เมื่อวันเวลาเปลี่ยนผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับรองเท้าสนีกเกอร์สุดคลาสสิคอย่าง The Chuck Taylor All Star ของแบรนด์ Converse ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาสู่เจเนอร์เรชั่นใหม่แล้วในชื่อ The all-new Chuck Taylor All Star CX ภายใต้คอนเซปต์ “Step In And Go” การเปลี่ยนแปลงของ Chuck Taylor ถือเป็นเรื่องฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทาง Converse ได้หยิบเอาเทคโนโลยี FlyEase ของรองเท้า Nike มาเบลนด์เข้ากับสนีกเกอร์รุ่นใหม่ของพวกเขา พร้อมมีการปรับรูปทรงใหม่ที่มองผ่าน ๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่านี่คือรองเท้าของแบรนด์สัญลักษณ์รูปดาวอย่างแน่นอน FLYEASE คืออะไร? สำหรับคนที่เล่นรองเท้าสนีกเกอร์ของ Nike อยู่แล้ว อาจจะพอคุ้นหูคุ้นตากันอยู่บ้าง แต่สำหรับคนทั่ว ๆ ไป อาจจะยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าวมาก่อนว่าเทคโนโลยีของ FlyEase มันถูกออกแบบมาให้คนสามารถสวมใส่รองเท้าได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาลงไปนั่งผูกเชือกแต่อย่างใด เทคโนโลยี FlyEase ถูกเปิดตัวเมื่อปี 2015 มันเริ่มมาจากทาง Matthew Walze
ถ้าพูดถึงรองเท้าผ้าใบของ Converse (คอนเวิร์ส) เชื่อว่าหนุ่ม ๆ แต่ละคนคงมีความชื่นชอบในรองเท้าแบรนด์นี้อยู่ไม่ใช่น้อย ๆ ซึ่งความชื่นชอบเหล่านั้นอาจเกิดจากเหตุผลที่มีแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ของงานดีไซน์สุดคลาสสิก เรื่องราวที่มากับตัวรองเท้า รวมไปถึงความทนทานในการใช้งานที่ทำให้สามารถสวมใส่ลุยแบบถึงไหนถึงกันได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล แต่สำหรับ ‘โย-อภิชิต วิวัฒน์เวคิน’ หรือที่หลายคนรู้จักเขาในฐานะแฟนพันธุ์แท้รองเท้า Converse ชายผู้ใช้เวลามากกว่าครึ่งชีวิตไปกับการทำความรู้จัก ตามหา จนนำมาสู่การเก็บครอบครองรองเท้าของ Converse มากกว่า 700 คู่ อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเขาสนใจในรองเท้าเหล่านี้ และความหลงใหลที่มีจะให้มุมมองที่น่าสนใจในด้านไหนบ้าง วันนี้เราจะชวนชาว UNLOCKMEM มาทำความรู้จักตัวตนของชายคนนี้ รวมถึงคอลเลกชันรองเท้า Converse ของเขาไปพร้อมกัน จุดเริ่มต้นของความหลงใหลในเรื่องรองเท้า ความหลงใหลในรองเท้าของชายคนนี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ระดับชั้นป.5 หรือตอนที่อายุประมาณ 11 ปี ช่วงเวลาที่กลุ่มเพื่อนรอบตัวเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับรองเท้าอย่าง Reebok Pump ซึ่งเป็นรองเท้าที่มีการทำโฆษณาเผยแพร่ทางทีวีในเมืองไทยในเวลานั้น ซึ่งกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเขาหันมาให้ความสนใจในเรื่องรองเท้าเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่ในเวลาต่อมาหลังขยับขึ้นมาเรียนในระดับม.ปลาย พี่โยก็มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับรองเท้าอย่าง Converse Jack Purcell และถูกใจงานดีไซน์ที่แตกต่างของรองเท้าคู่นี้เข้าไปเต็ม ๆ ขณะเดียวกันการเข้ามาของกระแสเพลงแนว Alternative ก็มีส่วนทำให้ทุกคนเห็นว่ามีศิลปินจำนวนมากสวมใส่รองเท้าของ Converse ซึ่งกลายมาเป็นเหตุผลที่ให้เขาตัดสินใจซื้อ Converse Jack Purcell เข้ามาเป็นรองเท้าจาก Converse
