โลกเสมือนก็ชนะได้ เมื่อนักกีฬา E-SPORT เอาชนะอดีตนักแข่งรถ FORMULA 1 ในสนามจริง

สร้างความแปลกใจต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกไม่น้อย สำหรับข่าวการเอาชนะอดีตนักขับรถสูตร 1 ในสนามแข่งจริงของโปรเกมเมอร์วัย 23 ปี ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในสนามแข่งจริงแม้แต่วินาทีเดียว โดยอาศัยเพียงการฝึกซ้อมจากโปรแกรมจำลองที่ถูกเรียกว่า Virtual Motorsports อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

f1esports

ระหว่างการแข่งขัน Race Of Champion (ROC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมเอานักกีฬามอเตอร์สปอร์ตในทุกรูปแบบ มาจัดแข่งแบบพบกันหมด โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1988  และ ROC 2018 ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบียถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักแข่งที่ฝึกฝนจากโปรแกรมเสมือนจริง ๆ เข้าร่วมด้วยเป็นครั้งแรก

แต่ใครจะไปเชื่อว่าหนึ่งปีหลังจากนั้นใน Race Of Champion 2019 ที่ประเทศเม็กซิโก ก็เกิดเรื่องเซอร์ไพรส์วงการมอเตอร์สปอร์ตทันที เนื่องจาก Enzo Bonito นักแข่งที่ฝึกฝนจากโปรแกรมจำลองวัย 23 ปี สามารถเอาชนะ Lucas Di Grassi อดีตนักขับรถ Formula 1 ที่เคยอยู่กับทีม Virgin Racing Team ในช่วงปี 2010-2014 และยังเป็นนักแข่ง Formula E ในสังกัดทีม Audi ที่พึ่งคว้าแชมป์​ของฤดูกาล 2016/2017 มาหมาด ๆ

แม้ว่าใน 2 รอบแรกทาง Enzo Bonito จะเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ก็ตาม แต่ในรอบสุดท้ายเขาก็สามารถเเบียดกลับมาเอาชนะได้ด้วยเวลา 0.6 วินาที

Twitter : Enzo Bonito

ด้านชนิดของรถที่ใช้ทำการแข่งขันซึ่งเป็นแบบเดียวกันนั้นก็คือ VUHL 05 ROC Edition 2019 ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขันของปีนี้ ด้วยสมรรถนะสุดโหดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.3 ลิตร ให้กำลัง 360 BHP และอัตราการเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3 วินาที สูงสุดที่ 275 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเขาอาศัยการฝึกซ้อมจากโปรแกรมที่ถูกเรียกว่า Sim Racing หรืออีกชื่อคือ Virtual Motorsports

Virtual Motorsports เป็นโปรแกรมจำลองการแข่งขันรถยนต์รูปแบบต่าง ๆ ที่มีรายละเอียดเสมือนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราการสึกของยางในแต่ละรอบ การสั่นสะเทือนของระบบช่วงล่าง ซึ่งไม่ได้ฝึกฝนผ่านการใช้เม้าส์หรือคีย์บอร์ด แต่เป็น Simulator ที่ควบคุมโดยใช้พวงมาลัยและแป้นเหยียบจริง เหมือนกับการแข่งจริง ๆ เพียงแค่สถานที่จริงคือห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาทั่วไป

Motorsportimages

นอกจากนี้ในวันต่อมาของการแข่งขัน Enzo Bonito ยังเอาชนะแชมป์การแข่งขัน Indy 500 สามสมัยอย่าง Ryan Hunter-Reay ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าฝีมือของนักแข่งที่ฝึกฝนใน Virtual Motorsports สามารถพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากพอสำหรับการลงแข่งในสนามจริง ซึ่งในอนาคตหนุ่ม ๆ ที่ติดตามกีฬามอเตอร์สปอร์ตอาจมีโอกาสได้เห็น คนที่ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของโพเดียมในการแข่งขันระดับโลกกลายเป็นนักแข่งที่ฝึกซ้อมจากโลกเสมือนจริงก็เป็นไปได้

SOURCE 1  SOURCE 2