หนัง SEXY มีฉากเร่าร้อนผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ปลื้ม แต่บางทีไปดูในโรงหนังพร้อมคนเป็นสิบเป็นร้อยมันก็กระอักกระอ่วนปลดปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปได้ไม่เต็มที่ ยิ่งโรงไหนมีพ่อแม่อุตริพาเด็กมาดูยิ่งเจื่อนกันแบบบอกไม่ถูก สู้ดูที่บ้านก็ไม่ได้ โชคดีที่สมัยนี้เรามี NETFLIX ที่อำนวยความสะดวกให้เราดูทั้งหนังทั้งซีรีส์อยู่บ้านได้แบบฉ่ำใจ และนี่คือหนัง SEXY ทั้ง 5 เรื่องที่หาดูได้จาก NETFLIX Blue Is the Warmest Colour Blue Is the Warmest Color ขึ้นชื่อเรื่องฉากโคตร SEXY เป็นอย่างมาก เอาเป็นว่ารวมหนังฉากวาบหวามทีไรเรื่องนี้เป็นต้องติดอันดับอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางกายระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงที่ฉายยาวกว่า 10 นาที! (โดยหารู้ไม่ว่าของจริงเขาถ่ายทำนานถึง 10 วัน) ใครที่เคยสัมผัสหนังเรื่องนี้จากในโรงแล้วยังไม่ฉ่ำใจเชิญเปิดดูได้จาก NETFLIX ให้ไวเลย Eyes Wide Shut Eyes Wide Shut ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ SEXY สุดสะเด่าเร้าใจจนผู้ชายคนไหนก็ห้ามพลาด ยิ่งถ้าดูที่บ้านชวนสาวมาดูด้วยเรารับรองว่ายิ่งซี้ด อายุผู้ชมระดับ 20+ ก็คงการันตีได้ประมาณหนึ่งว่าหนังเรื่องนี้จะถึงพริกถึงขิงแค่ไหน เอาเป็นว่างดงามทั้งฉาก SEXY เนื้อเรื่อง
ก่อนจะเริ่มลงมือเขียนบทและถ่ายทำ John Wick ภาคแรก ทีมผู้สร้างและผู้กำกับ Chad Stahelski ไม่ได้แพลนล่วงหน้าไว้ว่ากระแสจะดีจัด จน John Wick กลายเป็นหนัง Francise ที่สานต่อไปทั้งภาพยนตร์ภาคต่อ และเตรียมลงเจอซีรีย์แบบทุกวันนี้ วันนี้เรามีข่าวดีสำหรับแฟน Keanu Reeves และ John Wick มาฝาก เกี่ยวกับข่าวความคืบหน้าของ John Wick Chapter 3 กับเนื้อหาที่คาดว่าจะเฉลยทุกที่มา และสงครามการต่อสู้ที่มีระดับใหญ่โตขึ้นมากกว่าแค่การถล่มแกงค์เจ้าพ่อ ล้างแค้นให้ลูกหมาและบ้านหลังงามแบบที่ผ่านมา สำหรับ John Wick Chapter 3 มีการพูดคุยกับผู้กำกับและตัว Keanu Reeves เองในการสัมภาษณ์ที่แยกกัน แต่เราได้ทำการสรุปรวมมาให้เห็นภาพใหญ่กันง่ายขึ้น โดยในภาคล่าสุดที่กำลังจะเปิดกองถ่ายทำกันราวเดือนหน้า จะเป็นเรื่องราวต่อจากการทำผิดกฎ Wick จึงกลายเป็นเป้าหมายของนักฆ่าจากทั้งองค์กร Continental ต้องหาทางหนีออกจากเมือง New York ซึ่งก็พอจะเห็นภาพการต่อสู้ที่ยกระดับกว่าเดิมได้พอสมควร แต่ที่การันตีความเดือดกว่านั้น มาจากคำบอกเล่าของ Chad Stahelski เผยในบทสัมภาษณ์กับ The Independent ก่อนหน้านี้ว่า สงครามของ Wick
เวลาเราพูดถึงการดูหนัง ผู้ชายอย่างเรามักนึกถึงแต่ความบันเทิงเท่านั้น ทำให้ผู้ชายจริงจังหลายคนรู้สึกว่าการเสียเวลาไปกับความบันเทิงเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ภาพยนตร์มีแต่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงจริงเหรอวะ? คำตอบก็คือไม่ โลกยังเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่อิงความจริงอีกนับไม่ถ้วน แต่ถ้ารู้สึกว่าจริงไม่พอ UNLOCKMEN ขอเปิดโลกภาพยนตร์แบบที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในไทย (แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ) นั่นก็คือ “โลกของหนังสารคดี” ถ้าไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเราอาสาพาเข้าสู่โลกแห่งความจริงจัง แต่ก็จัดจ้าน