้มงวดขึ้น”การเดินทางจะไม่ง่ายอีกต่อไป

By: PSYCAT May 13, 2020

ชีวิตคือการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลัง COVID-19 มีหลายสิ่งในชีวิตที่ผู้ชายอย่างเราต้องปรับตัวครั้งใหญ่ “การเดินทางโดยเครื่องบิน” เองก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องเปบี่ยนแปลงมหาศาลทั้งในแง่อุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัย รวมถึงเรื่องความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

ครั้งหนึ่งการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นอาจถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้โดยสารที่มีสภาพคล่องทางการเงินเท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินยังกระจุกตัวและมีต้นทุนสูง ก็ไม่แปลกที่ค่าโดยสารจะยังแพงลิบเกินคนทั่วไปจะเอื้อมถึง

จนกระทั่งมาถึงยุคสายการบินต้นทุนต่ำที่ทำให้การบินลัดฟ้านั้นแสนสะดวก เข้าถึงง่าย บางทีนึกอยากไปไหนพรุ่งนี้ กดจองตั๋ววันนี้ พรุ่งนี้เดินตัวปลิวขึ้นเครื่องก็ยังไหว การเดินทางโดยเครื่องบินจึงกลายเป็นอีกตัวเลือกแรก ๆ ที่หลายคนใช้เมื่อต้องการไปติดต่อธุรกิจสำคัญ หรือพักผ่อนหย่อนใจ

อย่างไรก็ตาม COVID-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้สายการบินทุกสายต้องขยับตัว หลังเหตุโศกนาฎกรรม 911 กฎการบินก็เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น จนเพิ่มหลายขั้นตอนในการตรวจสอบความปลอดภัย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า อุตสาหกรรมและกฎการบินหลัง COVID-19 นี่จะต้องเปลี่ยนแปลงมากกว่าหรือน้อยกว่าเหตุการณ์การก่อการร้ายครั้งนั้น?

ผู้เชี่ยวชาญระบุตรงกันว่านี่อาจเป็นคราวที่อุตสาหกรรมและกฎการบินต้องปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุด UNLOCKMEN รวบรวมผลกระทบคร่าว ๆ ที่ผู้โดยสารอย่างเราต้องรับมือในวันที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลง

เช็กอิน 4 ชั่วโมง: เครื่องบินอาจไม่ใช่การเดินทางที่รวดเร็วดังใจอีกแล้ว

ข้อดีอันดับต้น ๆ ที่เราเลือกโดยสารเครื่องบินเป็นหลักคือความสะดวกรวดเร็ว เราสามารถบินตรงสู่เชียงใหม่หรือภูเก็ตได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเช็กอินออนไลน์ และไม่มีกระเป๋าต้องเอาโหลดใต้เครื่อง  เราสามารถนับเวลาตั้งแต่เหยียบสนามบินต้นทางจนถึงสนามบินปลายทางภายในเวลาสองชั่วโมงกว่า ๆ สามชั่วโมงเท่านั้น

แต่ COVID-19 จะทำลายความรวดเร็วดังกล่าวไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ากระบวนการเช็กอินอาจกินเวลายาวนานมากถึง 4 ชั่วโมง เนื่องจากการต้องคอยเว้นระยะห่างระหว่างผู้โดยสาร การจัดระเบียบแถวใหม่ รวมถึงมาตรการรักษาความสะอาดให้ผู้โดยสารและสัมภาระ

นอกจากนั้นกระบวนการทำความสะอาดเครื่องบินในแต่ละรอบโดยสารก่อนอนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นก็ไม่สามารถทำด้วยเวลาอันสั้นดังเดิม เนื่องจากแต่ละสนามบินก็มีมาตรการความสะอาดและการดูแลรักษาสุขอนามัยเฉพาะที่แต่ละสายการบินต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

“สิ่งที่จะหายไป” เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อนความสะดวกสบาย

เมื่อความสะดวกสบายไม่ใช่จุดประสงค์หลักของการเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่เป็นความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก จึงมีหลายสิ่งที่มีแนวโน้มจะถูกทำให้หายไป (อาจจะตลอดไป หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย) โดยทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา

  • ห้ามนำกระเป๋าเดินทางถือขึ้นเครื่อง
  • ไม่มีบริการเลาจน์
  • ไม่มีการอัปเกรดที่นั่งอัตโนมัติ
  • เช็กอินด้วยตัวเอง
  • โหลดสัมภาระเช็กอินด้วยตัวเอง

