ในช่วงการระบาดของ Coronavirus หรือ Covid-19 ที่อานุภาพรุนแรงฝ่าทุกการป้องกันในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเจริญแล้วอย่างราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน อังกฤษ สเปน หรือแม้แต่ฝรั่งเศส ซึ่งการระบาดของ Coronavirus นั้นติดง่าย แต่ไม่ร้ายแรงถึงตายทันตาเห็น และแน่นอนว่ายังไม่มียาป้องกัน มีเพียงยารักษาตามอาการและปล่อยให้ร่างกายเป็นฮีโร่สุดท้ายในการต่อสู้กับไวรัส ท่ามกลางความตื่นตระหนก ย่อมมาพร้อมสารพัด Fake News ว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นช่วยป้องกัน Covid-19 ได้ ที่น่าสนใจคือแต่ละประเทศจะมี Fake news แบบนี้ไม่เหมือนกัน สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตได้ดีพอสมควร แต่ในฝรั่งเศสถือว่าสุดโต่งกว่าใคร เมื่อมีกระแสที่ได้รับการ Viral จนวัยรุ่นเชื่อและนำไปทำตามกันเยอะมาก จนรัฐบาลฝรั่งเศสต้องออกมาประกาศว่า “โคเคน มันป้องกันหรือรักษา Coronavirus ไม่ได้นะคุณ” ต้นตอของกระแสแปลก ๆ นี้เริ่มจากภาพตัดต่อที่ทำให้ดูเหมือนข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อว่าพร้อม headline ว่า “Breaking News: Cocain kills Corona Virus” ถูก post ลงบน Twitter ทันใดนั้นมันก็ถูกแชร์ส่งต่อข้อมูลผิด ๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ายาเสพติดจะเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นเพื่อมนุษย์ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่เสพติดสารสังเคราะห์อย่างยาเสพติด เพราะเร็ว ๆ นี้ ผลวิจัยออกมาว่าผงขาวอย่างโคเคนสามารถสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างและทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์เสพติดมันได้เช่นกัน เพราะยาเสพติดไม่เพียงแต่ทำลายร่างกายของมนุษย์และส่งผลกระทบในแง่ลบต่อสังคมเท่านั้น ธรรมชาติเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองทำให้เหล่านักวิจัยได้ออกมาเตือนว่าโคเคนที่ปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำกำลังส่งผลกระทบอย่างมากต่อปลาไหลที่อาศัยอยู่ในยุโรปและโคเคนนั้นส่งผลกับตัวปลาไหล รวมถึงส่งผลต่อวงจรการผสมพันธุ์ ถ้าปลาไหลติดโคเคนก็เสี่ยงทำให้สูญพันธุ์ได้ เนื่องด้วยปริมาณโคเคนที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำทั่วทั้งยุโรป ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองและวิจัยเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับผลกระทบของโคเคนต่อเหล่าปลาไหล โดยการใส่ผงโคเคนลงในตู้ปลาที่อยู่ในห้องปฏิบัติการและรอผลเป็นเวลากว่า 50 วัน หลังจากที่ทีมวิจัยใส่โคเคนลงในตู้ปลาในปริมาณเทียบเท่ากับแหล่งน้ำที่มีสารเสพติดปนเปื้อน ก็พบความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับปลาไหล เพราะพบสารเสพติดตกค้างอยู่ในร่างกายของปลาไหลจำนวนมากทั้งในสมอง กล้ามเนื้อ ผิวหนัง รวมถึงเหงือกที่มีอาการกล้ามเนื้อบวมผิดปกติ รวมถึงฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงโดยใช้เวลาเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ท้ายที่สุดแม้จะย้ายปลาไหลไปยังตู้ที่มีน้ำบริสุทธิ์แล้วแต่ปลาไหลเหล่านี้ก็ยังคงมีอาการผิดปกติจากสารเสพติดที่ได้รับ Capaldo หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าทุกส่วนในร่างกายของปลาไหลได้รับผลกระทบทั้งหมด สิ่งน่ากลัวที่สุดคือโคเคนที่อยู่ในน้ำจะเข้าไปเพิ่มระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนกลุ่ม steroid ที่จะหลั่งออกมาเมื่อเกิดความเครียด กระตุ้นตับให้สร้างน้ำตาลออกมาสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ร่างกายกระตุ้นการใช้ไขมันมากขึ้น ปัญหาจากการต้องการไขมันนั้นส่งผลต่อปลาไหลเป็นอย่างมาก เนื่องจากวงจรชีวิตของปลาไหลนั้นจะต้องสะสมไขมันให้เพียงพอก่อนจะออกเดินทางไกลเพื่อไปผสมพันธุ์ และเมื่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้นก็จะส่งผลให้การผสมพันธุ์ของปลาไหลกลายเป็นเรื่องยาก เพราะเมื่อกล้ามเนื้อของปลาไหลเกิดอาการบวม จะทำให้ความสามารถในการว่ายน้ำระยะไกลลดลง นอกจากนี้เมื่อปลาไหลที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีโคเคนปนเปื้อน พวกมันจะไม่ต้องการการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติส่งผลให้อัตราการสืบพันธุ์ลดลง และถึงแม้จะย้ายปลาไหลที่มีโคเคนอยู่ในร่างกายไปยังแหล่งน้ำสะอาดแล้ว แต่เหล่าปลาไหลที่ได้รับโคเคนก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะสั้น ๆ จึงเป็นปัญหาระยะยาวที่ส่งผลต่อระบบนิเวศน์ แล้วทำไมถึงได้มีโคเคนอยู่ในแหล่งน้ำทั่วทั้งยุโรป ? นั่นเพราะโคเคนเป็นหนึ่งในยาเสพติดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และสามารถเดินทางผ่านน้ำหรือปัสสาวะของผู้เสพจากห้องน้ำลงสู่บ่อบำบัดน้ำเสียและไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงในบางครั้งที่เหล่าผู้เสพและผู้ขายต้องการทำลายหลักฐานก็มักจะนำผงขาวไปทิ้งลงน้ำกันเป็นจำนวนมาก โดยในวารสาร Science of the Total Environment ก็ได้ยืนยันแล้วว่าปลาไหลยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเสพติดโคเคนจริง
ขึ้นชื่อว่า “พ่อค้ายาเสพติด”ซึ่งภาพลักษณ์เต็มไปด้วยความเลวร้ายก็ดูไม่มีทางจะไปกันได้กับ “ความดี”หรือ”ความรับผิดชอบต่อสังคม”เลย แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดกลุ่มหนึ่งดันกลับตาลปัตรใส่ใจปัญหามลภาวะและพยายามคิดหาวิธีขายโคเคนพร้อมกับรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันโดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบ Class A ที่สามารถนำกลับมาใช้ในการซื้อยาเสพติดครั้งต่อไปได้อีก เมื่อลูกค้าสั่งยาเสพติดปริมาณน้อย พ่อค้ายามักใส่ยาเสพติดในถุงพลาสติกเล็ก ๆ ที่มีซิปล็อก จากนั้นต้องห่อสองชั้นด้วยกระดาษล็อตตารี่และใช้น้ำมันหรือฟิล์มเพื่อยึดห่อยากับกระดาษไว้ด้วยกัน ก่อนจะนำมาส่งให้ลูกค้า การทำบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งยาเสพติดให้ถึงมือลูกค้าแต่ละครั้งนั้นจึงยุ่งยากและสร้างขยะเป็นจำนวนมาก รายงานฉบับหนึ่งในนิตยสาร The Metro ซึ่งลงพื้นที่สำรวจตลาดยาเสพติดท้องถิ่นพบว่ามีตัวแทนจำหน่ายมากกว่าหนึ่งเจ้าเริ่มขายโคเคนในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพราะการใช้ถุงซิปล็อกแบบเดิมนั้นใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ผู้ใช้โคเคนรายหนึ่งในเมืองเบอร์มิงแฮมบอกกับสื่อออนไลน์ว่า ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาของเขาล้อเล่นตอนที่ยื่นโคเคนหนึ่งกรัมในขวดขนาดจิ๋วมาให้ โดยพ่อค้ายาบอกเขาว่าต่อไปนี้จะไม่ใส่โคเคนในถุงซิบล็อกหรือห่อกระดาษอีกต่อไป แต่ให้เก็บขวดนี้ไว้ เมื่อมาซื้อครั้งต่อไปก็ให้เอาขวดมาแลกกับยา