Business

แย่งงานก็ได้แย่งไป แต่เราจะหาทางออกใหม่! สำรวจช่องว่างบนกำแพง AI เพื่อรับมือกับอนาคต

By: anonymK October 8, 2018

เรานั่งทำงานเดิมซ้ำ ๆ ปีแล้วปีเล่าอย่างภักดี เพื่อวันหนึ่งเจ้านายจะบอกว่า “จากนี้นี่คือตำแหน่งของปัญญาประดิษฐ์”

แม้ประโยคนี้ฟังแล้วจะบัดซบมาก ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ความจริงมันไล่ล่าเราทุกวินาที ทั้งที่ครั้งหนึ่งเทคโนโลยีเคยทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญของเราแท้ ๆ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มันกลับต้อนเราทุกทิศทาง ใครที่ยังคิดภาพไม่ออกเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้เห็นง่าย ๆ ว่าระยะห่างที่เคยเว้นช่วงระหว่างความสามารถของเรากับปัญญาประดิษฐ์เหมือนกระต่ายกับเต่า เราคือกระต่ายที่โดนเต่าไล่ตามท้าทายเรื่อยมา จนวันนี้สิ่งที่มันมาท้าทายเราคือความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การทุ่นแรงงานเหมือนที่เคย

เอาเป็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด สิ่งสำคัญคือเมื่อเราเลี่ยงไม่ได้แล้วเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้ต่อไป และ 3 สิ่งนี้ที่ UNLOCKMEN นำมาบอกเล่าต่อเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่บอกได้เลยว่ามีทั้งข้อมูลที่ชวนใจชื้นและทำให้ต้องใจหาย ใครพร้อมแล้วไปดูกัน

1. แรงคนหลบไป แรง AI สิชัวร์กว่า

เรื่องแรงของมนุษย์เชื่อว่าพวกเราคงเปิดโหมดเจอไฟไหม้ ทำงานหักโหมคุ้มทุนแบบยอดมนุษย์ไม่ได้ทุกวัน ความเสถียรเรื่องแรงของ AI จึงเป็นเรื่องที่เราต้องยอมยกธงขาวให้ และเรื่องแรงนี่แหละที่มันจะส่งผลกับการปรับรูปแบบขององค์กรหลายองค์กร ด้านการลดจำนวนพนักงานวันนี้พวกเราคงเห็นแล้วว่ามีหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ ไม่ว่ามันจะเป็นงานฝืมือหรือไม่ ถ้าเขียนโปรแกรมได้ ก็มีแนวโน้มโดนเลื่อยขาเก้าอี้อย่างแน่นอน ล่าสุดมีสถิติเรื่องตัวเลขที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจเรื่อง Future of Job 2018 ของ World’s Economic กล่าวว่า แรงงานของมนุษย์ลดลงจากเดิมถึง 23% หากนับจากวันนี้จนถึงปี 2025 (จาก 71% เหลือเพียง 48%)

จากชาร์ตจะเห็นว่าแรงคน VS แรง AI ถือว่าสูสีเกือบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ส่วนอุตสาหกรรมแรกที่โดนหางเลขไปก่อนไม่ต้องลุ้นคือสินค้าอุปโภคบริโภคแน่นอน ดังนั้น อย่าคิดจะไปสู่เรื่องแรงเลย ไปดูสิ่งที่พอทำได้ในข้อต่อไปดีกว่า 

 

2. งานหดเพราะโดนแย่ง แต่มนุษย์ก็มีงานใหม่มาเพิ่มอีกมากมาย

ตื่นตัวแล้วอย่าแตกตื่น เพราะทุกสิ่งมันเป็นไปตามวัฏจักร เมื่องานเดิมหดก็ต้องมีงานใหม่มาแทน ตามที่ Future of Jobs รายงานไว้กล่าวว่างานกว่า 75 ล้านตำแหน่งในปัจจุบันจะถูกโยกให้ AI เข้ามาทดแทน แต่เรื่องนี้ชาว UNLOCKMEN ไม่ต้องกังวลไป เพราะฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ งานใหม่ที่จ่อรออยู่มันมากถึง 133 ล้านตำแหน่งเลย ใครที่อยากโยกสายงานไปทำสิ่งฮิตติดลมบนของลิสต์งานในอนาคตลองดูและเลือกเอาได้

3. สายสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป รูปแบบความสัมพันธ์ก็ต้องคล้อยตามเป็นธรรมดา จากนี้ไปความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายลูกน้องก็จะเป็นไปใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  1. แรงงานกับความสัมพันธ์ไม่ได้ผูกขาดอีกต่อไป การทำงานเริ่มเป็นรูปแบบไร้พรมแดนมากขึ้น หนึ่งบริษัทประกอบด้วยคนหลายประเภท ทั้งพนักงานประจำและคนรับจ้างทั่วไปนอกองค์กรในหลายตำแหน่ง เรียกได้ว่ามือปืนรับจ้างกับพนักงานประจำทำงานร่วมกันแบบสันติเพื่อครอบคลุม Value chain หรือการดำเนินงานแต่ละส่วนของกิจกรรมภายในธุรกิจ
  2. เราเข้าสู่ยุคของคนอายุยืนมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เท่ากับพวกปัญญาประดิษฐ์ก็ตาม แต่ความล้ำของเทคโนโลยีกับความอายุยืนมันก็ส่งผลมาถึงเรื่องงานด้วย เนื่องจากคนทำงานต้องการความยืดหยุ่นของเวลาทำงานที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขอเข้า-ออก ออฟฟิศได้ตามเหมาะสม และหันไปให้เวลากับครอบครัว การรีสกิล ความสุข และการตามหาแพสชันหรือจุดหมายส่วนตัวให้สุดทาง

เพิ่ม Tips ส่งท้ายเรื่อง Timeline กำเนิด AI : Credit photo www.weforum.org

มาถึงปลายทางบทความแล้ว บางคนอาจยังสงสัยว่าแล้วเราจะทำอะไรกับเรื่องพวกนี้ได้ เพราะงานฮอตของอนาคตมันช่างต่างสายงานกับสิ่งที่ทำทุกวันนี้เสียเหลือเกิน เรื่องนี้ UNLOCKMEN ขอให้เปิดใจอีกนิด มอง Crisis ให้เป็น Benefit เข้าไว้ อย่ามัวมองว่ามันเป็นกำแพงสูงใหญ่ที่ข้ามไปไม่ได้ ในเมื่อเรารู้ข้อมูลนี้ก่อนคนอื่นก็เอาข้อมูลที่ได้ไปเสริมสกิลความรู้ก่อนคนอื่นเสีย หาหลักสูตร Online หรือ Offline ไปเก็บวิชาติดตัวไว้มันจะทำให้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นแน่นอน

การ Reskill สำหรับยุคนี้คือเรื่องธรรมดา ถ้าคุณอยากเป็นคนที่ทะยานและเติบโตในวันข้างหน้า ต้องพร้อมปล่อยวางสิ่งที่ติดตัวมาและเรียนรู้สิ่งใหม่ ขอเพียงใจพร้อมสู้และลงมือทำการพัฒนาศักยภาพอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด เพราะยุคนี้เราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต

SOURCE

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line