จี๊ดจ๊าดด้วยหนังสารคดี 7 เรื่องที่เคยฉายในไทยโดย Documentary Club มาแล้ว และหา DVD หาดูได้ไม่ยาก CITIZENFOUR แฉกระฉ่อนโลก CITIZENFOUR เป็นหนังรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมประจำปี 2015 นอกจากรางวัลการันตีแล้วเราก็รับรองได้เลยว่า CITIZENFOUR จะทำให้ผู้ชายอย่างเรารู้สึกสั่นสะเทือนกับนโยบายลับ ๆ ของรัฐที่เป็นเงาครอบคลุมชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว โดย CITIZENFOUR จะทำหน้าที่เปิดโปงนโยบายลับที่ว่านั้นซึ่งนับเป็นการเปิดโปงที่ส่งผลสั่นสะเทือนไปทั้งโลกอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ความระทึกขวัญในหนังเรื่องนี้จะพาเรานั่งไม่ติด และนั่งไม่ติดยิ่งกว่าเพราะมันไม่ใช่หนังแต่เป็นเรื่องจริง ! ถ้าอยากสัมผัสการเปิดโปง การต่อสู้กับรัฐ การดักฟังของรัฐ ด้วยบรรยากาศสมจริง (ก็จริงสิ เพราะมันคือเรื่องจริง) เราก็บอกเลยว่าห้ามพลาด The Wolfpack หมาป่าคอนกรีต นี่คือเรื่องราวของ 6 พี่น้องอังกูโล เรื่องย่อทั้งหมดของหนังมันมีแค่นี้จริง
ขอยกให้เป็น Blockbuster ของต้นปี 2018 เลยสำหรับ Black Panther เรื่องราวซุปเปอร์ฮีโร่คนใหม่อย่าง T’Challa เจ้าชายแห่งอาณาจักร Wakanda กับการก้าวขึ้นมาเป็นราชาคนใหม่แทนพ่อที่ถูกลอบสังหาร ขณะเดียวกันเขาก็ต้องป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอกรวมถึงความขัดแย้งในบ้านเกิดไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่แค่พล็อตเรื่อง และ Visual Effect ที่น่าสนใจ Black Panther ยังแอบแฝงไปด้วยแนวคิด “AFROFUTURISM” ที่น่าสนใจอย่างยิ่งและถือเป็นแรงขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของวงการภาพยนตร์เลยทีเดียว AFROFUTURISM คืออะไร AFROFUTURISM คือแนวคิดเกี่ยวกับปรัชญาวิทยาศาสตร์ – ประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นครั้งแรกในยุค 50’S โดยศิลปินแจ๊ส เชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันนามว่า Sun Ra ที่หยิบเอาวัฒนธรรมแอฟริกาโบราณ มาผสมผสามกับศิลปะและเทคโนโลยีร่วมสมัย เป็นการแสดงออกถึง ความแตกต่างของโลกในอุดมคติ แต่ AFROFUTURISM ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรก ในปี 1993 ในบทความ “ Black to Future “ โดย Mark Dery
คงไม่ต้องเกริ่นอะไรสำหรับ Netflix อีกแล้ว เพราะปัจจุบันได้กลายเป็นสตรีมมิ่งที่มาแรงบนโลกออนไลน์สุด ๆ เนื่องจากขยันสร้างซีรีส์คุณภาพสูงรวมถึงจัดหาภาพยนตร์คุณภาพดีมาให้รับชมอย่างไม่ขาดสาย ที่สำคัญค่าสมาชิกรายเดือนถูกเสียกว่าสมัยสมัครร้านเช่าดีวีดีเสียด้วยซ้ำ สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าจะสมัครดีไหม เราขอบอกเลยว่าไม่ต้องลังเลใด ๆ เพราะ ณ ตอนนี้ Netflix มีซีรีส์ของตัวเองไม่ต่ำกว่า 150 โชว์ โดยเกินกว่าครึ่งเป็นซีรีส์คุณภาพการันตีทางเสียงวิจารณ์และรางวัล ดังนั้นเพื่อประกอบการตัดสินใจวันนี้ UNLOCKMEN จะเลือกซีรีส์สามัญประจำผู้ชายที่เราเชื่อว่าหากคุณเปิดดูเมื่อไหร่ ก็เตรียมไม่ต้องออกจากบ้านไปไหนเลย เพราะรับรองว่าติดหนึบอย่างแน่นอนจากค่าย Netflix Stranger Things ต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นซีรีส์สร้างชื่อให้กับ Netflix เมื่อสองปีก่อน ด้วยกระแสที่โหยหาอดีตอย่างบ้าคลั่งของคนในปัจจุบัน ทำให้ Netlflix ตัดสินใจสร้างซีรีส์ไซไฟสไตล์ย้อนยุคที่เล่าเรื่องถึงเหตุการณ์ประหลาดในรัฐอินเดียน่าช่วงยุค 