“ผู้นำ” คือแกนหลักสำคัญของประเทศ องค์กร หน่วยงาน ผู้คนจำนวนมากไว้วางใจเลือกผู้นำคนใดคนหนึ่งขึ้นมา เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถเต็มเปี่ยม แต่การเป็นผู้นำไม่ได้หมายความแค่การนำพาประเทศหรือองค์กรให้ไปข้างหน้าแค่ในช่วงเวลาอันสงบสุขเท่านั้น แต่หมายความว่าในสภาวะคับขัน ภัยมา หรือถูกจู่โจมแบบฉับพลัน ผู้นำจะสามารถรับมือกับเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นได้สมกับที่ผู้คนไว้วางใจ การบริหารจัดการในสภาวะวิกฤตก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือ “การสื่อสาร” ในสถานการณ์สุดตึงเครียด ในสภาวะที่ประชาชนหวาดกลัว การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและทรงพลังจากผู้นำนั้นมีส่วนสำคัญที่ทำให้หลายอย่างคลี่คลาย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรเรียกความเชื่อมั่นจากฝูงชนให้พร้อมเผชิญอุปสรรคไปพร้อมกัน Angela Merkel วิกฤตล่าสุดที่คนทั้งโลกกำลังเผชิญความท้าทายร่วมกันคือวิกฤตไวรัสโควิด 19 ที่กำลังน่าเป็นห่วงในหลายพื้นที่ ผู้นำแต่ละชาติมีมาตรการรับมือ ป้องกันและแก้ไขแตกต่างกันไป รวมถึงสปีชกับประชาชนในชาติตัวเองที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของแต่ละคนด้วย Angela Merkel สมุหนายกแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (ที่ปกติว่ากันว่าเธอไม่ได้ออกมาแถลงอะไรลักษณะนี้บ่อยนัก) แถลงข่าวผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2020 โดยสปีชครั้งนี้ของเธอได้รับการกล่าวขวัญไปเป็นวงกว้างทั้งความตรงไปตรงมา มีเหตุมีผล เห็นอกเห็นใจผู้คน และสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้คนไปได้พร้อม ๆ กัน Angela Merkel ระบุว่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มา ไม่มีอุปสรรคใดที่คุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้ ซึ่งทำให้เรายิ่งต้องร่วมมือกัน แม้หลายคนจะเคยกังวลว่าถ้าเป็นผู้นำแล้วออกมาพูดว่ามีปัญหาตรง ๆ จะทำให้คนมองว่าเราไม่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า? Angela Merkel ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการยอมรับว่านี่คือปัญหาที่หนักหนาที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ในวันที่เรื่องดราม่าไม่ได้หยุดอยู่แค่ในชีวิตจริง แต่พันพัวมั่วซั่วได้แม้ในโลกโซเชียลฯ แถมดราม่าในอินเตอร์เน็ตนั้นซับซ้อนเข้าไปใหญ่เพราะกระจายสู่คนได้กว้างกว่า ไกลกว่า แถมคนแสดงความคิดเห็นได้หลากหลายมากกว่า ที่สำคัญคนยังลืมได้ยากมากขึ้นเพราะข้อมูลมันถูกส่งไปอยู่บนอินเตอร์เน็ตแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าเรื่องดราม่าของเราจะคงอยู่ไปตลอดกาล ดังนั้น UNLOCKMEN ขอเสนอหน้าชี้หนทางว่าอะไรที่ไม่ควรทำเด็ดขาดเมื่อมีดราม่าเป็นของตัวเอง เพื่อให้ดราม่าจบลงแบบไม่แย่จนเกินไป อย่าหัวร้อน มือไว พิมพ์อะไรแบบไม่คิด เมื่อเกิดดราม่าสุดซับซ้อนในชีวิตเราขึ้นแล้ว อย่างแรกที่ต้องทำคือตั้งสติให้มั่น อย่าปล่อยให้หัวร้อนเป็นไฟแล้วมือไวใจเร็วด่าโต้ตอบกลับไปแบบไม่ใช้สมองคิด เพราะวิธีนี้มีแต่จะทำให้เรื่องราวเลวร้ายเข้าไปใหญ่ วิธีที่ดีที่สุดที่ UNLOCKMEN ขอแนะนำคืออยู่นิ่ง ๆ เข้าไว้ จะโต้ตอบอะไรก็ขอให้ผ่านการคิดตริตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น หรือทางที่ดีไม่โต้ตอบเลยก็คูลเข้าไปใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่คาบเกี่ยวกับกฎหมายด้วยแล้ว ไว้ไปให้การกันในชั้นศาลจะ ๆ ไปเลยจะดีที่สุด อย่าใส่ร้ายคนอื่นด้วยเรื่องโกหก