ใครที่เน้นกล้องพกพาง่าย มีพลังให้ใช้แบบเหลือล้นเกินตัวแล้วละก็ UNLOCKMEN มีอีกตัวน่าสนใจจะมาแนะนำกันในช่วงนี้กับการเปิดตัว Mirrorless ตัวล่าสุดของ Fuji ที่ถูกพัฒนาต่อยอดออกจาก X-E2, X-E2s ส่งไม้ต่อเป็น “X-E3” สไตล์เข้ากับวัยรุ่นและคนชิค ๆ ที่บอกเลยว่าแค่ห้อยคอไว้ก็ดูเท่แล้วครับ Fujifilm X-E3 รูปลักษณ์ภายนอกแทบจะไม่มีอะไรการเปลี่ยนแปลงจากกล้องรุ่นพี่ ทำให้หลายคนอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่ แต่ภายในถูกยกเครื่องใหม่แทบจะทั้งหมดตั้งแต่เซนเซอร์แบบ APS-C X-Trans CMOS III ขนาดของพิกเซลสูงสุด 24.3 ล้านพิกเซลมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล X Processor Pro ทำให้ระบบโฟกัสเป็นรูปแบบใหม่ บวกกับการปรับปรุงอัลกอริทึมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้การโฟกัสรวดเร็วกับระบบโฟกัส Phase Detection เร็ว 0.06 วินาที 325 จุด และการเปิดกล้องแค่เพียง 0.4 วินาทีเท่านั้น ด้านการถ่ายวิดีโอ X-E3 สามารถถ่ายได้ในระดับความละเอียด 4k 30fps และ Full HD 60fps พร้อมใส่ Effect ฟังก์ชั่นและ Film
เวลาที่เราเห็นภาพสวย ๆ ของตากล้องมืออาชีพ หรือใครสักคนทีเราชื่นชอบผ่านตาไป เรามักจะมีคำถามอยู่ในใจเสมอว่า “ใช้กล้องอะไร ใช้เลนส์อะไร ทำไมถ่ายสวยขนาดนี้” และเราจะไม่มีทางล่วงรู้ได้เลย เพราะส่วนใหญ่คงไม่มีใครที่ไหนลงรายละเอียดเขียนบอกเอาไว้ให้เราทราบกันอย่างแน่นอน ซึ่งช่วงนี้ใครที่มีแนวโน้มกำลังมองหาเลนส์และกล้องที่ถูกใจสักตัว โดยตั้งเป้าหมายที่ต้องการถ่ายได้เหมือนกับตากล้องในฝันแล้วละก็ UNLOCKMEN จะแนะนำเครื่องมือออนไลน์ตัวเจ๋ง ที่จะช่วยป้ายยาให้ตรงกับเป้าหมายของการถ่ายภาพที่คุณอยากได้ที่สุด ยิ่งสมัยนี้มีกล้องเป็นร้อยแบรนด์และเลนส์เป็นพัน ๆ ตัว ให้เราเลือกชื้อเลือกใช้งาน แต่ทว่าคนที่ไม่มีความรู้หรือไม่มั่นใจว่าภาพที่เราอยากได้จริง ๆ ใช้กล้องตัวนี้หรือเลนส์แบบนี้หรือเปล่า What The Lens จึงมีรูปแบบเป็นเว็บไซต์ตัวช่วยเกิดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การใช้งานง่ายแสนง่าย แค่เข้าไปที่ตัวเว็บไซต์ https://whatthelens.com และเลือกภาพจากหมวดหมู่ทั้งหมดที่มีถึง 6 หมวด เช่นภาพวิว, ภาพมาโคร, ภาพสัตว์, ท่องเที่ยว, ไปจนถึงผู้คนและตึกสูงใหญ่ในเมือง จากนั้นเลือก 20 ภาพที่ใกล้เคียงกับระยะที่เราชื่นชอบและอยากได้มากที่สุด ถ้าไม่มั่นใจก็สามารถคลิกขวาขยายดูรายละเอียดของตัวภาพได้เลย เมื่อขั้นตอนการเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีข้อมูลแนะนำทั้งตัวกล้องและเลนส์ที่เหมาะสมกับตัวภาพถ่ายที่คุณเลือกไว้ก่อนหน้านี้ เด้งขึ้นมาโชว์เป็นป๊อปอัพพร้อมให้เราเสียเงินสั่ง Order ได้จาก Amazon และ Adorama ให้จ่ายเงินซื้อได้ทันทีอีกด้วย เรียกว่าถูกใจใช่เลย ชื้อเลยละกัน หรือถ้าใครชอบเป็นภาพ ๆ อยากรู้ข้อมูลแค่ภาพนั้น ก็แค่ชี้เมาส์ค้างบนตัวภาพที่เราต้องการดูข้อมูล
