Business

เปิดมุมมอง ILLUSTRATOR มือหนึ่งของโลก “สุรชัย พุฒิกุลางกูร” กับ ‘ขนาดความสำเร็จ’ ที่ไม่มีใครรู้มาก่อน!

By: HYENA September 29, 2017

สำหรับคนในแวดวงงานออกแบบ และงานโฆษณา คงจะรู้จักชื่อของผู้ชายคนที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้เป็นอย่างดีแน่นอน ด้วยศักยภาพ และความโดดเด่นของผลงานทั้งหมดของเขา ที่ผ่านการกวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วเรียกได้ว่าทุกเวที ไม่ว่าจะเป็น LIA Awards, CLIO Awards, D&AD Award รวมไปถึง Cannes Lion Awards และอีกมากมายจนไม่สามารถจะเรียบเรียงได้หมด จนตอนนี้เขาคนนี้ถือเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ และกลายเป็น No.1 ของโลกไปแล้ว

ชายคนนั้นก็คือ “พี่ชัย” หรือ “สุรชัย พุฒิกุลางกูร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิลลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็น บริษัท CGI สตูดิโอสัญชาติ ไทยที่โด่งดังไปไกล และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก

วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสดี ๆ ที่จะไปพูดคุยกับ “พี่ชัย” กันถึงในห้องทำงาน และ สอบถามถึงเรื่องราวที่น่าสนใจในหลากหลายแง่มุม ทั้งเรื่องประสบการณ์การทำงาน, เรื่องของมุมมองความสำเร็จ และอื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่รับรองว่า คุณจะได้สาระดี ๆ จากผู้ชายคนนี้อีกหลายด้านที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด

ตอนนี้เราไปพบกับบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของคนที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จในชีวิตจนกลายเป็นที่ 1 ของโลกคนนี้กันเลยดีกว่า โดยเฉพาะใครที่กำลังมีคำถามกับตัวเองอยู่พอดีว่า จะทำอย่างไรให้ก้าวสู่จุดที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิตได้? จุดไหนกันที่เรียกว่าเป็นจุดที่สามารถบอกกับตัวเอง และคนอื่น ๆ ได้ว่า เราประสบความสำเร็จแล้ว? และความสำเร็จที่ว่านี้ มันมีหน้าตาเป็นอย่างไร?  UNLOCKMEN ได้นำเอาคำถามทั้งหมดนี้ไปให้คนที่เคยสัมผัสมันมาแล้ว มาตอบคำถามทั้งหมดนี้มาให้ได้อ่านกัน

เมื่อเราเดินทางมาถึง บริษัท อิลลูชั่น ที่ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของตึกใหญ่ใจกลางเมือง เพียงแค่ก้าวผ่านบานประตูเข้าไปแค่ก้าวแรก เราก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ เพราะสิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านั้น เป็นถ้วยรางวัลที่ได้รับมาจากผลงานที่ชนะการแข่งขันในเวทีประกวดระดับโลกทั้งนั้น และอาจจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่มีถ้วยรางวัลจากเวทีระดับ Grand Prix เยอะที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้

จากผลงานที่ทำร่วมกับบริษัทเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่หลากหลายชาติ ทำให้งานของพี่ชัย มีคนรู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การยอมรับและความสำเร็จที่ตามมาคงเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่จากความเก่งฉกาจ และความโดดเด่นของผลงานที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ

“พี่ชัย” หรือ “สุรชัย พุฒิกุลางกูร” เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแน่นอนว่าจะเป็นคณะใดไปไม่ได้นอกจากคณะวิจิตศิลป์สาขาจิตกรรม โดยพี่ชัยเล่าถึงเหตุการณ์ในชีวิตช่วงนั้นให้ฟัง เพราะมันเป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้น และที่มาของการที่ตัวเองได้ก้าวมาถึงจุดที่คนอื่น ๆ เรียกมันว่า “ความสำเร็จในชีวิต”

“ต้องบอกก่อนว่า ผมโชคดีอย่างหนึ่งที่เรารู้ตัวมาตลอดว่า ผมชอบการวาดภาพ ก็วาดมาเรื่อย ๆ จนรู้ตัวเองแบบชัดเจนแล้วว่า แนวทางที่เราถนัด และชอบมันจริง ๆ คือ การวาดภาพ ก็เลือกที่จะเรียนในสิ่งที่เรารัก  อย่างที่ทุกคนรู้กัน ผมจบจิตรกรรม คณะวิจิตศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