รู้ว่าเวลาเจอดราม่าแล้วมันสุดโกรธ สุดโมโห โดยเฉพาะดราม่าที่มีคู่กรณีชัดเจนด้วยแล้ว มันยิ่งคันไม้คันมืออยากทำให้อีกฝ่ายล่มจมลงไป แต่ถ้าในสมองของเราดันคิดเรื่องเลว ๆ ของเขาไม่ออก แต่ก็ไม่วายอยากแต่งเรื่องโกหกพกลมไว้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเขา UNLOCKMEN ขออนุญาตสะกิดแรง ๆ แล้วบอกว่าอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะยิ่งทำแบบนั้นแล้วคนอื่นจับได้ว่าเราโกหก นอกจากจะพาลโกรธที่เราโกหก ยังพาลไม่เชื่ออะไรที่เราพูดหรือให้เหตุผลอีกต่อไป อย่าลืมว่าไม่ว่าเราจะโกหกเนียนแค่ไหน ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ยิ่งถ้าโกหก แต่งเรื่องไม่เนียนด้วยแล้ว ยิ่งจบตั้งแต่ยังไม่ทันอ้าปากเลยทีเดียว อย่าให้เพื่อนปากหมามามีอิทธิพลกับชีวิต สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือจดจำไว้ว่า เพื่อนไม่ดีมีค่าเท่ากับทำให้ดราม่าพังลงไปกว่าเดิม รู้ว่ามีเพื่อนรักเยอะ รู้ว่าเพื่อนอยากให้กำลังใจ
ไม่ว่าองค์กรเล็กใหญ่หรือใครก็ล้วนเคยผ่านวิกฤตดราม่าจากคำพูดกันแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าคำพูดจะออกมาด้วยความตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือคนตีความผิดไปเองจนงานเข้าเรื่องราวบานปลาย แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเรารับมือและจัดการกับวิกฤตดราม่าจากคำพูดครั้งนั้นได้อย่างไรบ้างต่างหาก UNLOCKMEN จึงเล็งเห็นแบบชัดแจ้งเต็มตาว่าในโลกที่โซเชียลมีเดียถูกสุมไฟดราม่าให้คุกรุ่นได้ง่าย เราทุกคนล้วนต้องการหาทางลงให้กับดราม่าที่เกิดขึ้นอย่างเท่ ๆ ซึ่งเรารับรองว่า 5 วิธีนี้ใช้ได้ทั้งองค์กรธุรกิจและคนธรรมดา 1.รุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง การโต้ตอบหรือจัดการวิกฤติที่เกิดขึ้นแบบรวดเร็วทันใจมันก็ดูเหมือนจะดีในโลกที่ทุกอย่างวิ่งไวในโลกออนไลน์ไปเสียหมดอย่างนี้ แต่มันจะดีกว่าถ้าเราได้นั่งนิ่ง ๆ ตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดให้ถี่ถ้วนในเวลาที่เร็วที่สุดแต่ก็รอบคอบที่สุดว่าวิกฤตเกิดจากอะไร กรณีที่บุกเดี่ยวมาแต่แรก ก็นิ่งไว้ก่อนดีที่สุด ยิ่งตอบโต้ในช่องทางออนไลน์ ทุกอย่างจะมีแต่แย่ลง ๆ ในขณะที่ถ้าเป็นระดับองค์กรก็ควรบอกให้ทุกคนนิ่งเข้าไว้ รู้ว่าหัวร้อนแต่อย่าให้ใครไปโต้ตอบในช่องทางออนไลน์เด็ดขาด ควรปล่อยให้ฝ่ายสื่อสารองค์กรลุยเท่านั้น 2.รวมทีมอเวนเจอร์ซะ! ซุปเปอร์ฮีโร่เขายังไม่สู้คนเดียว เพราะคนเดียวหัวหาย หลายคนมีแต่ดี หลังจากวิกฤตการณ์เกิดขึ้นแล้ว ให้รีบรวบรวมทีมผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรทั้งหมดให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยกันปรึกษา ขอความคิดเห็นหลากหลายแบบในการรับมือ หรือร่างข้อความที่จะสื่อสารกลับไป ไม่ว่าจะเป็นการขอโทษ การชี้แจงในส่วนของเรา หรือการโต้ตอบในกรณีที่จำเป็น นอกจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในองค์กรแล้ว ควรเชิญผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่กำลังดราม่านั้นมาด้วย แต่ถ้าเป็นกรณีที่บุกเดี่ยวก่อดราม่าคนเดียวมาแต่แรก ก็อาจปรึกษาเพื่อน คนใกล้ตัว หรือผู้ใหญ่ที่เราเชื่อถือควบคู่กันไปแทน 3.อย่ารีบด่วนสรุป ท่องจำให้ขึ้นใจว่าทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก! โดยเฉพาะเมื่อทุกคนกำลังหัวร้อน คันไม้คันมืออยากโต้ตอบ แต่ข้อสรุปแรก ๆ ที่เราได้และวางแผนจะจัดการมักจะผิด (ไม่เสมอไป แต่บ่อยครั้ง) ดังนั้นคิดให้ครบสองสามรอบก่อนตัดสินใจลงมือชี้แจงอะไร 4.ให้คนคนเดียวออกมาพูด