World

NARCOS COLOMBIA: ย้อนรอยสงครามยาเสพติดโคลอมเบีย เมื่อรสขมของโคเคนนำมาสู่อำนาจอันหอมหวาน

By: PERLE November 22, 2018

โคเคนคือสารเสพติดที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท วิธีการเสพส่วนใหญ่จะนิยมสูดดมผ่านทางจมูก แต่ก็สามารถนำมาสูบในรูปแบบ Crack Cocaine ได้เช่นกัน เมื่อโคเคนเข้าสู่ร่างกาย ระดับสารโดพามีนในสมองก็จะถูกกระตุ้น ทำให้ผู้เสพรู้สึกตื่นตัว มั่นใจในตัวเอง มีความสุข แต่เมื่อฤทธิ์ของมันหมด ทุกอย่างก็จะกลับตาลปัตร ผู้เสพจะเริ่มมองโลกในแง่ร้าย มีอาการซึมเศร้า หมดกำลังใจ

จะว่าไปแล้วระดับการออกฤทธิ์ของโคเคนนั้นคล้ายกับเส้นทางชีวิตของผู้ที่ทำให้มันแผ่กระจายไปทั่วโลก คือเริ่มต้นด้วยความยิ่งใหญ่ มีอำนาจล้นฟ้า ร่ำรวยจนมองธนบัตรเป็นกระดาษชำระ ก่อนที่สุดท้ายจะลงเอยด้วยการเป็นศพข้างถนน ถูกขังลืมในคุก หรือไม่ก็ต้องหลบหนีไปทั้งชีวิต

ผงสีขาวที่เป็นทั้งพระเจ้าและปีศาจร้ายนี้อยู่คู่กับประวัติศาสตร์การมัวเมาของโลกมาอย่างยาวนาน แต่ถ้าจะพูดถึงยุคทองของโคเคน ช่วงเวลาที่เจ้าผงสีขาวนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก กลายเป็นยาเสพติดยอดฮิต คงต้องย้อนกลับไปในช่วงยุค 70 ณ ประเทศโคลอมเบีย ที่ในเวลานั้นเต็มไปด้วยแก๊งค้ายามากมาย ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือความขัดแย้ง สงคราม การนองเลือด และความตาย

โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าสู่โคลอมเบียยุค 70 เรียนรู้ประวัติศาสตร์แห่งความโหดร้ายนี้ไปพร้อม ๆ กัน

Medellin Cartel

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘Pablo Escobar’ ราชาแห่งโคเคน เขาคือ Iconic ของยาเสพติดชนิดนี้ก็ว่าได้ และเป็นหนึ่งในพ่อค้ายาเสพติดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ทำเงินมหาศาลจากธุรกิจนี้ ร่ำรวยจนครั้งหนึ่งเคยได้รับตำแหน่งผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกอันดับ 7 จากนิตยสาร Forbes

Medellin Cartel คือชื่อแก๊งที่ Escobar และสหายร่วมอุดมการณ์ (Gustavo Gaviria, Jorge Luis Ochoa Vásquez, Jose Gonzalo Rodriguez Gacha, Carlos Lehder) ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาในช่วงกลางยุค 70

ด้วยลูกบ้าเต็มถัง ดำเนินธุรกิจชนิดไม่กลัวใครหน้าไหน ทำให้อาณาจักรของ Medellin Cartel ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถทำเงินได้ถึง 60 ล้านเหรียญในแต่ละวัน โคเคนกว่า 80% ที่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกาคือผลผลิตของ Medellin Cartel

Narcos Netflix

เช่นเดียวกับในเรื่องความรุนแรง Medellin Cartel ที่นำทัพโดย Pablo Escobar ก่อคดีอุกฉกรรจ์มากมาย แต่ที่ทั้งโลกต้องจดจำคือการร่วมมือกับกลุ่มกบฎ M-19 นำกองกำลังนอกกฎหมายออกมาถล่มศาลจนราบเป็นหน้ากลอง ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ในเมื่อดึงศาลมาเป็นพวกไม่ได้ ก็ทำลายแม่งเลย’ จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 181 ราย (ฝั่งรัฐบาล 48 ราย, ฝั่ง M-19 35 ราย, และประชาชนทั่วไป 98 ราย) สูญหายอีกกว่า 7 ราย

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าชายชื่อ Pablo Escobar นั้นบ้าแค่ไหน คือเหตุการณ์ระเบิดเครื่องบิน Avianca Flight 203 โดยเป้าหมายคือการลอบสังหาร Cesar Gaviria Trujillo ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบีย (ต่อมาเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีโคลอมเบียคนที่ 28) ซึ่งประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ Medellin Cartel แต่ปรากฏว่า Gaviria ไม่ได้อยู่บนเครื่องลำนั้น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตถึง 107 ราย

‘ไม่มีพ่อค้ายาคนไหนอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอดไป’ นี่คือสัจธรรมความจริง เพราะหลังจากที่โกยเงินทองและอำนาจมามากกว่า 10 ปี ในที่สุด Medellin Cartel ก็มาถึงจุดตกต่ำ โดยเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่พวกพ้องคนสำคัญพลาดท่าถูกสังหาร โดยเฉพาะ Gustavo Gaviria ซึ่ง Escobar รักเหมือนพี่ชายแท้ ๆ โดยภายหลังการสูญเสียนี้ Escobar เริ่มตัดสินใจผิดพลาด ขาดความยั้งคิด, การที่แก๊งค้ายาอื่น ๆ ต่างก็อยากกำจัด Pablo Escobar ให้พ้นทาง, การโดนโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธลึกลับ Los Pepes ซึ่งมีรัฐบาลหนุนหลัง, และการโดนไล่ล่ากดดันอย่างหนักจากทางรัฐบาล