“แน่นอนว่า ทุกคนที่เรียนก็ชอบเกี่ยวกับศิลปะ แต่ตอนเรียนถือว่าผมโชคดีกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง งานศิลปะมันมีมากมาย บางคนรู้ว่าตัวเองชอบศิลปะแต่พอถามลึกลงไปอีกว่าชอบศิลปะชนิดไหนกลับกลายเป็นว่าไม่รู้ ไม่แน่ใจ แต่ผมถามตัวเองจนผมเจอว่า สิ่งที่ผมชอบคือ การวาดภาพ และต้องเป็นการวาดภาพเหมือน หรือ ที่มักจะเรียกกันว่า “Super Realistic”

“พี่ชัย” พูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า จริง ๆ แล้ว ทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพียงแต่ต้องรู้จักค้นหาตัวเอง และรู้วิธีที่จะเลือกวิธีการอย่างชาญฉลาด เพราะคนเรานั้นเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่มีมากับตัวตั้งแต่เกิด แต่คนเรามักมองข้ามมันไป

“คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง พอเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จก็อยากจะเป็นเหมือนเขา อยากจะทำเหมือนเขา แต่นั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัด ๆ เลย ส่วนใหญ่อยากรวยเหมือนคนอื่น อยากเก่งเหมือนคนอื่น อยากประสบความสำเร็จแต่กลับไม่รู้เลยว่า ตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง?”

“เพราะฉะนั้น ผมว่าก่อนที่เราจะคิดสร้างสรรค์ไปไกลอยากเป็นเหมือนคนนู้นคนนี้ ลองคิดเกี่ยวกับตัวเองให้มากที่สุดก่อน ยังไม่ต้องไปคิดถึงคนอื่นเลย ค้นหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ แล้วพัฒนาจุดแข็งของตัวเอง แน่นอนว่า มันจะต้องใช้เวลา และคนเราก็ดันไม่ค่อยอดทนกับการใช้เวลาอีก”

“มันฟังดูมันซับซ้อนวนไปวนมานะ แต่แก่นมันจริง ๆ ก็คือ คนเรามักใจร้อนมองความสำเร็จคนอื่นแล้วก็อยากจะได้ อยากจะเป็นแบบนั้น แต่พออยากจะเป็นแบบนั้น แต่ศักยภาพของตัวเองมันคืออะไรก็ยังไม่รู้ ยังหาไม่เจอ มันจบตั้งแต่ตรงนี้แล้ว”

“เพราะถ้าคนไหนก็ตามที่รู้จักค้นหาตัวเอง พอเจอว่าตัวเองมีศักยภาพด้านไหน ส่วนใหญ่จะรู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรทันที และไม่ค่อยคิดจะเป็นเหมือนใคร”

“ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเราจะรู้ตัวว่า เราจะไปอยากประสบความสำเร็จแบบเขานั้นมันเป็นไปไม่ได้ แค่ความถนัด ความสนใจ และศักยภาพที่มีก็ไม่เหมือนกันแล้ว เอาเวลามาค้นหาแล้วพัฒนาสิ่งที่ตัวเองถนัด สิ่งที่ตัวเองชอบ และทำได้ดีโดยธรรมชาติจะดีกว่า ดังนั้น อย่าเสียเวลาอยากเป็นอย่างใคร ใช้เวลาค้นหาตัวเราให้เจอมัน และพัฒนามันให้เต็มที่คงจะดีกว่า” 

อีกสิ่งหนึ่งที่พี่ชัยมองว่ามันเป็นส่วนประกอบของความสำเร็จก็คือ คนเราเรียงลำดับความสำคัญไม่ค่อยถูกต้อง โดยจับเอาสิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญที่สุด ไปอยู่ในลำดับรอง เอาสิ่งที่ตัวเรามีความสามารถ และทำได้ดี ไปเป็นสิ่งที่นาน ๆ จะทำสักครั้งหนึ่ง

“น่าแปลกที่คนส่วนมากมักจะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือสิ่งที่ทำมันออกมาได้ดี มาลดระดับคุณค่าของมัน และลดขนาดความสำคัญให้อยู่ตกลงมาอยู่ในลำดับที่รองลงมา โดยการจับเอาสิ่งที่ชอบเหล่านั้นออกไปจากชีวิต และเรียกมันว่า งานอดิเรก”

