เชื่อว่าหลายคนที่ขับรถยนต์ได้ สอบใบขับขี่มาแล้วเรียบร้อยอาจรู้สึกแปลก ๆ หากมีใครชวนให้ไปเข้าคอร์สเรียนขับรถกันอีกสักรอบสองรอบ ดีไม่ดีอาจมีเคืองเสียด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าโดนอำเรื่องทักษะการขับรถที่ไม่เอาไหน แต่จริง ๆ แล้วการเรียน หรือการเข้าอบรมการขับขี่เพิ่มเติม ไม่ใช่เรื่องของมือใหม่ หรือคนที่ขับรถไม่ได้เพียงเท่านั้น เพราะการขับรถได้อาจไม่ใช่สิ่งการันตีว่าเราขับรถเป็นแต่อย่างใด ซึ่งการขับรถที่เรียกว่า ‘ขับเป็น’ จริง ๆ แล้วมันต้องเป็นการขับขี่ที่ทั้งสนุกและปลอดภัยในทุกเส้นทาง ซึ่งหลักการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดโปรแกรม BMW Driving Experience โปรแกรมเพิ่มสกิลการขับรถระดับตำนานของวงการรถยนต์ ที่ในวันนี้เราจะพาผู้อ่าน UNLOCKMEN ทุกท่านย้อนไปดูจุดเริ่มต้น และเรื่องราวที่น่าสนใจของโปรแกรม Driving Experience จากค่าย BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเอาจริงเอาจังและเป็นหนึ่งในค่ายรถที่ได้รับการยอมรับเรื่องมาตรฐานการให้ความรู้และประสบการณ์การขับขี่สุดมันส์ และถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมฝึกอบรมขับขี่ที่จัดขึ้นโดยผู้ผลิตยานยนต์เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค 70s จนถึงปัจจุบัน ขับรถเป็นต้องสนุกและปลอดภัย หากจะให้ย้อนรอยที่มาของโปรแกรม BMW Driving Experience คงต้องเล่าย้อนไปถึงแนวคิดของ BMW ที่มองว่า แค่การผลิตสุดยอดยนตรกรรมสมรรถนะสูงนั้นยังไม่เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานยานพาหนะคู่ใจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้มากที่สุด จนกระทั่งในปี 1976 แนวคิดดังกล่าวได้เดินทางมาถึงจุดที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง จากการขอความร่วมมือของตำรวจเมือง Munich ที่ให้ค่ายรถ