ใครที่ชอบแบกเป้ขึ้นเครื่องเน้นความรวดเร็ว หรือใช้บริการเลาจน์หลีกหนีความวุ่นวาย จากนี้ไปรูปโฉมของการเดินทางโดยเครื่องบินเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วยมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึง “อาหาร” สายการบินมีแนวโน้มที่จะหยุดให้บริการอาหารทั้งหมดในเที่ยวบินระยะสั้น ขณะที่สายการบินอาจให้บริการเครื่องดื่มสำหรับเที่ยวบินระยะไกลแทน

อย่างไรก็ตามสายการบินเองก็จะมีสิ่ที่ต้องเพิ่มเติมให้ผู้โดยสาร เช่น หน้ากากอนามัย ถุงมือ อาจรวมไปถึงจุดตรวจคัดกรอง และอุโมงค์ฆ่าเชื้อเพื่อสุขอนามัยของผู้โดยสาร

บอกลาเอกสารกระดาษและทัชสกรีน ยิ่งสัมผัสน้อย ยิ่งเสี่ยงน้อย

เมื่อการสัมผัสอาจเป็นความเสี่ยงที่จะรับหรือแพร่เชื้อ สนามบินและสายการบินแต่ละแห่งจึงต้องลด “จุดสัมผัส” ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน หรือเอกสารแบบกระดาษที่ต้องหมดไปและแทนที่ด้วยเมคโนโลยีที่ผู้คนจะสัมผัสกันให้น้อยที่สุด

สภาการท่องเที่ยวโลกและการท่องเที่ยว (WTTC) ระบุว่าสนามบินหลัก เช่น Heathrow, JFK และ Singapore Changi จะใช้การเช็กอินและการชำระเงินออนไลน์ นอกจากนั้นสนามบินทั่วโลกต้องเร่งหยุดใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ โดยเฉพาะบัตรขาเข้า (Arrivel Card) ยกเว้นเพียงผู้เยาว์ที่เดินทางคนเดียว หรือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น

สำหรับการเช็กอินสายการบินต้องหันมาใช้ระบบการเช็กอินแบบไบโอเมตริกซ์ที่ครอบคลุมมากและประสิทธิภาพ เพื่อลดการแลกเอกสารอย่างพาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส แต่ใช้การสแกนใบหน้าของผู้โดยสารเพื่อยืนยันตัวตนแทน ซึ่งหากเทคโนโลยีที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ กระบวนการนี้ก็จะยิ่งกินเวลาการเช็กอินและเพิ่มอุปสรรคมากขึ้นอีก

ถึงที่หมาย ไม่ใช่แค่ลากกระเป๋าตัวปลิวอีกต่อไป

การเดินทางถึงสนามบินปลายทางโดยสวัสดิภาพ อาจหมายถึงความลิงโลดดีใจ ลากกระเป๋าตัวปลิวเพื่อไปเที่ยวหรือทำงานอย่างที่ตั้งใจ แต่หลัง COVID-19 กระบวนการหลังเดินทางถึงสนามบินอาจซับซ้อนกว่านั้น

ใบรับรองแพทย์ หรือหนังสือเดินทางที่ระบุความปลอดภัยอาจเป็นเอกสารแรก ๆ ที่ผู้โดยสารต้องถูกตรวจสอบ นอกจากนั้นแต่ละสนามบินจะมีการวัดอุณหภูมิตามปกติ แต่ในหลาย ๆ สนามบินก็เริ่มใช้การตรวจเลือดเพื่อหาโคโรนาไวรัสด้วย โดยคาดการณ์เพิ่มเติมว่ากระบวนการตรวจเอกสารรับรองแพทย์และตรวจเบื้องต้นจะดำเนินไปจนกว่าจะมีวัคซีน

หลังจากมีวัคซีนแล้วแต่ละสนามบินจะปรับเป็นการตรวจเอกสารรับรองว่าผู้โดยสารนั้นฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้วหรือยังแทน

อุตสาหกรรมการบินจะพลิกโฉมครั้งใหญ่ และผู้บริโภคอย่างเราก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เมื่อมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยกำหนดให้ผู้โดยสารต้องเว้นระยะห่าง จึงเป็นไปได้ว่าค่าโดยสารต่อที่นั่งจะพุ่งสูงตามไปด้วย รวมถึงสายการบินขนาดเล็กที่มีแนวโน้มจะไปต่อได้ยาก ทำให้เกิดการเทคโอเวอร์ตามมา

แต่เมื่อค่าโดยสารสูงขึ้น และตามมาด้วยการต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด และไม่สะดวกสบาย ต้องมาจับตามองต่อไปว่าธุรกิจสายการบินจะปรับตัวเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างไรต่อไป? และผู้โดยสารอย่างเราจะปรับตัวหรือชั่งน้ำหนักการตัดสินใจเดินทางมากหรือน้อยลงอย่างไร? แวะมาแชร์กับ UNLOCKMEN ได้เสมอ

SOURCE 1 2 3

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line