จะว่าไปคนเราเมื่อเห็นใครประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่ก็มักอยากจะเป็นเหมือนคนเหล่านั้น อยากจะเป็นเหมือนคนอื่น จนอาจจะลืมความเป็นตัวเองไป จริง ๆ การที่จะเป็นเหมือนคนอื่นนั้น มันเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะมันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างกันมากมายระหว่างคนแต่ละคน

บางครั้งแม้ว่าเราจะมีความสุขกับการทำงานที่เราชื่อชอบก็จริงอยู่ แต่มันก็ต้องมีช่วงเวลาที่เหนื่อย ล้า หรือเกิดการติดขัดในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ หรือรู้สึกไม่พัฒนาขึ้น หรือที่ภาษาบ้าน ๆ มักเรียกว่า “ช่วงตัน” เมื่อทำมันติดต่อกันนาน ๆ แต่อย่างพี่ชัยที่ทำงานด้านนี้มาตลอด 30 ปี และแน่นอนว่าฝีมือระดับนี้งานต้องล้นทะลักเข้ามาไม่หยุดแน่ ๆ แบบนี้มีช่วงที่รู้สึกแบบนี้บ้างรึเปล่า?

“ถามว่ามีล้าไหม? มีเหนื่อยไหม? มันก็คงจะต้องมี แต่อยากที่บอกไป ถ้าหากสิ่ง ๆ นั้น มันเป็นสิ่งที่เราชอบและเรารักที่จะทำ จะล้าจะเหนื่อยได้ พักไป พอฟื้นตัวมันก็จะกลับมาเร็วกว่าคนอื่น เมื่อเราได้พักสักหน่อย จนทุกความเหนื่อยล้ามันค่อย ๆ ฟื้นตัว เราก็จะพบว่า เดี๋ยวเราก็จะกลับมาจับมันอีกอยู่ดี เพราะมันคือ สิ่งที่เราชอบ เราอยากจะทำมัน”

“อันนี้มันเป็นวงจรที่เกิดขึ้นกับคนที่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ มันเป็นข้อได้เปรียบกว่าคนอื่นเวลาไปแข่งขันกับคนอื่น ๆ การที่เราทำในสิ่งที่เราชอบมันจะทำให้เราตื่นตัว และมีความสดมากกว่าคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่ทำในสิ่งที่มันไม่ชอบ หรือไม่ใช่ตัวเอง พอมันเจอช่วงตัน มันเจอกับความเหนื่อยล้า พอมันถึงเวลามันจะรู้สึกไม่อยากทำ สุดท้ายก็เลิกไป”

ถึงแม้ว่าบางคนจะค้นพบแล้วว่า ตนเองนั้นชอบอะไร มีศักยภาพด้านไหน แต่กว่าจะผ่านช่วงเวลาเพาะบ่มประสบการณ์จนกลายเป็นผู้ชำนาญ และมีฝีมือจัดจ้านได้นั้น มันต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนก็เลยรู้สึกท้อ เบื่อ เหนื่อย และล้มเลิกไปก่อนที่จะถึงจุดที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ พี่ชัยทำอย่างไรถึงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

“ถ้าหากทำอะไรที่มันต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องทำอะไรที่ต้องใช้เวลาอยู่กับมันนาน แล้วพอทำไปก็รู้สึกไม่ไหว เบื่อไม่เอาแล้ว ผมว่าคุณต้องลองกลับไปค้นหาตัวเองใหม่ เพราะคุณยังไม่เจอตัวตนที่แท้จริง”

“ทางเดียวที่จะผ่านช่วงเวลา หรือการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหมือนเดิมซ้ำ ๆ ได้นั้น ทางเดียวเลยก็คือ คุณต้องชอบทำในสิ่งนั้น เพราะว่าอะไรรู้ไหม? ถ้าหากมีคน 2 คน ทำในสิ่งเดียวกัน คนหนึ่งชอบทำสิ่งนี้ อีกคนไม่ชอบทำสิ่งนี้ ความแตกต่างระหว่าง 2 คนนี้ จะออกแสดงออกมาอย่างเด่นชัดก็คือ คนที่ชอบจะอยู่ทนกว่า ส่วนคนที่ไม่ชอบพอทำไปสักพักมันก็จะเลิกไป”

“ในขณะเดียวกันมันก็จะมีคนชอบในเรื่องเดียวกับเราเข้ามาใหม่ แต่ถ้าเรายังคงชอบมัน และชอบมันมากขึ้นไปจนกระทั่งหลงรัก ต่อให้มีสักกี่คนเข้ามาเราก็จะหาวิธีที่จะทำให้เราอยู่พัฒนานำหน้าคนอื่นอยู่ดี เหมือนเวลาจีบสาวนั่นแหละ คนที่ชอบผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ จะอยู่นานสุด จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สุดท้ายเมื่อถึงเวลามันก็จะสำเร็จ สุดท้ายจะเหลือแต่คนที่รักจริงเท่านั้น”