หนุ่มสายสตรีตที่หลงใหลโมเดลรองเท้าคลาสสิกทุกคนจะต้องชื่นชอบรองเท้าคู่ใหม่ที่ Converse และ PLEASURES ร่วมงานกันโดยรองเท้าคู่นี้เพิ่งปล่อยสู่ตลาดแบบสด ๆ ร้อน ๆ PLEASURES แบรนด์สตรีตที่กำลังมาแรงจากสหรัฐอเมริกา กลับมาร่วมงานกับแบรนด์รองเท้าอย่าง Converse อีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้พวกเขาก็สลัดคอนเซปต์รองเท้าสีชมพูสดใสจากคราวก่อน สู่งานกราฟิกแบบพังก์ (Punk) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่ Alex James หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ PLEASURES กำลังหลงใหลอยู่ การกลับมาร่วมงานกันคราวนี้ทั้งสองแบรนด์เลือกโมเดลรองเท้าบาสเกตบอลสุดเก๋าอย่าง Converse Pro Leather โดยส่วนอัปเปอร์เป็นหนังสีดำ หุ้มด้วยลวดลายกราฟิกสไตล์พังก์ร็อกที่อยู่รอบ ๆ โลโก้ Converse Chevron พร้อมกับ Heel Tap ที่มีลายกราฟิกเขียนว่า PLEASURES NOW ตัวรองเท้าโดดเด่นด้วยมิดโซลสีครีมขนาดใหญ่ เพราะออกแบบเป็นรุ่นพิเศษให้ 2 ชั้น โดยมิดโซลชั้นบนเป็นยางแบบที่มีใน Converse Chuck 70 ส่วนชั้นล่างเป็นยางที่มีสีเข้มและหนากว่า พร้อมป้ายสีแดงบริเวณฝ่าเท้า Converse Pro Leather ถือเป็นอีกโมเดลอมตะของแบรนด์จากยุค 80’s-90’s โดยการเปิดตัวครั้งแรก Dr.J หรือ Julius Irving อดีตนักบาสเกตบอลชื่อดังในช่วงเวลานั้นเป็นผู้สวมใส่
ตลาดรองเท้าที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกระตุ้นให้แบรนด์ต่าง ๆ คลอดรองเท้าโมเดลใหม่ ๆ ออกมาเพื่อหวังผลกำไร แต่เมื่อแบรนด์มีกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ก็ต้องใช้วัสดุเพิ่มขึ้นซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่ายรองเท้าสุดคลาสสิกอย่าง Converse เล็งเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้น จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ออกคอลเลกชันรองเท้าสุดรักษ์โลกอย่าง Renew Denim และ Renew Panel Denim โดยคราวนี้เลือกใช้โมเดลรองเท้าสุดเก๋าอย่าง Converse Chuck Taylor ‘70 Converse Chuck Taylor ’70 “Renew Denim” เป็น 1 จาก 3 คอลเลกชันในโปรเจกต์ Converse Renew ที่ประกอบไปด้วย Renew Canvas ที่ใช้วัสดุผ้าใบต่อด้วย Renew Cotton ที่ใช้ส่วนประกอบของผ้าฝ้ายและสุดท้ายคือ Renew Denim ที่มีรองเท้าผ้าทั้งหมด 3 คู่ด้วยกันประกอบไปด้วยโมเดล Chuck Taylor ’70 Low ที่มาพร้อมกับอัปเปอร์จากผ้ายีนรีไซเคิลสีอ่อนและสีเข้มอย่างละ 1
