ในยุคก่อน คนไทยมีค่านิยมอยากให้ลูกชายรับราชการ เพราะนอกจากความมีหน้ามีตาทางสังคม สวัสดิการมากมายแบบที่หาไม่ได้ในอาชีพอื่น มันยังได้รับสิ่งที่เรารอคอยเสมือนมรดกบั้นปลายไว้ใช้ยามแก่อย่าง “เงินบำนาญ” ด้วย แต่อย่างที่หลายคนรู้คือพอค่านิยมสังคมเปลี่ยน อาชีพทางราชการก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกคนอีกต่อไป ทั้งเรื่องของสายอาชีพ สวัสดิการและเงินเดือน ทว่าเรื่องหนึ่งที่ข้าราชการแทบทุกรุ่นยังคงชื่นชอบกันอยู่คือการใช้ชีวิตแบบไม่หวั่นแม้วันเกษียณ เพราะพวกเขาโดนบังคับเก็บออมมาเรื่อย ๆ ตัดเงินทันทีเงินเดือนออกเพื่อเข้า “กบข.” หรือ “กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ” ซึ่งภาครัฐจะสมทบเงินอีกจำนวนหนึ่งให้เพิ่มเติม สะสมไปเรื่อย ๆ พอถึงวันเกษียณก็อุ่นใจว่ายังมีเงินให้ใช้แม้ไม่ต้องทำงาน ซึ่งจะว่าไปหลักการมันก็คล้ายกันกับ Provident Fund หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ของบริษัทเอกชนบางแห่ง ที่ไหนมี Provident Fund ก็ถือเป็นแรร์ไอเทมมาก เพราะเป็นหนทางออมอีกทางที่มีคนมาออกเงินให้เราฟรี ทำไมจะไม่อยากได้ล่ะ จริงไหม กบช. = แก้แก่ไปไม่มีเงินใช้ ก่อนจะไปลงรายละเอียดว่ามันให้อะไรเราบ้าง มีเงื่อนไขอะไร ขอย้อนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นร่าง พรบ. ฉบับนี้ก่อนว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุผลการเกิดของมันเกิดจากสภาพสังคมตอนน้ีที่หลายคนคงเคยได้ยินว่า “ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ” แต่ปัญหาตอนนี้ที่มียังคงแก้ไม่ตกคือ ผู้สูงอายุหลายคนในไทยยังมีเงินไม่พอใช้สำหรับวัยเกษียณ ซึ่งหมายความว่า แม้เราจะต้องแก่และตายไปพร้อมกัน แต่ก่อนจะเตรียมพร้อมถึงวันหมดลมหายใจ เงินที่มีไม่พอมันจะพาเราไปอยู่สภาพไหนก็ไม่รู้ ดีอย่างไร? จะสมทบแบบไหน?