Work

หมดไฟจากความสำเร็จ ประสบการณ์สวนทางที่คนประสบความสำเร็จทุกคนต้องเจอ

By: anonymK April 2, 2019

ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร? ทำยังไงให้ชีวิตมีความสุข? ทำไมเราไม่เคยประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น

เราคิดว่าคำถามพวกนี้คงวนเวียนอยู่ในหัวของใครหลาย ๆ คน วันละหลาย ๆ ครั้ง คุณอาจจะคิดว่าชีวิตนี้มันไร้ค่า มีไฟทำอะไรได้ไม่นาน พอเดินไปได้แค่ครึ่งทางก็หยุดเสียกลางคัน ชีวิตนี้ก็เลยไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้าง

“ประสบความสำเร็จสิถึงจะมีความสุข” มันเลยกลายเป็นคำตอบที่เราพยายามดิ้นรนไปให้ถึงเพื่อเติมเต็มเป้าหมายในชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยมีคำตอบไหนเป็นสูตรสำเร็จ เพราะใต้ใบหน้ายิ้ม ๆ ของคนที่เดินมาถึงเป้าหมายทั้งหลาย ไม่ว่าจะได้ดิบได้ดีจนเป็นเจ้านาย เป็นสตาร์ทอัพ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นแสนล้านเขาเองก็ต้องเจอเคยกับอาการหมดไฟ เบื่อชีวิต ได้เหมือนกัน แต่อุปสรรคนั้นสำหรับพวกเขาเรียกมันว่า “ความว่างเปล่า”

ไม่เหลือเป้าหมายให้พิชิต

“จากตรงนี้ Career Path ของเธอคืออะไร อยากทำอะไรอีกไหม” เราเคยถามคนที่คุ้นเคยกัน ทั้งในฐานะคนสนิทที่เก่งกว่า คนที่เราชื่นชมด้วยผลงาน ชั่วโมงบินการทำงานสูง และรั้งตำแหน่งหัวหน้าสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี ในบริบทสบาย ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างล้างหัวโขน เสมอกันทุกด้านในฐานะมนุษย์มานั่งคุยกัน

“คงไม่ได้อยากเป็นอะไรแล้ว เราได้โปรโมตตำแหน่งนี้​มาตั้งแต่อายุยังน้อยกว่านี้มากก่อนมาที่นี่ มันไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเพิ่มแล้วเพราะสิ่งที่อยากได้ เราก็ผ่านมันมาหมดแล้ว”

เราเก็บงำความกลัวไว้ ภาพสวยหรูของความสำเร็จมันน่าเศร้ามากสำหรับเราในวันนั้น น่ากลัวกว่าอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตที่พยายามฟันฝ่ามาเพื่อสู้เสียอีก เพราะศัตรูตรงหน้ามันไม่ได้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ แต่อุปสรรคมันคือการ “ไม่มีอุปสรรค” อีกต่อไปต่างหาก ฟังดูน่ายินดีแต่จับอารมณ์จากเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าความสุขที่มีมันถูกลดทอนไปพร้อมกับความว่างเปล่า

ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นของความสำเร็จ การปีนไปสุดบันไดแล้วไม่เจออะไรให้ปีนต่อคืออะไร ถ้าเจอแล้วควรทำอย่างไรต่อจากเหตุการณ์นี้ เราหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแบ่งปันกันพร้อมวิธีเติมเต็มมัน

ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะขาดความเป็นเจ้าของ

ว่างเปล่าเพราะไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งนั้น บางครั้งเรารู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากความสำเร็จ คิดว่ามันเกิดขึ้นจากโชคหรือปัจจัยภายนอกอื่นที่ช่วยดันมาให้ เรียกง่าย ๆ ว่า “ฟลุค” ทำให้ความรู้สึกมีแพสชั่นลดลง

ถ้าเราได้ตำแหน่งโปรโมตโดยคิดว่ามันเป็นเพราะโชคที่ได้มา ได้มาเพราะคนอื่นลาออก ไม่ได้มาจากความสามารถของตัวเอง หรือเป็นหัวโขนแฝงที่เจ้านายอยากให้มีก็เลยตั้งมาเฉย ๆ พอขึ้นไปตำแหน่งนั้นแล้วคนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกว่าง ๆ ไม่ได้แตกต่างจากตอนก้าวขึ้นมา ผิดกับคนที่เชื่อว่า “สมควรได้มา เพราะทำได้ดีแล้ว” คนที่เชื่อว่าตัวเองทำได้ดีและสมควรได้รับจึงมักรู้สึกกระตือรือร้นทำสิ่งอื่น ๆ เสมอจากรู้สึกมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ทำและเป็นแกนนำของความเปลี่ยนแปลง

