เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาสักอย่างเนี่ย นอกจากการแก้ปัญหากันหัวหมุนแล้ว อีกสิ่งที่เรามักจะทำอย่างแข็งขันคือการหาต้นเหตุของเรื่องนั้น แล้วหยุดยั้งเจ้าต้นเหตุเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องชวนหัวแบบนี้ขึ้นอีก แต่ทว่าการขุดคุ้ยหาต้นตอนั้น เราต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะได้เจอสิ่งที่เป็นสาเหตุของมันจริง ๆ ไม่เช่นนั้นการคว้าสิ่งไหนขึ้นมามั่วซั่วอาจนำมาสู่ตรรกะวิบัติที่เรียกว่า ‘SLIPPERY SLOPE’ ทางลาดชันที่จะพาเราไปสู่เหตุการณ์คนละเรื่องกับเรื่องราวในตอนแรก ฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เชื่อไหมว่าคนเรามักจะมีข้ออ้างแบบนี้กันอยู่บ่อย ๆ มาทำความรู้จักกับตรรกะวิบัติชนิดนี้ พร้อมกับทางหนีทีไล่เมื่อเจอคนที่ใช้ตรรกะขาด ๆ แหว่ง ๆ แบบนี้ ‘SLIPPERY SLOPE’ ทางลาดชันสู่เหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง มาดูกันเต็ม ๆ ว่า เจ้า ‘SLIPPERY SLOPE’ เนี่ย มันคือความไร้เหตุผลยังไงกัน พูดให้เห็นต้นสายปลายเหตุง่าย ๆ คือ “A ทำให้เกิด B ที่จะทำให้เกิด C และ D และ E ไปเรื่อย ๆ จนถึง Z เพราะฉะนั้น A ทำให้เกิด Z นั่นเอง” ป้าบเข้าให้ แค่นี้ก็งงแล้วว่า A มันจะไปยัน Z ได้จริงหรอ
เมื่อเกิดประเด็นอะไรสักอย่างให้เราถกเถียงกันอย่างเป็นวงกว้างในสังคม ความคิดเห็นที่หลากหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ ชีวิตประจำวัน หรือประเด็นเล็กน้อยก็ตาม เราก็จะได้เห็นการฟาดฟันกันทางความคิดอย่างเมามัน ส่วนมากเสียงจะแตกออกเป็นสองฝั่ง เหมือนเปิดเวทีโต้วาทีกันสมัยเรียน แล้วทีนี้ ปัญหาคือ มันเกิดการเลือกข้าง กลายเป็นการปะทะกันทางความคิดของคนสองกลุ่ม ลุกลามใหญ่โตจนเป็นเรื่องขึ้นมา ไอ้การปะทะกันของคนสองกลุ่มเนี่ย นอกจากความคิดเห็นในส่วนที่เป็น Opinion แล้ว สิ่งที่ตามมา (บ่อย ๆ) คือการให้เหตุผลแบบผิด ๆ ถ้าไม่ใช่ฝั่งกู มึงเป็นฝั่งนู้นสินะ จนลืมไปเลยว่าในประเด็นหนึ่งเนี่ย มันสามารถมีกลุ่มคนที่แสดงความเห็นออกไปได้หลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สองฝั่ง และการโจมตีกันแบบนี้ เราเรียกมันว่า “False Dilemma” มาแกะรอยกันว่าการโจมตีกันแบบนี้มันคืออะไร แล้วเราจะแก้เกมยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แสนหงุดหงิดนี้ False Dilemma ทางเลือกที่หลอกล่อไปสู่หนทางเลวร้าย มาว่ากันง่าย ๆ เลยว่า False Dilemma มันคือให้ตัวเลือกแบบจำกัด แถมยังเป็นทางเลือกที่ไม่น่าเลือกอีกต่างหาก ทั้งที่ในประเด็นนั้นเนี่ย มันไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเป็นแค่สองฝั่งที่ว่านั่นเลยก็ได้ มันมีทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ถูกพูดถึงอยู่ด้วย ๆ พูดเฉย ๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างข้อความ False Dilemma กันก่อน “ถ้าไม่เลือกเรา เขามาแน่” “ถ้าวิจารณ์ประเทศขนาดนี้
ประเด็นร้อนในสังคม ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเสมอ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนอยู่ในมือ การใช้ Social Media เสพสื่อและเป็นช่องทางในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ได้กว้างมากขึ้น เราจะได้เห็นความคิดเห็นจากผู้คนหลากหลายความคิดมากขึ้น ฟังขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง ตลกร้ายบ้าง เหตุผลหนักแน่นบ้าง ปะปนกันไป แต่สิ่งที่เห็นแล้วน่าหงุดหงิดที่สุดก็ยังคงเป็นตรรกะวิบัตินี่แหละ ที่มันรบกวนใจเราเหลือเกิน UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับตรรกะวิบัติที่เราเคยแนะนำกันไว้ในคอนเทนต์ “DON’T GET LOST IN LOGIC แนะนำ 5 ตรรกะวิบัติที่พวกเราควรรู้ ก่อนไปเสียเวลาอันมีค่าเถียงกับคนอื่น” ใครที่ยังไม่เคยอ่าน Part แรกไปตามอ่านกันได้ แล้วมาต่อกันในคอนเทนต์นี้ เปรียบเทียบผิด (False Analogy) ตรรกะวิบัติอันนี้ เรียกว่ากำลังมาแรงในช่วงนี้เลยล่ะ มันไม่ได้มาแรงด้วยตัวของมันเอง แต่มันมาพร้อมกับพวกไลฟ์โค้ช นักหว่านคำคมที่ดูเหมือนจะเท่ เหมือนจะสะกิดใจให้ข้อคิด แต่มาตกม้าตายตรงที่มันกลวง เพราะใช้ Metaphor หรือหยิบจับอะไรมาเปรียบเทียบกันแบบผิด ๆ พูดง่าย ๆ คือเอาสิ่งที่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ มาเปรียบเทียบในบริบทเดียวกัน พูดเฉย ๆ อาจจะยังง มาดูตัวอย่างกันดีกว่า Ex.