Entertainment

“หยุดวิ่งตามคนอื่นเพราะจุดยืนคนไม่เหมือนกัน” 5 หนังสือความสำเร็จในมุมที่ต่างออกไป

By: PSYCAT July 8, 2020

เราต่างหายใจอยู่บนโลกยุคที่เห็นความสำเร็จของคนอื่นผ่านหน้าจอมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราเห็นความสุขที่เพื่อน ๆ ใช้เงินมหาศาลแลกกับการพักผ่อนหรูหราในวันที่เราแสนเศร้า เราเห็นคนรู้จักก้าวหน้าในหน้าทีการงานแบบก้าวกระโดด แต่เรายังอยู่ที่เดิม

นี่คือโลกที่เรามองเห็นคนอื่นได้ง่ายดาย แต่กลับยิ่งทำให้เราใจหายกับสิ่งที่เราเป็นมากขึ้นทุกวัน ๆ เมื่อชีวิตคนอื่นก้าวไปไกล เมื่อเห็นใคร ๆ ประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่เข้าถึงความสุขแบบที่เราเข้าไม่ถึง เราจึงอดเอาตัวเองไปเทียบไม่ได้

เราไขว่คว้า วิ่งไล่ตาม อยากสุขแบบนั้น สำเร็จแบบนี้ มีเงินแบบโน้น ซึ่งการกระหายที่จะดีขึ้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การวิ่งไล่ตามความสำเร็จของคนอื่น อาจทำเราแสนเหนื่อยแสนท้อ โดยหลงลืมไปว่า จริง ๆ แล้วแต่ละคนมีบริบทที่ไม่เท่ากัน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าเวลาในการประสบความสำเร็จก็ไม่เท่ากันด้วย

ก่อนที่จะวิ่งไล่ล่าความสำเร็จในแบบคนอื่นจนหมดแรงไปเสียก่อน เราอยากชวนคุณมาพักทบทวนความสำเร็จ ทบทวนจุดยืน ทบทวนคุณค่าด้วยหนังสือ 5 เล่มที่จะพาไปสำรวจความสำเร็จในมุมอื่น ๆ ที่ต่างออกไป หลังอ่านจบ เราอาจตระหนักได้มากขึ้นว่าเราล้วนมีความสำเร็จในแบบของเรา และมันไม่จำเป็นต้องมาถึงในเวลาเดียวกับที่คนอื่นเขามาถึงก็ได้

 

วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นอาจเพราะเราเติบโตมากับคำสอนแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งที่เราเห็นเพื่อนเราสำเร็จ ได้ดิบได้ดี เราจะเชื่อว่าเพราะเขาพยายาม ในขณะเดียวกันเราก็โบยตีและโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเพราะเราไม่พยายามหรือพยายามไม่พอถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ วิทยาศาสตร์แห่งความสำเร็จ เล่มนี้จะพาเราไปรู้จักกฎแห่งความสำเร็จในหลากหลายแง่มุม (ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน) โดยแต่ละกฎที่เขียนไว้ก็ไม่ใช่เขียนแบบหนังสือฮาวทูลอย ๆ หรือไลฟ์โค้ชปากเปล่า แต่ทั้งหมดผ่านการศึกษาวิจัยด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์มาแล้วทั้งสิ้น

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะได้รู้กฎแปลก ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเท่านั้น แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าที่หลายครั้งเราเห็นคนอื่นเขาประสบความสำเร็จนั้น มันไม่ใช่แค่เพราะเขาพยายามสักหน่อย

แต่เพราะหลาย ๆ ปัจจัยไปสู่ความสำเร็จนั้นมีต้นทุน มีความแตกต่าง มีรายละเอียดยิบย่อยสารพัดที่ต่างกัน และนั่นจะทำให้เราเคาระและใจดีกับตัวเองมากขึ้นได้ว่าไม่ใช่แค่เพราะเราไม่พยายาม แต่เพราะความสำเร็จมันมีหลากมิติมากกว่าที่เราเคยคิดต่างหาก