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต Pablo Escobar กลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก เงินทองที่เคยมีมากมายจนเผาทิ้งก็ไม่เสียดาย ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว เช่นเดียวกับลูกสมุนบริวารที่เคยมีเป็นกองทัพ

2 ธันวาคม 1993 Pablo Escobar เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญฆาตกรรมที่เมือง Medellin บ้านเกิดของเขา หลังพยายามยิงต่อสู้กับทีมบุกจับกุม เป็นการปิดตำนานราชาโคเคนและ Medellin Cartel หนึ่งในแก๊งค้ายาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกโดยสมบูรณ์

Cali Cartel

หลังการล่มสลายของ Medellin Cartel แก๊งค้ายาที่ขึ้นมาเป็น ‘พี่ใหญ่’ ของโคลอมเบียคือแก๊งกาลีหรือ Cali Cartel ซึ่งความจริงแล้วแก๊งนี้ไม่ใช่แก๊งหน้าใหม่แต่อย่างใด พวกเขาเริ่มกิจการค้าโคเคนมาตั้งแต่ช่วงต้นยุค 70 แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ Medellin Cartel เรืองอำนาจนั้นยากที่จะมีแก๊งไหนต่อกรได้

Cali Cartel นำโดย 2 พี่น้อง Gilberto, Miguel Rodriguez Orejuela ก่อนที่ต่อมาจะได้ Helmer ‘Pacho’ Herrera 
มาช่วยบริหารอีกแรง ส่วนเครือข่ายในสหรัฐอเมริกานั้นควมคุมโดย Jose Santacruz Londono หรือรู้จักกันในนาม Chepe

Cali Cartel นั้นมีแนวทางที่แตกต่างจาก Medellin Cartel ของ Pablo Escobar อย่างชัดเจนทั้งการทำธุรกิจหรือก่ออาชญากรรม ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจโดยง่ายคือ Cali Cartel นั้นมีความเป็น ‘ผู้ดี’ มากกว่า พวกเขาไม่เน้นการปะทะซึ่งหน้า ไม่ใช้ความรุนแรงโดยไร้ประโยชน์ แต่พวกเขา ‘ซื้อ’ ทุกคนที่ขวางหน้าด้วยเงิน ดึงศัตรูมาเป็นพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ

ด้วยแนวทางดังกล่าว ทำให้ Cali Cartel นั้นทำธุรกิจได้อย่างสะดวกโยธิน ทุกคนรู้เห็นแต่ก็เต็มใจเพราะถ้าไม่ยอมรับเงินก็จะได้รับลูกตะกั่วแทน ในช่วงยุค 90 โคเคนกว่า 90% ทั่วโลกมาจาก Cali Cartel ส่งผลให้แก๊งค้ายาแก๊งนี้ทำเงินได้มากกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญต่อปี

Narcos Netflix

แต่อย่างที่บอกไปว่าไม่มีแก๊งค้ายาไหนอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอดไป เช่นเดียวกับ Cali Cartel  ที่ในตอนนั้นไม่ใช่แค่โคลอมเบีย แต่อิทธิพลอำนาจของพวกเขาแผ่กระจายไปทั่วโลก เป็นองค์กรค้ายาที่มีระบบยิ่งใหญ่เสียจนไม่คิดว่าจะสามารถล้มลงสู่พื้นได้ แต่หลังจาก Gilberto บอสใหญ่สุดของแก๊งโดนหิ้วไปนอนซังเต ทุกอย่างก็เริ่มไม่เป็นใจกับแก๊งค้ายากาลี

ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนักของ DEA หรือหน่วยปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียและสหรัฐอเมริกา Cali Cartel ก็โดนโค่นล้ม และล่มสลายไปในปี 1995

2 พี่น้องหัวหน้าแก๊งโดนขังลืมในแผ่นดินอเมริกา Pacho ตายอย่างน่าอนาถในคุก ส่วน Chepe ก็โดนหักหลังจากคู่ค้า ตามลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงอีกคน  เป็นการสิ้นสุดของ Cali Cartel โดยสมบูรณ์

And After That

Narcos Netflix

การล่มสลายของ 2 แก๊งค้ายาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โคลอมเบียไม่ใช่จุดจบของสงครามยาเสพติด ยังมีแก๊งค้ายาอีกมากมายที่กำลังรองาบชิ้นปลามันนี้อยู่ โดยเฉพาะ Norte del Valle Cartel ที่สามารถทำธุรกิจและขยายอำนาจได้เต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจลูกพี่ใหญ่อีกแล้ว จนถึงปัจจุบันในโคลอมเบีย ถึงแม้ดีกรีความรุนแรงจะไม่เท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่โคเคนก็ยังเป็นสิ่งหาง่ายเสียยิ่งกว่ายากรักษาโรค เพราะอย่างที่เคยมีคนพูดไว้ว่า ‘พ่อค้ายาก็เหมือนแมลงสาบ ไม่ว่าจะฆ่าไปเท่าไรก็จะมีตัวใหม่โผล่ขึ้นมาเสมอ’

 

SOURCE1/2/3/4

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line