เราต่างหายใจอยู่บนโลกยุคที่เห็นความสำเร็จของคนอื่นผ่านหน้าจอมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราเห็นความสุขที่เพื่อน ๆ ใช้เงินมหาศาลแลกกับการพักผ่อนหรูหราในวันที่เราแสนเศร้า เราเห็นคนรู้จักก้าวหน้าในหน้าทีการงานแบบก้าวกระโดด แต่เรายังอยู่ที่เดิม นี่คือโลกที่เรามองเห็นคนอื่นได้ง่ายดาย แต่กลับยิ่งทำให้เราใจหายกับสิ่งที่เราเป็นมากขึ้นทุกวัน ๆ เมื่อชีวิตคนอื่นก้าวไปไกล เมื่อเห็นใคร ๆ ประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่เข้าถึงความสุขแบบที่เราเข้าไม่ถึง เราจึงอดเอาตัวเองไปเทียบไม่ได้ เราไขว่คว้า วิ่งไล่ตาม อยากสุขแบบนั้น สำเร็จแบบนี้ มีเงินแบบโน้น ซึ่งการกระหายที่จะดีขึ้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การวิ่งไล่ตามความสำเร็จของคนอื่น อาจทำเราแสนเหนื่อยแสนท้อ โดยหลงลืมไปว่า จริง ๆ แล้วแต่ละคนมีบริบทที่ไม่เท่ากัน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าเวลาในการประสบความสำเร็จก็ไม่เท่ากันด้วย ก่อนที่จะวิ่งไล่ล่าความสำเร็จในแบบคนอื่นจนหมดแรงไปเสียก่อน เราอยากชวนคุณมาพักทบทวนความสำเร็จ ทบทวนจุดยืน ทบทวนคุณค่าด้วยหนังสือ 5 เล่มที่จะพาไปสำรวจความสำเร็จในมุมอื่น ๆ ที่ต่างออกไป หลังอ่านจบ เราอาจตระหนักได้มากขึ้นว่าเราล้วนมีความสำเร็จในแบบของเรา และมันไม่จำเป็นต้องมาถึงในเวลาเดียวกับที่คนอื่นเขามาถึงก็ได้ วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” อาจเพราะเราเติบโตมากับคำสอนแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งที่เราเห็นเพื่อนเราสำเร็จ ได้ดิบได้ดี เราจะเชื่อว่าเพราะเขาพยายาม ในขณะเดียวกันเราก็โบยตีและโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเพราะเราไม่พยายามหรือพยายามไม่พอถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ
Benjamin Franklin คือหนึ่งในบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา แม้เราจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าขาวดำที่ปรากฏอยู่บนธนบัตร 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนยังไม่รู้ว่าเขาคือผู้ชายที่ถูกขนานนามว่า “ประสบความสำเร็จแทบทุกเรื่องในชีวิต” เขาเป็นทั้งช่างพิมพ์ นักเขียน นักปรัชญา นักการเมือง นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ และนักการทูต มีพรสวรรค์ในการเขียนหนังสือ แต่งเพลง เล่นไวโอลิน ทั้งยังมีทักษะการเล่นกีตาร์ในระดับสูง Benjamin Franklin คือผู้ให้กำเนิดหอสมุดแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้ง The University of Pennsylvania และเป็นหนึ่งในคนสำคัญแห่งยุคเรืองปัญญาที่คิดค้นสายล่อฟ้า จุดเริ่มต้นความรู้ครั้งใหญ่ของสาขาวิชาฟิสิกส์โลก แล้วที่สำคัญที่สุด Benjamin Franklin คือผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้แยกตัวออกจากอาณานิคม และก่อตั้งชาติสหรัฐอเมริกาขึ้นมาจนทุกวันนี้ ด้วยรางวัลความสำเร็จที่การันตีและชื่อเสียงจากหลากหลายแขนงวิชา ทำให้เราสงสัยว่า ทั้งที่มีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเฉกเช่นมนุษย์คนอื่น แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงประสบความสำเร็จได้แทบทุกเรื่องในชีวิต? 9 กุญแจไขความสำเร็จของ BENJAMIN FRANKLIN ทำให้มันง่าย ในหนังสืออัตชีวประวัติของ Benjamin Franklin เผยว่าเขาแบ่งตารางกิจวัตรประจำวันอย่างเรียบง่าย โดยมีเพียง 6 เรื่องเท่านั้นที่ต้องทำในแต่ละวัน ไม่จำเป็นต้องมีกิจกรรมมากมาย
นอกจากการทำงานไปวัน ๆ สิ่งหนึ่งที่เวิร์กกิ้งแมนอย่างเราตั้งเป้าหมายเอาไว้เบื้องหน้าคงหนีไม่พ้น ‘ความสำเร็จ’ แม้มันจะเป็นเพียงคำนามนามธรรมที่ไม่มีรูป รส กลิ่น และเสียงที่แน่นอน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือฟันเฟืองทรงประสิทธิภาพที่คอยขับเคลื่อนผู้ชายเราให้ตั้งใจใช้ชีวิตและมุ่งมั่นกับงานที่ทำ เพื่อหวังว่าสักวันเราอาจประสบความสำเร็จอย่างใครเขา เป้าหมายที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้มีไว้แค่พุ่งชน หากยังคอยเตือนใจในวันที่หนุ่ม ๆ ท้อแท้ หมดหวัง และคิดจะเลิกล้มสิ่งที่ตรากตรำทำมาเกือบตลอดชีวิต วันนี้ UNLOCKMEN ขอเป็นอีกแรงที่ช่วยพิสูจน์อัตราความสำเร็จของพวกคุณทุกคน ด้วย 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่มก้าวขึ้นบันไดความสำเร็จไปแล้ว (แม้คุณอาจไม่เคยรู้ตัวมาก่อน) เข้าใจนิยามความสำเร็จ หากพูดถึงความสำเร็จหลายคนมักจะถูกพรางตาด้วยการมีบ้านหลังใหญ่โต รถยนต์หรูจอดขนาบข้าง และมีกลุ่มเพื่อนผู้ทรงอิทธิพล แต่แท้ที่จริงแล้วฐานะและวัตถุนิยมหาได้เป็นคำจำกัดความของความสำเร็จแต่อย่างใด เนื่องด้วยแต่ละคนนั้นมีเป้าหมายและจุดสูงสุดในชีวิตที่ต่างกัน นิยามความสำเร็จจึงเป็นเรื่องปัจเจกที่ไม่เข้าใครออกใคร มีงานวิจัยจาก Strayer University เผยว่า 90% ของคนอเมริกันเชื่อว่าความสุขเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจทรัพย์หรือศักดิ์ศรี มี 67% คิดว่าความสำเร็จคือความสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อนและครอบครัว ในขณะที่ 60% นิยามความรักในอาชีพที่เลี้ยงปากท้องว่าเป็นความสำเร็จ และมีเพียง 20% เท่านั้นที่เห็นว่าความมั่งคั่งทางการเงินเป็นตัวชี้วัดและกำหนดความสำเร็จ หากคุณเข้าใจความหมายของความสำเร็จในแบบฉบับของตัวคุณเองได้ นั่นแปลว่าคุณประสบความสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง มองโลกในแง่ดีและเต็มไปด้วยความหวัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเลวร้ายเป็นอีกส่วนของชีวิต โลกอาจจะเหวี่ยงคนไม่ดีหรือเรื่องแย่ ๆ มากระทบไหล่เราอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหน หากหนุ่ม
ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร? ทำยังไงให้ชีวิตมีความสุข? ทำไมเราไม่เคยประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น เราคิดว่าคำถามพวกนี้คงวนเวียนอยู่ในหัวของใครหลาย ๆ คน วันละหลาย ๆ ครั้ง คุณอาจจะคิดว่าชีวิตนี้มันไร้ค่า มีไฟทำอะไรได้ไม่นาน พอเดินไปได้แค่ครึ่งทางก็หยุดเสียกลางคัน ชีวิตนี้ก็เลยไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้าง “ประสบความสำเร็จสิถึงจะมีความสุข” มันเลยกลายเป็นคำตอบที่เราพยายามดิ้นรนไปให้ถึงเพื่อเติมเต็มเป้าหมายในชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยมีคำตอบไหนเป็นสูตรสำเร็จ เพราะใต้ใบหน้ายิ้ม ๆ ของคนที่เดินมาถึงเป้าหมายทั้งหลาย ไม่ว่าจะได้ดิบได้ดีจนเป็นเจ้านาย เป็นสตาร์ทอัพ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นแสนล้านเขาเองก็ต้องเจอเคยกับอาการหมดไฟ เบื่อชีวิต ได้เหมือนกัน แต่อุปสรรคนั้นสำหรับพวกเขาเรียกมันว่า “ความว่างเปล่า” ไม่เหลือเป้าหมายให้พิชิต “จากตรงนี้ Career Path ของเธอคืออะไร อยากทำอะไรอีกไหม” เราเคยถามคนที่คุ้นเคยกัน ทั้งในฐานะคนสนิทที่เก่งกว่า คนที่เราชื่นชมด้วยผลงาน ชั่วโมงบินการทำงานสูง และรั้งตำแหน่งหัวหน้าสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี ในบริบทสบาย ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างล้างหัวโขน เสมอกันทุกด้านในฐานะมนุษย์มานั่งคุยกัน “คงไม่ได้อยากเป็นอะไรแล้ว เราได้โปรโมตตำแหน่งนี้มาตั้งแต่อายุยังน้อยกว่านี้มากก่อนมาที่นี่ มันไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเพิ่มแล้วเพราะสิ่งที่อยากได้ เราก็ผ่านมันมาหมดแล้ว” เราเก็บงำความกลัวไว้ ภาพสวยหรูของความสำเร็จมันน่าเศร้ามากสำหรับเราในวันนั้น น่ากลัวกว่าอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตที่พยายามฟันฝ่ามาเพื่อสู้เสียอีก เพราะศัตรูตรงหน้ามันไม่ได้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ แต่อุปสรรคมันคือการ “ไม่มีอุปสรรค” อีกต่อไปต่างหาก ฟังดูน่ายินดีแต่จับอารมณ์จากเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าความสุขที่มีมันถูกลดทอนไปพร้อมกับความว่างเปล่า ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นของความสำเร็จ
ความสำเร็จที่รายล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ตำแหน่งที่สมกับความสามารถ ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับความทุ่มเท ด้านชีวิตส่วนตัว บ้านหลังใหญ่ รถคันโปรดที่พาเราไปไหนมาไหนทุกที่ แต่แล้วเรากลับพบว่าท่ามกลางความสำเร็จที่พาของรอบตัวเหล่านั้นมา มีบางสิ่งข้างในที่มันขาดหายไป ความรู้สึกเว้าแหว่งยามที่ควานลงไปพบแต่ความดำมืดและความว่างเปล่า หากคุณเกิดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจ UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาสำรวจความรู้สึกของตัวเองว่าอะไรกันที่มันขาดหายไป เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกว่าเติมอะไรก็ไม่เคยเต็ม เรามัวแต่ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เมื่อเราเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างวัยทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องมาก่อนสิ่งที่ถูกใจ สังคมรอบข้างหล่อหลอมให้เราเชื่อว่า หากทำแบบนั้นได้ เราจะดูเป็นคนมีวุฒิภาวะ รู้จักเลือกสิ่งที่จำเป็นมาก่อนสิ่งอื่น จนนั่นทำให้เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องเสียมากมาย หากไม่ทันรู้ตัวก็อาจจะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือไปกับสิ่งที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวเลยก็ได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องทำจริง ๆ นั่นแหละ แล้วการทำสิ่งที่ถูกต้องมันแย่ตรงไหนกัน ? คำตอบคือมันไม่แย่เลย หากเรารู้จัก Balance ชีวิตของเราให้ดีในทุกด้าน ไม่ให้ตัวเองตึงเพราะสิ่งที่ถูกต้องเกินไป จนตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์หาเงิน แล้วจะทำยังไงเราถึงจะ Balance ชีวิตของเราได้ ไปดูข้อต่อไปกัน ยังไม่ลงมือทำสิ่งที่รัก หลายคนต่างเคยมีความฝันหรืองานอดิเรก ความชอบ ที่มันยังอยู่ในใจของเราเสมอมา เพียงแต่ในตอนเด็กเราไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะ Support สิ่งนั้นไปได้สุดทาง (แต่ถ้าใครทำได้แล้ว เรายินดีด้วยจากใจจริง) พอโตขึ้นมาอยู่ในวัยทำงาน เรามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะ Support สิ่งที่เรารัก
ตั้งความหวัง ผิดหวัง ถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกผิดหวังมันอยู่ยาวนานกว่าความสุขเสมอ ดังนั้น เมื่อเจ็บในปีนี้ หลายคนจึงลดทอนเป้าหมายหรือบอกตัวเองว่า “ช่างแม่ง” เลิกทำมันซะเลย…ถ้าเราช่างแม่งแบบไม่เรียนรู้ความผิดพลาด โหมด “ฉิบหาย” ก็รอคอยเราอยู่อย่างแน่นอน เพื่อให้ผู้ชายเราเติบโตขึ้น 100% ครบทั้ง 3 ด้านของชีวิต คือ ตัวเอง การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เราจึงต้องตั้งเป้าหมายแทนการนั่งทำกิจวัตรเดิมไปวัน ๆ เพราะไม่อย่างนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีภาพก็ตัดมาที่ปลายปีแล้ว และเมื่อเราถามตัวเองว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร” คำตอบที่ได้แต่ก็คือ “ไม่รู้ว่ะ ก็เหมือนปีที่แล้วแหละ” แล้วก็เดินหน้าทำแบบเดิมต่อไปในปีหน้า ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร เราจะไม่ตัดสิน แต่อยากให้คุณตั้งหลักใหม่ด้วยวิธีการเหล่านี้ จะได้ตอบตัวเองได้ชัดขึ้นว่าปีที่ผ่านมาเราดีขึ้นหรือแย่ลง และจะทำอย่างไรในปีหน้า ความหวังที่สูงมันเจ็บ แต่ความหวังต่ำทำให้ย่ำอยู่กับที่ คนที่เคยดูโฆษณาสิงห์ เมื่อหลายปีก่อนโน้นคงจำประโยคเด็ดจากโปรกอล์ฟท่านหนึ่งที่พูดถึงเส้นทางความสำเร็จได้ว่า “ตีลูกให้ถึงดวงจันทร์ ถึงพลาดก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว” ซึ่งหมายถึงการตั้งความหวังให้โคตรสูงชนิดที่มองแล้วบอกตัวเองว่าไม่สำเร็จ ถึงจะพลาดมันก็ยังสูงกว่าที่ต้องการอยู่ดี เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าเราคาดไว้ว่าเราทำงานแค่ผ่านเกณฑ์ก็พอใจ โอกาสสำเร็จและพลังความพยายามฝึกซ้อมของเรามันจะล้อไปกับเป้าหมาย แปลว่าอย่างดีก็คือผ่านเกณฑ์แต่โอกาสสำเร็จในอัตราที่ดีกว่านั้นแทบจะไม่มีอยู่เลย ขณะที่การตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าเดิม 2-3 เท่า แล้วมุ่งมั่นฝึกไปเรื่อย ๆ และลงมือทำมัน นับเป็นสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเกิดการตั้งเป้าหมายระยะยาวที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพจากขีดจำกัดได้ และแม้จะเฟล
สิ้นปีกำลังจะมาถึงในไม่กี่อาทิตย์ เพื่อไม่ให้ปลายปีนี้เราต้องเฉามานั่งไล่ลิสต์ที่เขียนไว้ต้นปีเพื่อกดก๊อปปี้วาง แล้วไปพอกไว้ปีหน้า UNLOCKMEN ขอทำหน้าที่เป็นป๋าดัน แนะนำวิธีคลอดไอเดียเป็นล้านที่คุณมี ให้มันไม่เป็นแค่จินตนาการฟุ้ง ๆ ในอากาศ สามารถบรรลุเป้าหมายได้แม้ว่าคุณจะงานล้นมือหรือมีเวลาน้อยนิดแค่ไหนก็ตาม เหตุผลคนดองไอเดีย ไม่ได้ขี้เกียจแค่ทางเลือกมันเยอะเกิน ใครที่ไอเดียพลุ่งพล่านมาหลายปี แต่ชั่วชีวิตนี้ไอเดียก็ยังเป็นได้แค่ไอเดียเฉย ๆ ไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างในชีวิตจริงสักที เรื่องนี้อธิบายได้ว่ามันมีเหตุผลของมัน เพราะเคยมีนักจิตวิทยาทำวิจัยเรื่องการวางแผนลงทุนเพื่อนการเกษียณสำหรับพนักงานไว้แล้วพบว่า ยิ่งเรามีทางเลือกให้เลือกเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ แทนที่เราจะได้ทำตามทางเลือกเหล่านั้นกลับกลายเป็นว่าไอ้ทางเลือกเยอะ ๆ นี่แหละที่สกัดดาวรุ่งเรา จนสุดท้ายคนที่เข้าร่วมการวิจัยที่เจอทางเลือกลงทุนเยอะ ๆ เข้าไปเลยล้มแผนออมเพื่อเกษียณมันซะเลย ดังนั้น การขยับไปทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิบเป็นร้อยสิ่งนี่แหละที่มันดูดพลังงานเราเหลือเกิน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นกับเรา นี่คือ 5 สิ่งที่เราควรปักหมุดในใจและลงมือทำเสมอไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ ใครพร้อมลุยก่อนสัปดาห์สุดท้ายของปีจะมาถึงก็เริ่มได้ทันที ไม่ต้องรอฤกษ์ปีใหม่แต่อย่างใด 1. สร้างเดดไลน์ย่อย ๆ ให้เดินตาม โปรเจ็กต์งานชิ้นนี้ให้เวลา 2 เดือน ฟังดูเหมือนจะนานเพราะเราคิดเอาเองว่างานชิ้นนั้นวันสองวันก็เสร็จแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงสิ่งที่เราเจอมันกลับกลายเป็นหวุดหวิดจะไม่ทันเสียได้ ถ้าใครอยู่ในอาการนี้อาจจะเข้าข่ายว่าเรากำลังเข้าโหมด Parkinson Law ที่กล่าวไว้ว่า “การทำงานมันยืดจนเต็มเวลาเดดไลน์ได้เสมอแหละ” ซึ่งถ้าถามว่าเวลาไปไหนหมด ทำไมไปปั่นตอนใกล้นนาทีสุดท้ายมันชัดเลยว่าเราเอาไปเติมอย่างอื่น เช่น ขอเล่นเกมก่อน