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการคิดไอเดียและการทำ DIY ที่มีสไตล์เด่นชัดเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่นที่เราจะได้เห็นแนวคิดและการแต่งตัวโดดเด่นไม่เหมือนใครจากคนญี่ปุ่นอยู่เสมอ ครั้งนี้แบรนด์รองเท้าสุดเก๋าอย่าง Converse Japan ก็เกิดไอเดียง่าย ๆ แต่น่าสนใจที่จะทำให้รองเท้าผ้าใบพิเศษมากยิ่งขึ้น Converse Japan ตัดสินใจหยิบสนีกเกอร์สุดคลาสสิกในตำนานอย่าง Chuck Taylor All Star จุดเริ่มต้นของรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อรุ่นออริจินัลมาเล่าเรื่องใหม่อีกครั้ง ซึ่งการหยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ครั้งนี้จะทำให้ตัวแบรนด์กับผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เพราะผู้สวมใส่จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์รองเท้าผ้าใบร่วมกับ Converse ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ชื่อว่า Nurie (ぬりえ) Nurie ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่าระบายสี ดังนั้น Converse Chuck Taylor All Star จึงมีรูปแบบตามชื่อรุ่น เริ่มจากรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีขาวล้วน ประทับลายตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ “CONVERSE” เรียงต่อกันจนทั่วรองเท้า ตราสัญลักษณ์ All Star ตรงบริเวณส้นรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นก็เป็นสีขาวล้วน และมีสีดำเข้มอยู่ที่เดียวคือรูปดาวตรงด้านข้างของสนีกเกอร์ มองเผิน ๆ จะเห็นว่าสนีกเกอร์คอลเลกชัน Nurie ก็เป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อธรรมดาไม่ต่างจากรุ่นอื่น ๆ แต่ความสนุกของรองเท้าจะเริ่มต้นหลังจากซื้อรองเท้า เพราะ Converse จะแถมปากกา markers ชนิดกันน้ำมาให้สามแท่ง โดยมีทั้งหมดสามสีคือ
ผู้ชายที่เป็นแฟนรองเท้าของแบรนด์ Converse คงทราบกันดีว่าค่ายรองเท้าที่พวกเขาหลงใหลนั้นมีจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่จากการเป็นรองเท้าบาสเกตบอล ก่อนที่กาลเวลาผ่านไป เหลือไว้เพียงเรื่องเล่า และแบรนด์กีฬาน้อยใหญ่เข้ามาเป็นผู้ครองตลาดแทน จนกระทั่งวันนี้พวกเขาหวนกลับมาสู่สนามอีกครั้งด้วยโมเดล Converse All-Star Pro BB อดีตมหาอำนาจของวงการรองเท้าบาสเกตบอลในช่วงปี 60’s – 80’s อย่าง Converse เริ่มต้นสร้างตำนานของตัวเองด้วยรองเท้าอย่าง Chuck Taylor ที่ไม่ได้รับความนิยมแค่ในสนาม แต่ยังรวมถึงการสวมใส่ทั่วไปในชีวิตประจำวันและผู้ที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบทุกคนยังคงนิยมมาถึงปัจจุบัน ต่อมาในช่วงปี 1980 พวกเขายังคงมีส่วนรวมในตลาดเช่นเคย คราวนี้มาพร้อมโมเดลรองเท้าอย่าง Converse Weapon ที่ได้สองยอดนักบาสแห่งยุคอย่าง Magic Johnson และ Larry Bird มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มันไม่ได้เสียงตอบรับเท่าที่ควร จนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจหยุดการผลิตรองเท้าสายตรงของกีฬาบาสเกตบอลไป อย่างไรก็ตามปีนี้ Converse หวนกลับคืนสู่สนามอีกครั้งโดยกลับมาพร้อมกับ Converse All-Star Pro BB รองเท้าบาสเกตบอลที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก Chuck Taylor และ Pro Leather สองโมเดลในตำนานที่สร้างขึ้นก่อนหน้า Pro BB มาพร้อมรูปทรงแบบ High Top โทนสีขาวและดำ ส่วนของ