80s จนนำไปสู่การหายตัวไปของเด็กคนหนึ่งทำให้กลุ่มเพื่อน ครอบครัวรวมถึงตำรวจท้องถิ่นต้องช่วยออกตามหาและสานไปถึงเรื่องราวลึกลับเหนือธรรมชาติ ที่มีรัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำไมต้องดู = หากคุณชอบหนังสไตล์ยุค 80s ที่เป็นการยำหลาย ๆ งานไม่ว่าจะเป็น Super 8 , E.T. และ X-file รับรองว่าไม่ควรพลาด แม้จะดูเหมือนมั่วเกินไปที่รวมหลาย ๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกัน แต่ผลลัพธ์กลับแตกต่าง เพราะ
ถ้าหากมีใครสักคนไล่ให้คุณไปออกกำลังกาย เราก็มักจะบ่ายเบี่ยงอ้างว่าทำงานมาเหนื่อยบ้าง ขี้เกียจพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า นั่นเพราะคุณยังไม่มีแรงบันดาลใจ หรือสถานการณ์สุขภาพของคุณยังไม่เข้าขั้นวิกฤตจึงทำให้เพิกเฉย โดยเรื่องสุขภาพของเราเป็นสิ่งที่เราต้องดูแลรักษาด้วยตนเองไม่มีใครสามารถมาเป็นเจ็บป่วยแทนได้แม้คุณจะมีเงินมากมายสักเท่าไหร่ ดังนั้นลองมาหาแรงบันดาลใจเพื่อปลุกตัวเองให้ออกไปวิ่งด้วยหนัง 5 เรื่องที่พอคุณดูจบแล้วเราเชื่อว่าต้องอยากลุกออกไปวิ่งเดี๋ยวนั้นเลย Forrest Gump เรื่องแรกที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับหนังชื่อดังที่การันตีรางวัลระดับออสการ์ และส่งผลให้ Tom Hank โด่งดังเป็นพลุแตกจวบจนถึงทุกวันนี้ โดย Forrest Gump ว่าด้วยเรื่องของเด็กเอ๋อจากอลาบาม่าที่มีไอคิวไม่ถึง 80 และพัฒนาการทางสมองต่ำกว่าคนปกติ ถึงเขาจะเป็นคนซื่อ ๆ แต่ก็มีนิสัยจิตใจที่ดีงามสามารถก้าวข้ามความบกพร่องทางร่างกาย ทว่ามีหนึ่งในฉากคลาสสิคที่เป็นไฮไลท์ของหนังเรื่องคือตอนที่ Forrest Gump วิ่งข้ามประเทศอเมริกาด้วยตัวคนเดียวจนโด่งดัง ถ้าหากใครอยากจะเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการวิ่ง Forrest Gump ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว SAINT RALPH หนังดราม่าจากประเทศแคนาดาเป็นเรื่องราวของ Ralph Walker ผู้ทำตัวเกเรจนถูกครูใหญ่บังคับให้เข้าร่วมทีมวิ่งมาราธอนของโรงเรียนเพื่อดัดนิสัย จนเมื่อแม่ผู้เป็นคนเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่ของเขาตกอยู่ในอาการโคม่า เขาจึงตั้งใจจะสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการคว้าชัยชนะในการแข่ง บอสตัน มาราธอน ให้ได้ ดูเรื่องนี้แล้วอาจได้แรงฮึดให้ลุกขึ้นมาวิ่งจริง ๆ จัง ๆ เหมือนอย่าง Ralph Walker ก็ได้เช่นกัน Run Fatboy Run
เดือนกุมภาพันธ์ถือว่ามีหนังระดับ blockbuster เตรียมจ่อคิวเข้าโรงภาพยนตร์ถึงสองเรื่องด้วยกัน ไหนจะ Fifty Shade Freed ที่แม้จะดูเจื่อนไปบ้างทั้งที่ช่วงวาเลนไทน์ถือเป็นฤกษ์งามยามดีของพวกเขาตลอดมา เดิมทีเราก็ค่อนข้างสงสัยว่าระดับ Fifty Shade ที่เป็นหนังเรท R และสามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า $300 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำไมถึงต้องยอมขยับเลื่อนวันฉายขึ้นมาหนึ่งสัปดาห์ แต่เมื่อได้เห็นโปรแกรมหนังที่จะเข้าในอาทิตย์ถัดไป ก็ถึงกับบางอ้อ เนื่องจากมีหนังฟอร์มยักษ์ที่เตรียมลงโรงอย่าง Black Panther ซึ่งต้องขอบอกชาว UNLOCKMEN ก่อนเลยว่ากระแสของ Black Panther ตอนนี้ถือว่าแรงมาก ๆ เพราะได้ทำลายสถิติยอดจองตั๋วล่วงหน้าสูงสุดตลอดกาลในประเทศสหรัฐอเมริกาแซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Captian