CARS

ย้อนรอย BMW Driving Experience คอร์สอัพสกิลการขับขี่ที่อยู่มานานตั้งแต่ยุค 70s

By: NTman September 15, 2020

เชื่อว่าหลายคนที่ขับรถยนต์ได้ สอบใบขับขี่มาแล้วเรียบร้อยอาจรู้สึกแปลก ๆ หากมีใครชวนให้ไปเข้าคอร์สเรียนขับรถกันอีกสักรอบสองรอบ ดีไม่ดีอาจมีเคืองเสียด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าโดนอำเรื่องทักษะการขับรถที่ไม่เอาไหน

แต่จริง ๆ แล้วการเรียน หรือการเข้าอบรมการขับขี่เพิ่มเติม ไม่ใช่เรื่องของมือใหม่ หรือคนที่ขับรถไม่ได้เพียงเท่านั้น เพราะการขับรถได้อาจไม่ใช่สิ่งการันตีว่าเราขับรถเป็นแต่อย่างใด ซึ่งการขับรถที่เรียกว่า ‘ขับเป็น’ จริง ๆ แล้วมันต้องเป็นการขับขี่ที่ทั้งสนุกและปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ซึ่งหลักการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดโปรแกรม BMW Driving Experience โปรแกรมเพิ่มสกิลการขับรถระดับตำนานของวงการรถยนต์ ที่ในวันนี้เราจะพาผู้อ่าน UNLOCKMEN ทุกท่านย้อนไปดูจุดเริ่มต้น และเรื่องราวที่น่าสนใจของโปรแกรม Driving Experience จากค่าย BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเอาจริงเอาจังและเป็นหนึ่งในค่ายรถที่ได้รับการยอมรับเรื่องมาตรฐานการให้ความรู้และประสบการณ์การขับขี่สุดมันส์ และถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมฝึกอบรมขับขี่ที่จัดขึ้นโดยผู้ผลิตยานยนต์เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค 70s จนถึงปัจจุบัน

 

ขับรถเป็นต้องสนุกและปลอดภัย

หากจะให้ย้อนรอยที่มาของโปรแกรม BMW Driving Experience คงต้องเล่าย้อนไปถึงแนวคิดของ BMW ที่มองว่า แค่การผลิตสุดยอดยนตรกรรมสมรรถนะสูงนั้นยังไม่เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานยานพาหนะคู่ใจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้มากที่สุด

จนกระทั่งในปี 1976 แนวคิดดังกล่าวได้เดินทางมาถึงจุดที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง จากการขอความร่วมมือของตำรวจเมือง Munich ที่ให้ค่ายรถ BMW ช่วยจัดโปรแกรมอบรมการขับขี่ขึ้นมา และต่อมาทางกรรมการบริหารของ BMW เห็นว่ามันสอดคล้องกับแนวคิดของทางบริษัทจึงต้องการที่จะสานต่อกิจกรรมอบรมการขับขี่นี้ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง

จึงได้ตัดสินใจที่จะจัดโปรแกรมให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการควบคุมและขับขี่รถอย่างถูกต้อง ในยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คับขันบนท้องถนนสำหรับนักขับทุกคน พร้อมกับสอนให้คนขับได้ทราบถึงวิธีสังเกตอันตรายบนท้องถนนในช่วงเวลาที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิด “สร้างรถดีแล้ว ยังสร้างคนขับที่ดีด้วย”

ผ่านไปหนึ่งปี ในที่สุดคอร์สอบรมจากทาง BMW ก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่เมือง Manching ในปี 1977 โดยมี BMW Motorsport GmbH เป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการ โดยมีผู้อบรมอายุระหว่าง 22 ถึง 45 ปีสนใจเข้าร่วม กิจกรรมครั้งนั้นซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมฝึกอบรมคนขับที่จัดขึ้นโดยผู้ผลิตยานยนต์เป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กลายมาเป็นจุดมุ่งหมายของโปรแกรม BMW Driving Experience จากวันแรกจนถึงปัจจุบัน ที่ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างรถที่สมบูรณ์แบบกับความชำนาญของผู้ขับขี่ให้เท่าเทียมกัน เพื่อยกระดับสมรรถนะของทั้งคนขับและเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นไปอีก

 