ขึ้นชื่อว่า “ความสำเร็จ” มันก็ได้มาโคตรยากจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว แต่ว่ากันว่าทันทีที่เท้าก้าวขึ้นไปแตะยอดเขาแห่งความสำเร็จเมื่อไหร่เป็นต้องหนาวยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังเมื่อนั้น สมกับที่เขาว่ากันว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เพื่อนที่เคยร่วมทางมาด้วยกันก็ห่างหาย ไหนจะใครต่อใครที่ต่างกังขาว่าเราสำเร็จมาได้อย่างไร หรืออย่างร้ายที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายคือการต้องรับมือกับความอิจฉาจากบรรดาลูกผู้ชายด้วยกันเอง ก่อนจะหดหู่จนไม่อยากก้าวเท้าสู่ความสำเร็จมากไปกว่านี้ UNLOCKMEN อยากเสนอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ต้องมีหวัง วิธีการรับมือกับความสำเร็จก็เช่นกัน และนี่คือ “5 วิธีอยู่กับความสำเร็จที่ได้มาให้ได้” แม้จะยากแค่ไหนก็ต้องสู้ หนีไปจากคอมฟอร์ตโซนซะ! ความสำเร็จมันก็น่ากลัวสำหรับบางคนเหมือนกัน เพราะบางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกว่า “เฮ้ย กูสำเร็จแล้วว่ะ กูพอแล้วดีกว่า” หรือไม่ก็ “อุตส่าห์เหนื่อยมาตั้งนานของพักอยู่เฉย ๆ แล้วกัน” เพราะความสำเร็จทำให้เราเหนื่อยหรือรู้สึกว่าเรามาถึงจุดสูงสุดแล้ว เราจึงมักไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร อยากอยู่กับที่เพราะคิดว่าของเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ความจริงการออกจากคอมฟอร์ตโซน การลองอะไรใหม่ ๆ ต่างหากที่จะทำให้คุณอยู่รอดได้บนหนทางแห่งความสำเร็จต่อไป มันจะสอนให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้ที่จะผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ และการผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้เราเป็นคนเปิดกว้าง นอบน้อม รับฟังคนอื่นที่แม้ไม่สำเร็จเท่าคุณแต่คุณก็ใจกว้างพอจะเปิดรับเขา เป็นเมนเทอร์ให้คนรุ่นใหม่ ๆ การแบกรับความสำเร็จอยู่บนสองบ่าย่อมถูกคาดหวังว่าต้องแบ่งปันทริค แบ่งปันไอเดียที่จะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จไปสู่คนอื่นเป็นธรรมดา เราก็แนะนำว่าทำอย่างนั้นแหละถูกต้องแล้วเพื่อน! นอกจากความคูลแล้ว การเป็นเมนเทอร์ผู้อื่นยังทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนหนทางที่ผ่านมา และยังได้ความคิดเห็นเฟรช ๆ ใหม่
บ่อยครั้งที่ผู้ชายอย่างเราหวังว่าโชคจะเข้าข้างเราบ้าง หรือตัดพ้อน้อยใจว่าทำไมฟ้าถึงไม่มีตาเห็นเรา แล้วมอบสิ่งดี ๆ ให้ แต่ UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าเลิกขอจากโชคชะตาฟ้าลิขิตเถอะ! เพราะความสำเร็จไม่ใช่เรื่องโชคชะตา แต่คือเรื่องสองมือสองขาของเราเอง และ UNLOCKMEN เชื่อว่า 5 นิสัยต่อไปนี้จะทำให้คุณได้ไปต่อในหนทางแห่งความสำเร็จแน่นอน 1.เป้าหมายต้องชัด อย่าให้อะไรพัดความฝันเราได้ นิสัยอย่างแรกที่จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จในชีวิตคือการมีเป้าหมายที่ชัดเจน อย่าปล่อยให้ความคลุมเครือไม่ชัดเจนพัดพาคุณออกจากหนทางแห่งความสำเร็จไปไหนไกล ดังนั้นจะทำอะไรอย่าลืมแปะป้ายในสมองตัวโต ๆ ว่าเราต้องการอะไรที่สุด? และพุ่งชนมันให้สุดชีวิต 2.