America : Civil Wars เป็นที่เรียบร้อย โดย Marvel Studio คาดการณ์ว่าเรื่องราวของราชาเสือดำอาจจะเป็นหนังทำเงิน $1,000 ล้านเหรียญเรื่องต่อไปของพวกเขา ทว่าไม่ใช่แค่แง่ความสำเร็จของซุปเปอร์ฮีโร่ผิวสีเรื่องแรกที่กำลังจะลงโรงฉาย แต่เรามองว่า Black Panther กำลังจะเปลี่ยนวงการภาพยนตร์รวมถึงสังคมโลกไปตลอดกาล เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าประเด็นสีผิวและเชื้อชาติถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมากในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์อย่าง Black Panther ที่แทบจะพูดได้ว่าเป็นเรื่องราวกลุ่มคนผิวสีที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยกู้โลก จึงเปรียบเสมือนตัวแทนในการแสดงออกถึงความอัดอั้นที่พวกเขาต้องการเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของตัวเองให้ได้รับสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับคนอื่น ยิ่งถ้าสืบลึกลงไปในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาแล้วจะพบว่ามีชาวแอฟริกัน-อเมริกันจำนวนมากต้องถูกกดขี่เป็นแรงงานทาสในช่วงพัฒนาประเทศ น่าประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อชาวโลกล้วนทราบดีว่าอเมริกาเป็นประเทศที่เติบโตจนพัฒนามาได้ถึงทุกวันนี้เพราะชีวิตเลือดเนื้อของคนผิวสีเหล่านั้น
ใคร ๆ ก็ชอบบอกเราว่าให้เรียนภาษาอังกฤษจากการดูหนัง แต่ไม่เห็นจะมีใครเคยบอกว่าต้องดูหนังเรื่องอะไร? เพราะหนังบางเรื่องก็บทสนทนามาเต็มเป็นพรืดชนิดที่ว่าเรียนรู้ยังไงก็คงไม่ได้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ บางทีสำเนียงก็ฟังยากแสนยากจนเรางง หรือจะให้ดูการ์ตูนไปเสียเลยมันก็พอดูได้ แต่จะให้ดูทุกวันมันก็คงเบื่อ วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอเสนอหนัง 5 เรื่องที่ทำให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ แถมสนุกด้วยมาฝากกัน The Hangover เรื่องราวความสนุกของคนเมา ๆ ที่ตื่นเช้ามาแล้วดันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างคงไม่ต้องบรรยายเพิ่มว่าจะสนุกสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ดีงามสำหรับคนที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษคือหนังเรื่องนี้มันโคตรสนุก ดังนั้นมันจึงสามารถดึงดูดคนที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (ที่ขี้เกียจอย่างเรา ๆ ) เอาไว้กับมันได้ แถมตัวละครทุกตัวใน The Hangover ยังใช้ภาษาอังกฤษบ้าน ๆ แบบที่ใช้กันทุกวัน รวมถึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ American slang ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจการใช้ศัพท์แสงในบทสนทนาภาษาอังกฤษแบบสุดเรียลได้อีก The Hunger Games การไล่ล่าสุดมันในโลกแบบดิสโทเปีย การเอาตัวรอด การสู้ยิบตาตลอดเรื่องก็น่าดูมากพออยู่แล้ว แต่ข้อดีของมันอีกอย่างคือ The Hunger Games ช่วยให้เราเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ด้วย โดยหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยภาพอันชัดเจน ดังนั้นถ้าเราพลาดอะไรจากบทสนทนาของตัวละคร เช่น ฟังไม่ทัน แปลบางคำไม่ออก หรือบทสนทนายาวเกินไป เราก็จะสามารถทำความเข้าใจได้จากภาพที่แสดงออกมาได้ ซึ่งเป็นการฝึกให้เรารู้จักดูภาษามือ