SOLVE: ลองปรับแนวคิด ใช้อำนาจที่มีพิสูจน์ด้วยการริเริ่มสิ่งใหม่แล้วสนุกกับมันดู เพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับโปรเจ็กต์ที่ริเริ่มขึ้นทีละน้อย จะค่อย ๆ พลิกความตั้งใจที่เคยหายไปให้กลับมา

ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะความสำเร็จเรื่องงานทำให้ชีวิตล้มเหลว

ทำงานโคตรได้ดี แต่ชีวิตล้มระเนระนาดชิบหายไปหมด นี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ความสำเร็จโคตรว่างเปล่า ฟังดูแล้วอาจจะดราม่าแต่ชีวิตจริงที่บอกว่า “สำเร็จไปแต่ไม่เหลือใครให้ชื่นชมด้วยกัน” มันก็จริง บางคนทำงานดีแต่ครอบครัวพัง แฟนทิ้ง รักงานมากกว่าคนในบ้าน สุดท้ายเมื่อยืนสู่จุดสูงสุดแล้วหันหลังมามองมักจะเคว้งที่ไม่สามารถบาลานซ์ระหว่างทางไว้ได้และขาดแรงบันดาลใจไปเสียเฉย ๆ

SOLVE: อย่ารักงานมากกว่ารักชีวิตตัวเองหรือความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง หมั่นบาลานซ์ความสุขให้ลงตัว กล้าชาเลนจ์และจงกล้า “ปฏิเสธ” บางสิ่งเพื่อรักษาเป้าหมายของการทำงานเพื่อชีวิตไว้ด้วย ลองคิดถึงวันที่เคยตั้งใจว่าจะทำเพื่อให้พ่อแม่สบาย แต่บั้นปลายกลับไม่ได้ดูแลพ่อแม่จนท่านไม่ได้ใช้ความสบายนั้นจะเข้าใจความหมายของสิ่งนี้มากขึ้น

ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่ม

ขึ้นตำแหน่งใหม่ แต่เวลาแน่นแล้วแถมความรู้ก็เท่าเก่าไม่มีเวลาเติม Input เข้าไป แสดงว่าความสำเร็จมันไม่ทำให้วิชาของคุณแก่กล้าขึ้น ไม่นานการติดอยู่กับจุดเดิมมักจะทำให้ไฟที่เคยมีมอดลง เรื่องนี้เราพูดเสมอว่า “การทำงาน” ถ้าไม่ได้เงินก็ต้องได้อะไรบางอย่างกลับมา จะเป็นความรู้ ทักษะ การปรับตัวหรือคอนเนคชั่นก็ได้ แต่ถ้าวันไหนงานที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ต่อให้เป็นนักธุรกิจแสนล้านหมื่นล้านก็รู้สึกหน่ายกับสิ่งที่ทำ

SOLVE : หาเวลาเติมความรู้ใหม่ ๆ เข้าไป เพื่อสร้างความหมายของการใช้ชีวิตมากขึ้น คนที่ไม่จมอยู่กับอะไรเดิม ๆ คือคนที่ก้าวได้ไวกว่าคนอื่นเสมอ ความกล้าเปลี่ยนแปลง ให้โอกาสตัวเองเรียนรู้สิ่งอื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ จะค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้น จงอย่าปิดกั้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

เราไม่อยากให้คุณนิยามว่า “คนประสบความสำเร็จ” คือคนที่ใช้ชีวิตสบาย ๆ แล้วและอยู่ไกลห่างชั้นจากปุถุชนคนธรรมดาอย่างพวกเราที่ยังคงเป็นจูเนียร์ในสายงานหรือคนที่ยังไม่มีธุรกิจสักอย่างให้ทำ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหน เราทุกคนยังคงมีอุปสรรคบางอย่างรออยู่เสมอ

สุดท้ายการแข่งขันว่าใครคือของจริงเป็นเรื่อง Long Run เราวัดกันตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ไม่มี Ending story ใครที่รู้วิธีจัดการกับมันได้ดีกว่าถึงจะเป็นคนที่เหมาะอยู่ในตำแหน่งเหล่านั้น หวังว่าบทความนี้จะพอเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่ทำให้คุณเข้าใจคนอื่นและตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และอย่าเอาบางเงื่อนไขที่เทียบกับคนอื่นมาเป็นข้อจำกัดการใช้ชีวิตของตัวเอง

 

 

SOURCE : 1 / 2

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line