รถต้องเทพ เทรนเนอร์ต้องถึง

และการที่ BMW เป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกที่จัดโปรแกรม Driving Experience ขึ้นมา คงไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากโปรแกรมอบรมแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ เพราะจะต้องมีรถในสังกัดที่มีสมรรถนะถึงระดับ และมีความหลากหลายเพียงพอ ที่สำคัญคือต้องมีทีมงานผู้ฝึกสอนชั้นเซียนที่ร่วมพัฒนาโปรแกรมอย่างเป็นระบบ ซึ่ง BMW มีคุณสมบัติที่ว่าครบทุกอย่าง 

Rauno Aaltonen (คนซ้ายมือ) ขณะให้คำแนะนำกับผู้เข้าอบรมอย่างใกล้ชิด

แน่นอนว่าเรื่องสมรรถนะรถนั้นคงไม่ต้องพูดถึง และส่วนบรรดา Instructor ที่ลงสนามฝึกทักษะการขับขี่ให้ผู้เข้าอบรมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ส่วนใหญ่จะเป็นนักแข่งจากหน่วยงานมอเตอร์สปอร์ตของ BMW นั่นเอง ซึ่งทุกคนดำเนินการอบรมภายใต้การบริหารจัดการของ BMW ที่วางระบบเอาไว้ว่าผู้เข้าอบรมต้องได้ทั้งทักษะด้านความปลอดภัย รวมถึงความสนุกสนานเร้าใจจากหลังพวงมาลัยด้วย

อีกทั้งในช่วงปี 90s ได้เริ่มมีการจัดโปรแกรมต่าง ๆ ของ BMW and MINI Driving Experience ร่วมกับชาติอื่น ๆ ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดคือการถ่ายโอนมาตรฐานระดับสูงที่พัฒนาโดย BMW M GmbH ใน Munich ไปยังนานาประเทศ โดยที่ยังคงมาตรฐานระดับสูงเอาไว้ดังเดิม

และนั่นคือเหตุผลที่มีการก่อตั้ง BMW Group Instructor Academy ในปี 1997 ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ฝึกสอนจะได้ศึกษาเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ก่อนที่จะนำทักษะการขับขี่ที่ปลอดภัยไปพร้อม ๆ กับการขับรถได้อย่างสนุกสนานไปถ่ายทอดให้กับผู้เข้าอบรมในประเทศต่าง ๆ ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้โดย BMW Group อย่างเคร่งครัด

COOL FACT
หัวหน้าทีม Instructor คนแรกของกิจกรรมอบรมการขับขี่เมื่อปี 1977 คือ Rauno Aaltonen (รอว์โน ออลโทเนน)
นักแข่งรถแรลลี่ระดับโลกที่ถูกยกย่องให้เป็นเทพการขับขี่ด้วยการใช้เทคนิคมากกว่าการสวมวิญญานตีนผี
จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้กับ BMW ในยุคเริ่มต้น

 

จากสนามทดสอบ สู่สนามแข่ง และพื้นน้ำแข็ง

จากวันนั้นถึงวันนี้ ตลอดระยะเวลามากกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เป้าหมายของการจัดฝึกอบรมตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันไม่ได้เพียงสอนทักษะในการขับขี่อย่างปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงทักษะด้านมอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณของ BMW ที่จะมอบความสนุกเร้าใจในการขับขี่ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมอีกด้วย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้กิจกรรม BMW Driving Experience ได้มีการเพิ่มรูปแบบและกระบวนการฝึกทักษะการขับขี่ในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมยกระดับประสบการณ์เรื่องความสนุกสนานตื่นเต้นของการขับขี่ในสภาพภูมิประเทศและพื้นผิวที่แตกต่าง จากจุดเริ่มต้นที่สนามทดสอบก็ขยายมาเป็นโปรแกรมการขับขี่ฤดูหนาวบนพื้นหิมะและน้ำแข็ง ไปจนถึงการพาผู้ขับขี่ลงสนามแข่งระดับตำนาน เช่น สนามนูร์เบิร์กริง

หรือแม้กระทั่งพาบุกตะลุยสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในแอฟริกาแบบออฟโรด โดยรถที่ใช้อบรมได้ขยายจากรถยนต์ BMW รุ่นล่าสุดไปจนถึงรถตระกูล M ตระกูล i และตระกูล X ให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบสมรรถนะของเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา BMW ประเทศไทย ก็ได้มีโอกาสพาเจ้าของรถยนต์ BMW ไปสัมผัสประสบการณ์ BMW Driving Experience ด้วยตัวเองในต่างประเทศมาแล้วหลายต่อหลายคอร์ส