 

สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่นิยามตัวเองว่าเป็นคนขี้เกียจ เราเชื่อว่าอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตที่ต้องเคยคิดว่ากูจะเลิกขี้เกียจแล้ว จะได้สำเร็จเหมือนคนอื่นเขาสักที!” นอกจากนั้นเราอาจเผลอตัดพ้อโชคชะตาว่าเพราะคนอื่นขยันเขาถึงสำเร็จ เพราะคนอื่นมีแพสชันเปี่ยมล้นเขาถึงสำเร็จ คนขี้เกียจอย่างเราถ้าไม่เปลี่ยนตัวเองก็คงไม่มีทางสำเร็จได้

แต่ สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ เล่มนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าก่อนจะไปถึงความสำเร็จ เราต้องยอมรับก่อนว่าเราเป็นคนขี้เกีย ลแะคนขี้เกียจก็มีจังหวะและรูปแบบการประสบความสำเร็จในแบบของเรา ถ้าเรามัวแต่วิ่งตามความสำเร็จในแบบคนอื่น นอกจากไม่เป็นตัวเองแล้ว ความสำเร็จที่เราไล่ตามก็ไม่ใช่ความสำเร็จในแบบของเราอีกด้วย

หนังสือเล่มนี้จึงจะพาเราไปเข้าใจความขี้เกียจของเรา และจะสำเร็จสไตล์คนขี้เกียจได้อย่างไรบ้าง หาแรงจูงใจแบบไหน (ที่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแรงจูงใจเดียวกับคนขยัน หรือคนคุณลักษณะอื่น ๆ ) อย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็จะปลอบโยนคุณว่า เฮ้ย ความขี้เกียจถ้ายอมรับและรู้จักใช้มัน มันก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นที่ว่าชาตินี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้สักหน่อย แค่เรามีจังหวะความสำเร็จในรูปแบบของเรา

 

ยอดมนุษย์นักกีฬา : มหัศจรรย์พันธุกรรมหรือสัจธรรมการซ้อม

อาชีพหนึ่งที่ต้องกระโดดข้ามไปมาระหว่างความสำเร็จ ความล้มเหลว ชัยชนะ และการพ่ายแพ้อยู่ตลอดเวลาคืออาชีพนักกีฬาไม่ว่ากีฬาประเภทไหนพวกเขาต้องฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อคว้าชัยชนะมาให้ได้เสมอ การได้อ่านเล่มนี้จึงเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่เราจะได้เข้าใจการฝึกฝนไปสู่ชัยชนะ หรือแม้กระทั่งคำถามที่ว่าตกลงนักกีฬาที่มีพรสวรรค์กับนักกีฬาที่มีพรแสวงอะไรจะแน่กว่ากัน?

เดวิด เอปสไตน์  ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็คืออีกคนที่สนใจว่าตกลงถ้าคนทุกคนฝึกซ้อม 10,000. ชั่วโมงเท่ากัน แล้วจะเก่งเท่ากันจริงไหม? หรือจริง ๆ แล้วคนบางคนก็มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬามากกว่าบางคนจริง ๆ ? ทำไมทีมกีฬาทั้งทีมฝึกซ้อมเท่ากัน กินนอนเหมือนกัน ถึงให้ผลลัพธ์ในการคว้าชัยที่ต่างกัน?