ถึงพ่อค้ายาจะบอกแบบนั้น แต่ผู้ซื้อรายนี้ก็ยังคิดว่าเป็นแค่การล้อเล่น ท้ายที่สุดท่าทีของพ่อค้ายากลับจริงจังจนน่าตกใจ อาจเป็นเพราะการส่งยาแต่ละครั้งพวกพ่อค้าใช้ถุงพลาสติกและกระดาษเป็นจำนวนมาก พลาสติกและกระดาษเหล่านี้จึงมีส่วนสร้างมลภาวะ รวมถึงการใส่ยาในขวดช่วยให้จำหน่ายได้รวดเร็วขึ้นเพราะไม่ต้องมานั่งห่อซ้ำแล้วซ้ำอีก พ่อค้ายายังทิ้งท้ายไว้ว่าเขามั่นใจว่าจะต้องมีลูกค้าหัวใหม่ที่ชอบทั้งโคเคนและชอบแนวคิดรักษ์โลกแบบนี้แน่นอน อย่างไรก็ตามการรักษาสิ่งแวดล้อมของพ่อค้ายาจำนวนหนึ่งคงไม่สามารถชดเชยความเสียหายจากการสร้างมลภาวะได้ทั้งหมด จากการวิจัยเรื่องสิ่งแวดล้อมในปี 2011 โดย State University of New York System พบว่าการผลิตยาเสพติดไม่ว่าจะชนิดไหนก็มีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉพาะกับประเทศโคลอมเบียที่เป็นแหล่งวัตถุดิบเจ้าใหญ่ของโลก นอกจากนี้ Liliana M. Dávalos นักนิเวศวิทยาที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าทางตอนใต้ของโคลอมเบียสูญเสียป่าจำนวนมากใกล้กับแหล่งเพาะปลูกต้นโคคาซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตโคเคน ยิ่งมีโคเคนอยู่มากเท่าไหร่ จำนวนป่าก็จะลดลงเท่านั้น แม้การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของยาเสพติดแบบผงจะช่วยลดมลภาวะได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่าการไม่เริ่มทำอะไรเลยจริงไหมล่ะครับ ที่น่าสนใจคือเรื่องการซ้อนทับระหว่างความเป็นพ่อค้ายาที่ดูจะเป็นผู้ร้ายของสังคมสุด ๆ
โคเคนคือสารเสพติดที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท วิธีการเสพส่วนใหญ่จะนิยมสูดดมผ่านทางจมูก แต่ก็สามารถนำมาสูบในรูปแบบ Crack Cocaine ได้เช่นกัน เมื่อโคเคนเข้าสู่ร่างกาย ระดับสารโดพามีนในสมองก็จะถูกกระตุ้น ทำให้ผู้เสพรู้สึกตื่นตัว มั่นใจในตัวเอง มีความสุข แต่เมื่อฤทธิ์ของมันหมด ทุกอย่างก็จะกลับตาลปัตร ผู้เสพจะเริ่มมองโลกในแง่ร้าย มีอาการซึมเศร้า หมดกำลังใจ จะว่าไปแล้วระดับการออกฤทธิ์ของโคเคนนั้นคล้ายกับเส้นทางชีวิตของผู้ที่ทำให้มันแผ่กระจายไปทั่วโลก คือเริ่มต้นด้วยความยิ่งใหญ่ มีอำนาจล้นฟ้า ร่ำรวยจนมองธนบัตรเป็นกระดาษชำระ ก่อนที่สุดท้ายจะลงเอยด้วยการเป็นศพข้างถนน ถูกขังลืมในคุก หรือไม่ก็ต้องหลบหนีไปทั้งชีวิต ผงสีขาวที่เป็นทั้งพระเจ้าและปีศาจร้ายนี้อยู่คู่กับประวัติศาสตร์การมัวเมาของโลกมาอย่างยาวนาน แต่ถ้าจะพูดถึงยุคทองของโคเคน ช่วงเวลาที่เจ้าผงสีขาวนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก กลายเป็นยาเสพติดยอดฮิต คงต้องย้อนกลับไปในช่วงยุค 70 ณ ประเทศโคลอมเบีย ที่ในเวลานั้นเต็มไปด้วยแก๊งค้ายามากมาย ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือความขัดแย้ง สงคราม การนองเลือด และความตาย โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าสู่โคลอมเบียยุค 70 เรียนรู้ประวัติศาสตร์แห่งความโหดร้ายนี้ไปพร้อม ๆ กัน Medellin Cartel เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘Pablo Escobar’ ราชาแห่งโคเคน เขาคือ Iconic ของยาเสพติดชนิดนี้ก็ว่าได้ และเป็นหนึ่งในพ่อค้ายาเสพติดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ทำเงินมหาศาลจากธุรกิจนี้ ร่ำรวยจนครั้งหนึ่งเคยได้รับตำแหน่งผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกอันดับ 7 จากนิตยสาร