เรื่องของแรงบันดาลใจในการทำงานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนมักใช้มันเป็นข้ออ้างในการทำงานอยู่ประจำ บางคนอาจจะพูดว่า ต้องรอแรงบันดาลใจก่อน ยังหาแรงไม่เจอเลยยังไม่อยากที่จะทำงาน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ความหมายของคำว่าแรงบันดาลใจของคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนทั่ว ๆ ไปนั้น มันแตกต่างกันคนละขั้ว

“จริง ๆ  แล้ว ถ้าถามว่า แรงบันดาลใจในการทำงานของผมคืออะไร สำหรับผมบอกเลยว่า ผมไม่ต้องหามันเลย ไม่เคยรู้สึกต้องรอมันสักครั้ง ผมก็แค่ทำมันเพราะผมอยากทำเท่านั้น ก็แค่เราชอบ มันก็อยากที่จะทำของมันเอง มันจะเริ่มต้นของมันเอง มันจะค้นหาเอง อย่างผมบางทีมันก็จะรู้สึกว่า เราเริ่มตันแล้วว่ะ..เราจะทำยังไงดีวะ? คราวนี้มันก็จะไปหาวิธีต่อแล้วว่า ผมจะทำยังไงต่อ ผมอาจจะได้คำตอบว่า ต้องไปหาวัตถุดิบใหม่ ๆ”

“วัตถุดิบในชีวิตก็มีหลายอย่าง มันก็มีวิธีที่ได้ผลกับแต่ละคนต่างกันอีก บางคนอาจจะเป็นการท่องเที่ยว การเดินทาง การอ่านหนังสือ หรือ ดูหนัง ฟังเพลง แต่วิธีของผมคือ ไปในที่ที่ผมรู้สึกสบาย”

ในวิถีการทำงาน ความท้าทายถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บางคนอาจจะมองว่า มันคงจะไม่มีอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าเราขึ้นไปสู่จุดสูงสุด หรือจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ แต่สำหรับ พี่ชัย ความท้าทายมันมีอะไรมากไปกว่านั้น

“บางคนอาจจะคิดว่าประสบความสำเร็จตามสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ในตอนแรกมันคือที่สุดแล้ว แต่สำหรับผมคิดว่ามันไม่ใช่ ความท้าทายมันไม่เคยหมดไปเลย ยิ่งถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบยังไงเราก็ต้องอยากที่จะทำมันอยู่ดี และยิ่งทำมันในวันต่อไป หรือครั้งต่อไป เราก็อยากที่จะทำมันได้ดีกว่าเดิม ความท้าทายก็เลยไม่เคยหมดไป”

และอีกสิ่งหนึ่งที่พี่ชัยได้พูดเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ เพื่อให้คนที่อยากประสบความสำเร็จแบบคนอื่น และมีคิดว่าทำไมคนที่ประสบความสำเร็จแล้วหลายคน ถึงทำอะไรก็ดูง่ายดายไปซะหมด ซึ่งที่จริงแล้ว มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คุณเห็น แต่ก็ไม่ได้ยากจนทำไม่ได้ เพียงแค่คุณต้องเข้าใจสิ่งที่พี่ชัยเรียกมันว่า “ขนาดของความสำเร็จ” เสียก่อน

“หากคุณมองถึงสิ่งของที่อยู่รอบข้าง คุณสามารถมองเห็นมัน และประเมินได้ถึงน้ำหนักถ้าหากคุณคิดที่จะหยิบยก หรือแบกมันขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น กล้องถ่ายรูปหนึ่งตัว ถ้าผมบอกให้คุณยกมัน แน่นอน ว่าคุณหยิบมันขึ้นมาได้ทันทีด้วยตัวคนเดียว เพราะคุณรู้ว่ามันมีน้ำหนักประมาณไหน”

“คุณก็รู้ดีว่าคุณสามารถยกมันได้เพราะคุณเคยถือมันขึ้นมาก่อน แล้วถ้าผมบอกให้คุณไปยกโซฟาขึ้นมา ผมถามหน่อยว่า คุณจะบ้าไปยกคนเดียวไหม? ไม่ คุณต้องเรียกคนมาช่วยยก นี่คือ สิ่งของที่เรามองเห็น เราสามารถกะน้ำหนักของมันได้” 