หลังจากที่ปล่อยให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเดินนำหน้ามาอยู่พักใหญ่ ทาง Canon ก็ได้เตรียมตัวปล่อย Mirrorless ฟังก์ชั่นเกินขนาดกล้องออกเตรียมลุยตลาดแล้วเหมือนกันตอนนี้ EOS M100 กล้อง Mirrorless ตัวใหม่จาก Canon ที่เป็นรุ่นพัฒนาต่อยอดจาก EOS M10 ที่ถือว่าตีตลาดสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ใหญ่ เน้นการพกพาคล่องตัวเป็นหลัก ในตัวกล้อง EOS M100 มาพร้อมกับการอัดสเป็คการใช้งานเกินขนาดตัว ตั้งแต่ตัวเซ็นเซอร์ 24.2 ล้านพิกเซล พร้อมใส่ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel ที่เรียกว่าเป็นครั้งแรกของการยัดมาบนกล้อง Mirrorless ตัวเล็ก เป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพของแคนอน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบประมวลผลภาพ DIGIC 7, ISO 100-25,600 นอกจากนี้ด้านการใช้งานก็สามารถถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องได้ 4 ภาพต่อวินาทีในโหมด Continuous AF และรัว 6 ภาพต่อวินาทีได้ในโหมด Single AF ส่วนความสามารถด้านวิดีโอก็รองรับ Full HD ที่ 1080p ได้
เปิดตัวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจไปแล้วพร้อมกันทั่วโลก กับกล้องเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Nikon D850 ที่อัพเกรดสเปคเทพ ๆ ใส่กล้องมาให้เพียบ แน่นอนว่า UNLOCKMEN ได้ไปจับสัมผัสมาเป็นที่เรียบร้อย ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี คุณภาพไฟล์ของ Nikon นี่ไม่ต้องสืบ คมชัดจากรากฟันไปยันเงา แถมยังอัพเกรด Video ลบคำปรามาสที่เคยโดนสบประมาทว่ามีดีแค่ภาพถ่าย น่าเสียดายที่ราคายังไม่เปิดเผย แต่ยังไงก็อยู่ที่หลักแสนแน่นอน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหยิบมาเปรียบเทียบกับเจ้าพ่อ Full Frame Mirrorless “Sony a7R Mark II” ไปดูกันว่าเปรียบเทียบสเปคกันแล้ว ใครมีอะไรเหนือกว่ากัน ถ้าเรื่องขนาดและน้ำหนักไม่ใช่ปัญหา ถือได้ว่า Nikon D850 เป็นกล้องที่ครบเครื่องพอสมควรเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะกล้องตัวไหน ก็ล้วนเป็นกล้องที่ดีสำหรับมืออาชีพได้ทั้งนั้น ไปลองใช้ดูกับมือด้วยตัวเองจะชัวร์ที่สุด ดีกว่ามานั่งทะเลาะกันใน Facebook ว่ากล้องใครดีกว่ากัน เถียงไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคนถ่ายที่อยู่ข้างหลังกล้องมากกว่า เอาเซียนมาถือกล้องไม่กี่ร้อย ก็ได้ภาพที่สวยอยู่ดี เหมือนคำคมที่ซามูไรเก่าแก่เคยพูดว่า “กระบี่ดีอยู่ที่ใจ ใช่ราคา“ สุดท้ายก่อนจาก เรามีตัวอย่างภาพและวีดีโอที่ถ่ายโดย D850 มาให้ชมประกอบการพิจารณา Table courtesy of
เปิดโลกแห่งการบันทึกภาพได้เหนือจินตนาการ คำจั่วหัวก่อนการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของค่ายสายเหลืองอีกครั้ง กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นและเติมเต็มการรอคอยได้อย่างเต็มที่ นับย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน D810 รุ่นพี่ได้วาดลวดลายคุณสมบัติการใช้งานคล่องตัวอย่างดีเยี่ยมไม่แพ้ใคร จนตอนนี้ส่งต่อมาถึงรุ่น D850 กล้องฟอร์แมต FX รุ่นล่าสุดที่ผสานสุดยอดความเร็วและความละเอียดสูง ให้ความเหนือชั้นทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ รับรองคนที่รักการถ่ายภาพเป็นต้องเหลียวมองแน่นอน D850 ขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลผลภาพ EXPEED 5 และเซ็นเซอร์ CMOS ระบบถ่ายภาพไร้เสียงที่ใช้ได้ทั้งในโหมดภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และช่องมองภาพที่กว้างขึ้น และในส่วนของความไวและความละเอียด ด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ที่ปล่อยพลังสูงในระดับความละเอียด 45.7 ล้านพิกเซล ผสมผสานระหว่างความละเอียดสูงและความรวดเร็วในการทำงาน ได้อย่างลงตัว เมื่อใช้ร่วมกับโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องที่บันทึกภาพได้สูงสุดถึง 9 เฟรมต่อวินาที มีความสามารถในการบันทึกภาพ RAW แบบบีบอัดข้อมูลโดยไม่สูญเสียความละเอียด (lossless compression) ขนาด 14 บิตได้สูงสุดถึงราว 51 ภาพ หรือขนาด 12 บิต (ภาพขนาด L) ได้ถึงราว 170 ภาพ ด้วยการรัวชัตเตอร์ในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องเพียงครั้งเดียว ส่วน ISO
หลังจากปล่อยให้ค่ายอื่นเปิดตัวสินค้าใหม่กันอย่างโครมคราม คราวนี้มาถึงทีของกล้องจากค่ายจุดแดงอย่าง Leica แบรนด์กล้องถ่ายภาพชื่อดังจากเยอรมัน ซึ่งเป็นแบรนด์ในในฝันของคนเล่นกล้องหลายต่อหลายคน ที่เพิ่งเปิดตัวกล้องใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ ในชื่อว่า TL2 ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless ในตระกูล TL นั่นเอง แน่นอนว่าของใหม่อะไรก็จะใหม่ ๆ ดี ๆ หน่อย อย่างพวกฟีเจอร์และสเปคที่ดีขึ้น แถมยังมีการออกแบบดีไซน์ของตัวกล้องใหม่อีกด้วย เอาเป็นว่าขอเกริ่นแค่นี้พอ รีบตามมาดูกันเลยดีกว่าว่า Leica TL2 จะมีอะไรใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ สมกับชื่อเสียงของค่ายจุดแดงหรือเปล่า เริ่มต้นเลยคือ TL2 วัสดุบอดี้ทำมาจากอะลูมิเนียมบล็อคเดียว ที่จะสวยสมูทลงตัวเป็นเนื้อชิ้นเดียวกันหมดแบบไร้รอยต่อ ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรงของตัวบอดี้ได้เป็นอย่างดี ด้านสเปคของตัวกล้องก็มาพร้อมกับความละเอียดที่ 24 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์แบบ CMOS APS-C พร้อมตัวประมวลผลภาพแบบ Maestro II ตามแบบฉบับของ Leica และ ISO เพิ่มได้ 50 – 50,000 จากรุ่นเดิม
เรื่องของการถ่ายภาพให้ได้ดีและสวยสักภาพ มันอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเทพของกล้องเสมอไป บางครั้งกล้องธรรมดาก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยไม่แพ้กัน ถ้าผู้ใช้งานรู้จักดึงประสิทธิภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่ และนอกเหนือจากประสิทธิของตัวกล้องแล้วเรื่องของฝีมือในการถ่ายถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุด ไม่ใช่จับพลัดจับผลู แล้วมันจะเป็นกันได้ขึ้นมาทันที ทุกอย่างมันล้วนแต่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ไม่ว่าจะการเข้าถึงหลักการถ่ายที่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องหัดลั่นชัตเตอร์บ่อย ๆ รู้จักการตั้งค่าให้ถูกต้องตามสถานการณ์ เพื่อที่จะได้ภาพที่ดีที่สุดอยู่เสมอ พูดแบบนี้มือใหม่อย่าเพิ่งน้อยใจ ท้อใจกันไป UNLOCKMEN มีข่าวอัพเดทล่าสุดของเทคโนโลยีตัวเจ๋ง ที่จะช่วยให้มือใหม่หัดถ่ายได้เฮกันทั่วหน้าแล้ว เนื่องจากมีการคิดค้นตัวช่วยอัจฉริยะ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่ถนัดการตั้งค่าและแต่งภาพไม่ได้เก่ง