 

เพิ่มทักษะการขับรถกับ BMW ประเทศไทย

ต้องยอมรับว่าจุดมุ่งหมายที่จะผสานความชำนาญด้านมอเตอร์สปอร์ตที่ได้สั่งสมมาให้เข้ากับความสนุกเร้าใจในการขับขี่อย่างลงตัว เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ BMW Driving Experience ได้เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมและกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงของคนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

ซึ่งในบ้านเรา BMW ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม BMW Driving Experience มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้สร้างประสบการณ์อันท้าทายและเร้าใจภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองจาก BMW หรือ BMW Certified Instructor ตามที่เราได้เล่ามาในเนื้อหาก่อนหน้าควบคู่ไปกับการตรวจสอบมาตรฐานโครงสร้างของสนามเพื่อสร้างความมั่นใจว่ากิจกรรม BMW Driving Experience จะมอบความปลอดภัยและคุณภาพขั้นสูงสุดตามมาตรฐานการจัดกิจกรรมฝึกอบรมการขับขี่ของ BMW จนได้การรับรองเป็น “Official Partner of M” ในการจัด BMW Driving Experience เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา

Basic Training

ณ ตอนนี้ BMW Driving Experience โดย BMW ประเทศไทย นั้นมีกิจกรรมอบรมทักษะการขับขี่ให้ได้เพิ่มสกิลด้วยกันทั้งหมด 4 คอร์ส ได้แก่ คอร์สระดับเริ่มต้น Basic Training ที่ผู้อบรมจะได้ผ่านด่านทดสอบต่างๆ อย่างการเบรคแล้วต้องหักหลบ การแก้อาการแหกโค้ง และไฮไลต์คือการแก้อาการรถหมุน ซึ่งที่เป็นทักษะการควบคุมรถจำเป็นมาก ๆ ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นบนท้องถนน

Advanced Training

BMW M Experience

BMW xDrive Experience

นอกจากนี้ยังมี คอร์สระดับสูง Advanced Training ซึ่งจะฝึกเทคนิคพื้นฐานในระดับความเร็วที่สูงขึ้น และเพิ่มการฝึกขับ J-Turn หรือการกลับรถแบบ 360 องศาที่ใช่ว่าจะหาโอกาสเรียนกันได้ง่าย ๆ รวมถึงคอร์สสำหรับผู้หลงใหลความเร็ว BMW M Experience ที่พาไปลุยกับที่สนามพีระเซอร์กิต และคอร์สตะลุยออฟโรดสำหรับผู้ขับขี่สายลุยที่ชื่นชอบเส้นทางทรหดในคอร์ส BMW xDrive Experience

ซึ่งแต่ละคอร์สแต่ละโปรแกรมสามารถการันตีคุณภาพความพึงพอใจได้จากการที่มีผู้ผ่านการอบรมจำนวนไม่น้อยที่กลับมาเรียนคอร์สต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งลงซ้ำคอร์สเดิมเพราะติดใจในความสนุก ขณะที่อีกหลายคนต่างเลือกแนะนำชาวแก๊งเพื่อนฝูง รวมถึงพ่อแม่พี่น้องสมาชิกในครอบครัวให้มาเข้าร่วมกิจกรรมบ้าง เพราะหลังจากได้รับการอบรมก็รู้เลยว่าสิ่งที่ได้กลับไปมันคือทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันจริง ๆ

สำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอบรมเพื่อยกระดับสกิลการขับขี่รถยนต์ ให้พูดได้เต็มปากว่าเป็นคนที่ขับรถเป็น ขับรถได้อย่างสนุก และปลอดภัย เราขอบอกข่าวดีว่า ไม่ว่าจะขับรถยนต์ยี่ห้อไหนก็สามารถเข้ารับการอบรมจาก Instructor ผู้เชี่ยวชาญของทาง BMW  ได้ทั้งนั้น เพราะปัจจุบัน BMW Driving Experience เปิดรับผู้สนใจทุกคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะมีรถคู่ใจเป็นแบรนด์ไหน ขอแค่มีใบขับขี่ก็สามารถมาร่วมกิจกรรมกันได้ทันที

งานนี้บอกเลยว่าคนมีรถไม่ควรพลาด ใครที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ www.bmw.co.th

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line