นอกจากได้เข้าใจวิทยาศาสตร์ การวิจัยผ่านการประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาจากหนังสือเล่มนี้แล้ว เราจะยังเข้าใจมากขึ้นว่าบางครั้งที่เขาว่ากันว่าต้องพยายาม 10,000 ชั่วโมง ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ จริง ๆ อาจไม่ใช่อย่างที่เชื่อกันเสมอไปก็ได้ อแต่ความสำเร็จมีปัจจัยมากกว่านั้น ที่บางครั้งเราเองก็ไม่ควรโทษว่าตัวเองห่วยอย่างเดียว

 

พลังแห่งเมื่อไหร่

สายวันหนึ่งอันชวนง่วงงุน ในขณะที่เราเพิ่งแหกขี้ตาตื่นอย่างอ่อนล้า เพราะเมื่อคืนปาร์ตี้หนักหน่วง แล้วไถมือถือแบบเบื่อ ๆ  ก็ได้เห็นว่าเพื่อนไปวิ่งออกกำลังกายในสวนอย่างสดชื่นตั้งแต่เช้ามืด แล้วก็ไปกินอาหารเช้าแสนอร่อยจนอิ่มหนำ และจิบชายามสายรออยู่แล้ว หันกลับมาที่ตัวเองที่ทั้งเมา แฮงก์ และยังไม่เริ่มต้นทำอะไรเลยช่างชวนหดหู่

การได้เห็นกิจวัตรของคนอื่นผ่านหน้าจอมือถือหลายครั้ง็ทำให้เราไขว้เขว และอดถามตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า เอ๊ะ ในขณะที่คนอื่นเขาทำสิ่งดี ๆ มีความสุขตั้งมากมาย นี่กูทำอะไรอยู่วะ?

พลังแห่งเมื่อไหร่เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จะบอกให้เราหยุดก่อน อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย มนุษย์มีหลายแบบ ในเล่มจะพาเราไปรู้จักกับกฎการใช้เวลา 4 แบบ ที่เมื่อเรารู้จักตัวเอง เราจะไม่ต้องวิ่งไล่ตามใคร

เพราะแต่ละคนมีช่วงเวลาเฉพาะในแบบของตัวเอง แค่รู้จักตัวเอง รู้จักเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง แค่ไม่กี่นาที หรือชั่วโมงก็จะพลิกชีวิตเราได้มหาศาล

 

เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด

การเป็นวัยรุ่นคือช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ หลายครั้งในวันวัยเช่นนั้นเราจึงรู้สึกหลงทาง โดดเดี่ยว บางครั้งวิ่งตามความฝันคนอื่น บางทีวิ่งไล่ความสำเร็จที่ใคร ๆ กำหนดให้ว่าดี บางทีก็อยากเป็นแบบนั้นแบบนี้เพราะยังหาสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่เจอ

แต่ความจริงที่น่าเศร้าคือไม่ใช่แค่วัยรุ่นเท่านั้นที่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หรือคอยวิ่งไล่ความสำเร็จที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราต้องการจริงหรือเปล่า

เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด เล่มนี้จึงไม่ได้เหมาะแค่วัยรุ่นเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนที่ยังตามหาตัวเอง ยังรู้สึกว่าความสำเร็จของคนอื่นช่างง่ายดาย แต่ทำไมของเราไม่เห็นง่ายเหมือนคนอื่นเขา?

ตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้บอกเราว่าในหนึ่งปีมีดอกไม้แต่ละประเภทที่งอกงามในเวลาที่ต่างกัน เราอาจเห็นบางดอกสวยสดใสในฤดูร้อน ในขณะที่บางต้นชูช่องดงามในฤดูหนาว ความสำเร็จของมนุษย์ก็เช่นกัน การที่เราไม่ผลิดอกออกผลในตอนนี้ ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่สำเร็จ แต่อาจแปลว่าฤดูของเรายังมาไม่ถึงก็เป็นได้

 

ไม่ว่าตอนนี้คุณจะสำเร็จแล้ว ยังไม่สำเร็จ เหนื่อยท้อกับการไขว่คว้า หรือเปี่ยมด้วยพลังโชติช่วง ให้หนังสือ 5 เล่มนี้พาคุณไปสำรวจมิติใหม่ ๆ ของความสำเร็จ เพื่อเยียวยา เพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อให้ใกล้ความสำเร็จในแบบตัวเองมากขึ้น และวิ่งไล่ตามความสำเร็จของคนอื่นน้อยลง

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line