เราเชื่อว่าการเดินทางไม่ได้ให้เพียงแค่ความสนุกและการพักผ่อนเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเปิดประสบการณ์การเรียนรู้และเติมพลังใหม่ ๆ ให้กับชีวิต ต้นปีแบบนี้หลายคนอาจจะกำลังวางแผนเที่ยวกันอยู่ เพราะจะได้เก็บเงินและวันลาได้ทัน หากใครที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน เราขอเสนอ 6 จุดหมายในต่างแดนที่กำลังมาแรงในปี 2018 นี้ไว้ให้เป็นไอเดีย • สหราชอาณาจักรหรือประเทศอังกฤษ: หนึ่งในประเทศผู้ทรงอิทธิพลของโลกที่อยู่ในบั๊กเก็ตลิสต์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นที่ที่อัดแน่นไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังบักกิงแฮมและดาวนิงสตรีทที่เห็นกันในเรื่อง เดอะ คราวน์ (The Crown) รวมทั้งธรรมชาติและภูมิประเทศที่หลากหลายตามแต่ละภูมิภาคของเกาะ ทั้งชายหาด ทุ่งหญ้ารวมไปถึงป่าเขาแบบในเรื่อง โลกมันห่วยช่วยไมได้ (The End of the F***ing World) นอกจากนี้ประเทศอังกฤษยังมีความทันสมัยและถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในยุโรปอีกด้วย อย่าให้ฟ้าฝนที่ไม่แน่นอน หยุดคุณไม่ให้ไปเยือนดินแดนแห่งนี้ • นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา: เหมือนกับเพลงของเจซีและเอลิเชีย คีย์ ที่ร้องว่า “เมืองที่ความฝันถูกสร้างขึ้น และไม่มีอะไรที่คุณไม่สามารถทำได้” แน่นอนว่าเพลงนี้พูดถึงมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้คนนับล้านคนต่อปีเดินทางไปเยี่ยมชมมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ ตึกสูงระฟ้า แท็กซี่สีเหลืองและเทพีเสรีภาพถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ นิวยอร์กยังเป็นเมืองที่แฟน ๆ ไปตามรอยซีรีส์ยอดฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเม้นท์ของมอนิก้าใน เฟรนส์ (Friends) หรือแฟน
…ไม่แม้กระทั่งในโลกที่ท้าทายความตายของอัลเทอร์ด คาร์บอน (Altered Carbon) โลกที่สามารถสรรหาความเป็นอมตะได้ และร่างกายมนุษย์นั้นถูกเมินค่า เสมือนเพียงรองเท้าหนึ่งคู่ที่สามารถทิ้งได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน สร้างจากนวนิยายนัวร์ไซเบอร์พังก์คลาสสิคโดย ริชชาร์ด เค มอร์แกน, Altered Carbon คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วยกลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมของ การฆาตกรรม ความรัก เซ็กส์ และการหักหลัง ซึ่งเกิดขึ้นในโลกอนาคตอีก 300 ปีข้างหน้า สังคมถูกเปลี่ยนโดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ จิตใต้สำนึกสามารถเปลี่ยนให้อยู่ในรูปดิจิทัล ร่างกายมนุษย์สามารถสลับสับเปลี่ยนได้ ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดอีกต่อไป Takeshi Kovacs นายทหารที่รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มทหารชั้นยอดเยี่ยมที่พ่ายแพ้ในเหตุการณ์จลาจลต่อต้านการจัดระเบียบโลกใหม่ จิตวิญญาณและความคิดของเขาถูกกักขังไว้ “ในน้ำแข็ง” ยาวนานนับศตวรรษจนกระทั่ง ลอเรนซ์ แบนครอฟต์ ชายที่ร่ำรวยอย่างมาก และมีอายุยืนยาว ยื่นข้อเสนอให้ชีวิตใหม่แก่โคแวกส์อีกครั้ง แต่ในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้โคแวกส์ต้องค้นหาคำตอบการฆาตกรรมของแบนครอฟต์ด้วย Altered Carbon จากผู้สร้างและอำนวยการผลิต เลตา คาโลกริดิส อัลเทอร์ด คาร์บอน นำแสดงโดย โจแอล คินนาแมน (Joel Kinnaman) เจมส์ เพียวฟอย (James Purefoy) มาร์ธา