ให้มีภาพสวยแจ่มได้ไม่แพ้มืออาชีพในชื่อว่า “Arsenal” Arsenal เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เก่ง ไม่เข้าใจว่าแสงแบบนี้ต้องตั้งค่าแบบไหนถึงได้ภาพที่ดีที่สุดได้ ซึ่ง Ryan Stout ผู้คิดค้น ต้องการสร้าง Arsenal ให้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ภาพสวยขึ้น เจ๋งขึ้น สำหรับมือใหม่ เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่เรียนรู้จากภาพสวย ๆ ตาม Reference ในตำแหน่งเดียวกัน ที่เดียวกัน แล้วนำภาพสวยนั้นมาตั้งค่าเชื่อมบนกล้อง DSLR, Mirrorless ให้เราเองอัตโนมัติ โดยหลักการทำงานทั้งหมดของ Arsenal สามารถควบคุมผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับหลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้มากถึง 18 อย่าง แล้วนำมาตั้งค่ากับตัวกล้อง แล้วเรายังสามารถเลือกจุดโฟกัสได้เองอีกด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกปัจจุบัน เทคโนโลยีนั้นหมุนไวจนเราแทบตามไม่ทัน ส่งผลต่อการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่วงการถ่ายภาพ ที่ในแต่ละวันเรามักจะได้ยินข่าวการเปิดตัวอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มาพร้อมความสามารถใหม่ ๆ ดีขึ้น ชัดขึ้น โฟกัสไวขึ้น และเชื่อว่าหลายคน (รวมทั้งตัวเราเอง) ต่างก็อยากจะอัพเกรดไปสู่สิ่งที่เจ๋งกว่า ทว่ายังมีคำถามที่ขัดแย้งในใจถึงกล้องที่มีอยู่ในมือ ว่าเราใช้มันคุ้มค่าแล้วหรือยัง นี่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนกล้องใหม่ หรือต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มแล้วจริง ๆ หรอ เพราะถ้าลองนึกย้อนกลับไปถึงแก่นของการถ่ายภาพ มันไม่มีอะไรที่พิสดารนอกเหนือไปจากการเก็บแสงที่กระทบกับวัตถุ แล้วสะท้อนผ่านเลนส์มาฉายลงบนแผ่นฟิล์ม หรือในยุคปัจจุบันคือฉายลงบนเซ็นเซอร์รับภาพ ซึ่งความมีสเน่ห์ของภาพถ่ายที่แท้จริงนั้นไม่ได้ดูกันที่ความละเอียดของเซ็นเซอร์ หรือมูลค่าของอุปกรณ์ แต่มันเกิดจากจังหวะที่กดชัตเตอร์ เพื่อเก็บอารมณ์ รวมถึงมุมมองการจัดวางองค์ประกอบของภาพที่ลงตัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถที่เกิดจากประสบการณ์ของมนุษย์ผู้อยู่หลังกล้อง และเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการวิ่งตามเทคโนโลยี หรือหยิบยกเอาความเหนือกว่าของอุปกรณ์ถ่ายภาพมาข่มกันด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นตากล้องมือใหม่ หรือผู้ที่ชอบถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก สิ่งที่ควรโฟกัสอาจไม่ใช่การไขว่คว้าหาอุปกรณ์ที่ล้ำที่สุด ดีที่สุดมาครอบครอง แต่ควรเน้นไปที่ความรู้พื้นฐาน และ การฝึกฝน มาก่อนเป็นอันดับแรก ดังที่ Henri Cartier-Bresson (อองรี การ์ตีเย-แบรซง) ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพแนวสตรีทผู้ล่วงลับ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Your first 10,000 photographs are your worst.”
Leica ประกาศเปิดตัวกล้อง M10 ตัวใหม่ที่บางเบา หล่อกระชากใจสาวกกันแล้วตอนนี้
แค่คุณมีความเข้าใจไม่ว่าที่ไหนก็สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายได้ในระดับโปร