ลำดับความชัดเจนของชีวิต เอาให้เครื่องติดสุดพลัง บ่อยครั้งที่เป้าหมายเราไม่ได้มีเป้าหมายเดียว โดยเฉพาะการเป็นผู้ชายที่ Work Hard Play Hard ด้วยแล้ว ความสนใจเรามีล้นมือเต็มไปหมด แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะไปด้วยกันไม่ได้ ลองลิสต์ดูว่าในความสนใจ 10 อย่าง อะไรคือ 3 อย่างที่เราชอบที่สุดและมันไปในทิศทางเดียวกันอย่างไรได้บ้าง แล้วก็มุ่งทำมันควบคู่กันไปในทิศทางเดียวกันให้ได้ดี 3.ความล้มเหลวคือบทเรียน เราอาจจะกลัวความล้มเหลวจนไม่ได้ทำอะไรเลยก็เป็นได้ จริงไหม? ดังนั้นอย่ากลัวที่จะทดลองทำอะไรใหม่ ๆ แค่เพราะกลัวความล้มเหลว อย่าลืมว่าความล้มเหลวคือบทเรียนหนึ่งที่จะสอนให้เรารู้ว่าจะไม่เดินกลับไปผิดพลาดในทางเดิม ๆ อีก ดังนั้นรู้ไว้เลยว่าอย่าไปกลัวมัน สิ่งสำคัญคือการได้เรียนรู้ต่างหาก 4.ทักษะต้องรอบด้าน เพื่อผลงานที่เราหวัง แม้ความฝันจะมีเพียงหนึ่ง
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการพยายามทำอะไรให้สำเร็จ แต่บางทีการพยายามมุ่งแต่จะเอาชนะจนลืมรายละเอียดหลาย ๆ อย่างไปอาจทำให้เราพลาดบางสิ่งที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จไปได้ วันนี้ UNLOCKMEN นำ 5 เรื่องราวดี ๆ ของการไม่พยายามเอาชะอย่างเดียวว่าจะนำพาอะไรดี ๆ มาในชีวิตบ้าง ผ่อนคลาย ไม่กดดันตัวเอง การบอกตัวเองว่าต้องชนะ ๆ แม้ทางหนึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองทำให้สำเร็จ แต่อีกทางหนึ่งคือการกดดันตัวเอง และการกดดันตัวเองหลายครั้งนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นการไม่พยายามจะเอาชนะมากเกินไป ให้เวลาตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง ทำตามหนทางที่วางไว้แบบค่อยเป็นค่อยไป หรือถ้าจะรีบก็รีบเพราะความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะกดดันตัวเองว่าต้องก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง รับรองว่าคุณจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว มีโอกาสมองหาบทเรียนระหว่างทาง บางครั้งบทเรียนในชีวิตไม่ได้มาในรูปแบบการลงคอร์สเรียน หรือการมุ่งหาที่เรียนเสมอไป เราไม่ได้บอกคุณว่า หยุดนะ! หยุดเรียนตามระบบ แต่เราแค่จะบอกว่าการพยายามเอาชนะมากเกินไปทำให้คุณละเลยที่จะมองเห็นบทเรียนต่าง ๆ ระหว่างทาง เพราะหลาย ๆ ครั้งบทเรียนหรือการเรียนรู้อะไรบางอย่างก็ไม่ในมาแค่ในห้องเรียน หรือในการทำงาน การไม่พยายามเอาชนะเพียงอย่างเดียวทำให้คุณได้บทเรียนอันล้ำค่าจากระหว่างทางที่คุณหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว คอนเนคชั่นที่ได้มาโดยไม่รู้ตัว การไม่เร่งรีบเอาชนะทำให้เรามีโอกาสได้ซึมซับระหว่างทางมากขึ้น ระหว่างทางนอกจากมีบทเรียนดี ๆ ให้คุณได้เรียนรู้อย่างล้นหลามแล้ว ยังมีคอนเนคชั่นแบบที่คุณคาดไม่ถึงอีกด้วย ไม่มีใครกำหนดซักหน่อยว่าคอนเนคชั่นจะมาแค่ในการเจรจาในวงธุรกิจเท่านั้น เพราะหลาย ๆ ครั้งคอนเนคชั่นก็มาในวงเหล้า มาจากการเดินออกไปสูบบุหรี่ชิล ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองอยากมุ่งเอาชนะรีบทำแต่อะไรในกรอบจนลืมอะไรนอกกรอบแล้วต้องพลาดคอนเนคชั่นดี ๆ