Svalbard Global Seed Vault ห้องนิรภัยลับเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชสำคัญในวันโลกแตก

เชื่อว่าพวกเราคงได้เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงอย่างสุดโต่งมากับตากันแล้ว หิมะตกในพื้นที่ๆไม่เคยตก น้ำท่วมเกิดขึ้นจนหลายคนชินชา แผ่นดินไหว สึนามิ และอีกสารพัดภัยธรรมชาติที่ทำให้คนตายกันเป็นร้อยเป็นพัน เท่านี้ยังไม่พอ มนุษย์ยังเร่งปรากฏการณ์นี้ด้วยการทำสงคราม อาวุธมากมายถูกนำมาใช้โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น นอกจากการเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามในจำนวนครั้งละมากๆ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับนักวิทยาศาสตร์ เพราะมีหน่วนงานที่เล็งเห็นจุดจบของโลกมานานแล้ว และคงไม่ต้องพูดถึงการห้ามไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้น แต่มองข้ามไปถึงวิธีฟื้นฟูหลังเกิดวันสุดท้ายของโลก ด้วยการสร้างห้องนิรภัยลับสำหรับเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลกเอาไว้

Svalbard Global Seed Vault หรืออีกชื่อที่ฟังดูเข้าใจง่ายกว่าว่า Doomsday Seed Vault มีหน้าที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์จากภูมิภาคต่างๆ เพื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ถูกสร้างขึ้นในปี 2008 ภายใต้องค์กรณ์นานาชาติชื่อ Crop Trust ตั้งอยู่ในภูเขาบนแผ่นดินห่างไกลบนหมู่เกาะ Svalbard ทางตอนเหนือของประเทศ Norway 1300 กิโลเมตรจากขั้วโลกเหนือ ซึ่งมีอากาศเหมาะในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ที่อุณหภูมิ -17 องศาเซลเซียส ดังนั้นต่อให้ไม่มีแหล่งพลังงานและมนุษย์ในการดูแล เมล็ดพันธุ์อย่างถั่ว แป้ง ข้าว และพืชสำคัญอื่นๆอีกกว่า 860,000 ชนิด จากทั่วโลกเหล่านี้ก็สามารถอยู่ได้ไปอีกนานเป็นร้อยปี เผื่อจะมีผู้รอดชีวิตไปเอาออกมาปลูกเพื่อขยายเผ่าพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง

Bulent Kilic / AFP / Getty Images

ด้วยจุดประสงค์นี้ที่จะใช้ในวันสุดท้ายของโลก ทำให้เกิดความน่ากังวลขึ้นเมื่อสงครามเกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในพื้นที่ Syria ที่ตอนนี้พื้นที่สำคัญในการเพาะปลูกของภูมิภาคได้รับอันตรายอย่างหนัก ถึงขั้นที่ International Centre of Agricultural Research in Dry Areas (ICARDA) ต้องขอเบิกเมล็ดพันธุ์ที่เคยฝากไว้กับ Svalbard Global Seed Vault เป็นจำนวนถึง 116,000 ชนิด เนื่องจากต้องการเตรียมตัวสำหรับการฟื้นฟูพืชสำคัญๆในพื้นที่ตะวันออกกลาง ที่มีสงครามเกิดขึ้นเป็นวงกว้างเกือบทุกพื้นที่ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์มนุษย์เลยทีเดียว และนี่เป็นสัญญาณว่าโลกของเรากำลังอยู่ในอันตรายเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ด้วยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองแท้ๆ

แม้พวกเราอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามหรือภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้อยู่ไกลจากเรามากนัก คำถามที่พวกเราต้องเริ่มถามน่าจะเป็น “ถ้าเกิดขึ้น แล้วพวกเราจะรับมืออย่างไร” ดีกว่ารอให้เกิดแล้วค่อยมาเริ่มคิดหาวิธีรับมือ จริงไหมครับ

Photo credit : Crop Trust