นับตั้งแต่วันที่ Converse ส่งรองเท้าคู่แรกออกขายด้วยคอนเซ็ปต์รองเท้ายางสำหรับใส่กันหนาว และดังเป็นพลุแตกเมื่อนักบาสเก็ตบอลชาวอเมริกันอย่าง Chuck Taylor เข้ามามีส่วนร่วมคิดค้นสัญลักษณ์รูปดาวที่คุ้นตาจนเกิดเป็นรองเท้า Converse Chuck Taylor All-Star ทรงหุ้มข้อที่ผู้คนก็ยังนิยมใส่มาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด Converse ส่งรองเท้าสำหรับฤดูกาล Spring/Summer 2019 ด้วยดีไซน์แบบวินเทจและพื้นยางรองเท้าแบบโปร่งแสงที่รวมความคลาสสิกกับแฟชั่นสมัยใหม่เข้าด้วยกัน Converse คอลเลกชัน Spring/Summer 2019 จะมีทั้งหมด 3 คู่ พร้อมสีสันและลวดลายที่แตกต่างกัน ส่วนบนของรองเท้าทำจากผ้าฝ้าย น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี ประทับตรา Converse ที่แต่ละคู่มีรายละเอียดไม่ซ้ำกัน และมีจุดเด่นคือพื้นยางรองเท้าแบบโปร่งแสง รองเท้าคู่แรกได้คอนเซ็ปต์สีมาจากธงชาติของสหรัฐอเมริกา คือ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน พร้อมเชือกรองเท้าแบบกลมสีขาว ได้ต้นแบบมากจากเชือกกั้นห้ามเข้าระหว่างที่มีขบวนเสด็จของราชวงศ์ในประเทศแถบยุโรป พื้นรองเท้าสีฟ้าโปร่งแสง พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ Converse พื้นสีน้ำเงินตัดด้วยดาวสีแดงสดใส รองเท้าคู่ต่อมาเป็นรองเท้าหุ้มข้อลายตารางหมากรุกสีเขียว ตัดด้วยเส้นสีแดง แถบสีขาว และเส้นสีฟ้า เพิ่มลูกเล่นให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยพื้นรองเท้ายางสีชมพูเรืองแสง เชือกรองเท้าสีขาว พร้อมกับประทับตราสัญลักษณ์ Converse ด้วยยางใส ซึ่งรองเท้าคู่นี้จะให้ความรู้สึกวินเทจมากกว่ารองเท้าอีกสองคู่ในคอลเลกชันเดียวกัน รองเท้าคู่สุดท้ายในคอลเลกชัน
เหล่า Sneakerhead สายสเก็ต เป็นต้องได้น้ำลายหกอีกครั้ง เมื่อ Converse Cons ไลน์โปรดักส์รองเท้าสเก็ตบอร์ด จาก Converse แบรนด์รองเท้าผ้าใบสุดเก๋าแห่งวงการ ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ ที่เป็นการกลับไปร่วมมือกับ Polar Skate Co., บริษัทสเก็ตชื่อดังจากสวีเดนอีกครั้ง กับการเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ Jack Purcell Pro ที่มาพร้อมรูปทรงและดีไซน์เรียบง่ายตามแบบฉบับของ Jack Purcell ในคอลเลคชั่น Converse Cons x Polar Skate Co. Jack Purcell Pro ด้วยความตั้งใจในการออกแบบ และการคัดเลือกวัสดุที่ดีที่สุดในการใช้งานจริง Converse Cons x Polar Skate Co. Jack Purcell Pro หน้าผ้าเป็นหนังกลับพรีเมี่ยม (Premium Suede) มีให้เลือกถึง 3 สี ขอบยางด้านนอกเป็นสีขาว และพื้นรองเท้าเป็นสีฟ้าตามแบบฉบับดั้งเดิมของ Jack Purcell ขาดไม่ได้กับเอกลักษณ์รอยยิ้มที่หัวรองเท้า นอกเหนือจากนั้นหัวรองเท้ายังถูกออกแบบให้มีความบางลงเพื่อสัมผัสกับสเก็ตบอร์ดได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงตัวยางที่ช่วยในการใส่ให้กระชับ