“ทีนี้มาถึงสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งสิ่งที่เราพูดถึงก็คือ ไอ้สิ่งที่เราเรียกมันว่า ‘ความสำเร็จ’ นี่แหละ คนเราจริง ๆ แล้ว ก็ใช้ชีวิต และคิดประเมินสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นเรื่องความสำเร็จ คนเรากลับลืมมองถึงน้ำหนักของมันไป”

“อย่างเช่น ความสำเร็จของนักกีฬาที่ได้เหรียญทองโอลิมปิค คนมองว่า คนได้เหรียญทองประสบความสำเร็จ แต่เคยรู้ถึงน้ำหนักของเหรียญทองเล็ก ๆ นั้นบ้างไหมว่า มันมีน้ำหนักมากมายขนาดไหน เราเคยไปคิดว่าเหรียญทองเหรียญนึงที่กว่าจะได้มาต้องมีทีมงานมากมายแค่ไหน นักกีฬาต้องใช้เวลาฝึกซ้อมนานขนาดไหน นั่นคือ น้ำหนักของความสำเร็จที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น”

“เราต้องมองเห็นขนาดของความสำเร็จก่อนว่ามันใหญ่แค่ไหน เราสามารถยกมันคนเดียวได้ไหม ถ้าเรายกคนเดียวไม่ได้ เราก็ต้องหาทีม การเลือกองค์ประกอบ เลือกทีม เลือกเครื่อง และอีกหลาย ๆ อย่าง จึงมีส่วนสำคัญกับความสำเร็จทั้งนั้น”

“ดังนั้นตอนนี้ ลองถามตัวเองก่อนว่า คุณเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณในทุก ๆ ด้านแล้วรึยัง คุณทำงานที่มันถูกต้องกับความสามารถของคุณแล้วหรือไม่ คุณมีทีมที่ดีแล้วรึยัง คุณทำงานอยู่บริษัทที่ถูกต้องแล้วรึยัง ทุกอย่างทุกขั้นตอนมันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จทั้งนั้น ดังนั้นขนาดของมันจึงมีมากกว่าที่คุณเห็น”

“คุณเคยเห็นคนที่รู้ถึงขนาดของความสำเร็จไหมว่ามันเป็นอย่างไร? ถ้านึกไม่ออกให้ดูนักกีฬาที่เป็นแชมป์หลาย ๆ สมัยดูจะเห็นได้ชัด ในขณะที่แชมป์เคยผ่านทุกอย่างมา จะรู้ถึงขนาดของความสำเร็จนี้เป็นอย่างดี มันจึงทำให้เขามีโอกาสชนะการแข่งขันในครั้งต่อไปมากกว่าคนที่ยังไม่รู้ จริงอยู่ ครั้งแรกของเขาอาจจะแพ้มาก่อนก็ได้ แต่พอแพ้แล้วเขาก็กลับไปซ้อมมาใหม่ พอซ้อมหนักทำการบ้านมาดีฝีมือก็พัฒนา พอไปลงแข่งก็ชนะ”

“การไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ ย่อมมีความกดดัน การแข่งขันก็มีความกดดันของมันเช่นกัน คนที่เคยลองแข่งจะรู้ว่า ความกดดันนั้น มันเป็นอย่างไร มันจะมาในรูปแบบไหน พอรู้ถึงน้ำหนักของมัน ก็จะรู้ว่าจะรับมือมันอย่างไรจะใช้อะไรมาช่วยยก ในขณะที่คนไม่เคยลงแข่งพอเจอกับความกดดันก็ยิ่งไปกันใหญ่ สิ่งเหล่านี้เรียกว่าประสบประการณ์ดังนั้น ความสำเร็จ กว่าจะไปถึงนั้นมันมีมากมายหลายสิ่งเหลือเกิน ที่คนเราจะต้องเรียนรู้และพัฒนามันให้ดีที่สุด”

“เพราะฉะนั้นหากใครถามว่าจะทำยังไงถึงจะประสบความสำเร็จได้ ผมบอกเลยว่า ไม่ต้องไปเริ่มที่ไหนไกล ค้นหาคำตอบที่ใจของตัวเองก่อนว่า คุณเกิดมาเพื่อทำอะไรกันแน่ แล้วค่อย ๆ ทำทุกอย่างอย่างเป็นขั้นตอนของมัน แล้วในที่สุดคุณก็จะถึงจุดที่เรียกว่า ความสำเร็จสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน”

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line