ในบางครั้งเมื่อเราเข้าสู่โซเชียลมีเดียสารพัดรูปแบบ เช่น Facebook หรือ Instagram ก็มักเห็นบางคนที่มีแฟนแล้วแต่ชอบโพสต์รูปตัวเองอยู่เป็นประจำและลงรูปคู่กับคนรักน้อยมาก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นสามารถบอกได้ว่าผู้ที่ชอบโพสต์แต่รูปเซลฟี่ของตัวเองลงโซเชียลมีเดีย ในชีวิตจริงมักมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับคนรัก งานวิจัยจาก Florida State University ระบุว่าการเซลฟี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคู่รัก เพราะเมื่อออกไปเดตแล้วคนรักมักลงแต่รูปเซลฟี่ของตัวเองแต่ไม่ลงรูปคู่ จะทำให้อีกฝ่ายเกิดคำถามในใจมากมายว่าเพราะอะไรแฟนถึงไม่ลงรูปคู่ และคิดไปจนถึงขั้นว่าการมาเดตในแต่ละครั้งไม่สามารถสร้างความทรงจำที่ดีให้กับคนรักได้ รวมถึงไปความหวาดระแวงเรื่องของมือที่สาม ส่วนฝ่ายที่คลั่งการเซลฟี่ก็จะให้ความสนใจกับกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์เวลาที่โพสต์ในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยอดไลก์หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ มากกว่าที่จะให้ความสนใจกับคู่ชีวิตที่อยู่ใกล้ตัว โดยงานวิจัยได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า อาการชื่นชอบการเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจนั้นสามารถเป็นทั้งเพศชายและเพศหญิง นอกจากนี้ Dr.Nikki Goldstein ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยากล่าวว่า เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์จึงมักจะแสดงออกถึงความต้องการจะแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้มากกว่าการโพสต์รูปคู่กับแฟน หรือเขียนสเตตัสว่าไปไหนมาไหนกับคนรัก และเสพติดการเล่นโซเชียลมีเดียเป็นชีวิตจิตใจ จากการเฝ้าศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์มาเป็นเวลานาน Dr. Goldstein ได้บันทึกเรื่องราวที่เธอพบเจอไว้ว่า ในแต่ละวันเธอมักจะเห็นคู่รักหลายคู่โพสต์เรื่องราวต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะมีความสุข ที่เน้นบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง แต่สิ่งที่ Dr. Goldstein ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักนักเซลฟี่นั้นไม่ได้มีความสุขอย่างที่แชร์ลงในโซเชียลมีเดีย และการโพสต์เรื่องราวต่าง ๆ เพียงด้านเดียวแบบนี้ต่อไปจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักไม่มั่นคงมากกว่าเดิม การชื่นชอบเซลฟี่เกินควรนอกจากจะส่งผลกระทบกับชีวิตคู่แล้วก็ยังส่งผลเสียกับตัวเองเช่นกัน เพราะพฤติกรรมการชื่นชอบเซลฟี่จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Generation me คล้ายกับอาการหลงตัวเองของวัยรุ่นที่เวลารูปที่ลงในโซเชียลแล้วได้รับการตอบรับเยอะก็จะรู้สึกมั่นใจ แต่เมื่อยิ่งได้รับฟีดแบคที่ดี คนรักของผู้ที่ชื่นชอบเซลฟี่มักจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจและหึงหวง ก็จะเป็นการย้อนกลับมาในเรื่องของปัญหาความสัมพันธ์อีกครั้งแบบไม่รู้จบ ดังนั้นคำถามที่เหล่านักเซลฟี่จะต้องถามตัวเองให้ชัดเจนคือ สิ่งที่ตัวเองจะต้องให้ความสำคัญนั้นคือความสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือสนใจฟีดแบคในโลกออนไลน์มากกว่ากัน
ปัญหาโลกแตกของความสัมพันธ์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบุคคลที่สาม ที่หลายครั้งเป็นเหมือนปัจจัยภายนอกที่เราไม่อาจควบคุมได้ แต่หลายครั้ง มันคือปัจจัยที่อีกคนดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมือของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นมือที่สามที่มาในสารพัดสถานะ คนเคยคุย เพื่อนมัธยม เพื่อนที่ทำงาน และน่าปวดหัวจี๊ดที่สุดคงจะเป็น แฟนเก่า นั่นเป็นปัญหาที่แก้ตกไม่ตก เพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ใต้เงาของใครไปตลอด หากคุณเกิดสะกิดใจกับท่าทีของอีกฝ่ายขึ้นมา UNLOCKMEN จะพามาดู 10 สัญญาณบ่งบอกว่าแฟนของคุณ ยังไม่ลืมคนเก่าของเธอ มักจะบอกบ่อย ๆ ว่าเธอทำนู่นทำให้แฟนเก่า เธอมักจะบอกเล่าเสมอว่าเธอทำหน้าที่แฟนได้ดีแค่ไหน ด้วยการพูดถึงสิ่งที่เธอเคยทำให้คนเก่าของเธอ ที่สำคัญคือบอกโดยที่เราไม่ได้ถามก่อน และไม่อยากรู้นี่แหละ เรียนรู้กันจากการทะเลาะ ปรับความเข้าใจกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแหละโว้ย! ส่วนมากมักจะมาในรูปแบบของชีวิตประจำวันที่พวกเขามักเคยทำด้วยกันในสมัยก่อน ว่าเขาเคยมีคืนวันอันหวานชื่นเพราะเธอมักจะทำนู่นนี่ ยื่นความช่วยเหลือให้เขาเสมอ บางครั้งเธออาจจะอยากตั้งใจโชว์ความทุ่มเทของเธอในฐานะของคนรักที่ดี แต่การพูดถึงแฟนเก่า มันไม่ใช่อะไรที่ฟังลื่นหูนัก ไม่เรียกคนนั้นด้วยชื่อ แต่เรียกด้วยสถานะ ในกรณีที่เป็นต้องพูดถึงคนนั้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะการเล่าเรื่อง เป็นเพื่อนกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามปกติแล้วถ้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ก็คงจะใช้สรรพนามที่เป็นชื่อของคนนั้นใช่มั้ย ? เหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ของเธอ แต่ถ้าหากเธอเรียกคนนั้นด้วยสรรพนามที่บ่งบอกถึงสถานะอย่าง “แฟนเก่า” นั่นแหละ ระวังเอาไว้เลย เหตุผลหลัก ๆ คือ เพราะเธอไม่กล้าเอ่ยชื่อของเขาตรง
นอกจากอากาศที่ร้อน (จัด) แล้ว ยังเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวทะลสุดๆ การพาผู้หญิงไปทะเลทั้งที จะให้ธรรมดาได้ยังไง