ผ่านไปแล้วสำหรับ Apple Special Event 2018 หรืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้าประจำปีของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple Inc ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ Steve Jobs Theater แคลิฟอร์เนียโดยปีนี้ทาง CEO ของแบรนด์อย่าง Tim Cook ก็นำนวัตกรรมแห่งอนาคตมาเปิดตัวมากมายแต่แน่นอนที่ผู้ชายสายอัปเดตอย่างเราน่าจะติดตามมากที่สุดคงจะไม่พ้น iPhone XS, iPhone XS Max ที่เป็นตัวพัฒนามาจาก iPhone X และ iPhone XR ซึ่งจะมาเป็นทางเลือกให้สาวกสายประหยัดงบ โดยเราจะสรุปให้หนุ่ม ๆ ได้เข้าใจง่าย ๆ ตามเลยนี้ จะได้มีข้อมูลพร้อมก่อนตัดสินใจคว้า gadgets ที่เปิดตัวได้อย่างน่าดึงดูดใจไม่เบา ไม่ก็เตรียมใจซื้อให้สาว (อันนี้ตัวใครตัวมันนะ) iPhone XS และ iPhone XS Max รุ่นอัพเกรดของ iPhone X iPhone XS มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว และ iPhone XS MAX
ในชีวิตผู้ชายอย่างเรา ๆ นอกจากครอบครัว มิตรสหาย และคนข้างกายแล้ว สิ่งที่เป็นของคู่กายที่สุดแสนจะหวงแหนนั้นก็คือรถยนต์ ยานพาหนะคู่ใจที่พาเราไปได้ในทุกที่ ยิ่งร่วมทางกันตลอดแบบนี้ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาทุกจุด รวมถึงทำให้รถคันโปรดของเราหล่อสุด ๆ หากไก่งามเพราะขน คนหล่อเพราะแต่ง รถคันแรงของเราก็เท่ขึ้นได้เหมือนกัน นอกจากการโมดิฟายด์ให้ได้สมรรถนะที่ต้องการ การเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะสีรถก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างสีสันให้กับการขับขี่ เปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางไม่ให้ซ้ำซากจำเจ สร้างความ unique ให้กับรถคันโปรด และบ่งบอกสไตล์ของเราได้ ซึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชอบสร้างสรรค์ความเท่ในเรื่องของสีสันให้กับรถคันโปรดก็คือการแร๊ป (Wrap) อันที่จริงข้อดีของการทำ “car wrap” หรือ การติดสติกเกอร์หุ้มรถยนต์นั้นมีอยู่หลายอย่างที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างเรา ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่าง บ่งบอกสไตล์ของตัวเรา ด้วยสีสันที่การทำสีรถปกติไม่สามารถทำได้ หรือถ้าจะทำลวดลายก็แค่ปริ๊นท์อิงค์เจ็ทลงบนฟิล์ม หรือไดคัทก็ได้ เวลาในการติดตั้งก็น้อยกว่าการทำสีค่อนข้างมาก ใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็เท่ได้ตามต้องการ แถมยังช่วยห่อหุ้มปกป้องสีรถจากทั้งรังสียูวี สะเก็ดหิน และรอยขีดข่วนได้ พอถึงเวลาอยากจะเปลี่ยนฟีลก็สามารถลอกออกได้ง่ายโดยสีรถเดิมยังคงอยู่ ทำให้มีประโยชน์ทางอ้อมก็คือมีราคาขายต่อที่ดีกว่าการเปลี่ยนสีรถจริง สำหรับขั้นตอนของการ car wrap นั้น เริ่มจากการเลือกสีสันที่โดนใจ เห็นแล้วใช่เลย จากนั้นก็หาตัวแทนติดตั้งที่น่าเชื่อถือและเชื่อมือได้ มีความปลอดภัย มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย
ปาร์ตี้ในคืนวันหยุดมักจบด้วยความหนักหน่วงเสมอ ก็ทำงานมาหนักตลอดทั้งสัปดาห์ ถึงเวลาพักผ่อนก็อยากจะสนุกให้เต็มที่ แต่บางทีก็ดื่มเพลินจนเมาเกินไปทำให้เสี่ยงอันตรายทั้งจากคนรอบข้างและตอนขับรถ ถ้าเรารู้ระดับแอลกอฮอล์ว่ามีเท่าไหร่ แค่ไหนจะเมาคงจะดีไม่น้อย ดังนั้นสำหรับผู้ชายสาย PlayHard แล้วเรามีตัวช่วยเจ๋ง ๆ ที่ว่ามาแนะนำ PROOF: Alcohol Tracking Wearable Wristbands อัจฉริยะซึ่งถ้าดูจากหน้าตาภายนอกคงไม่เชื่อว่ามันสามารถตรวจระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ โดยหลักการทำงานของมันคือการใช้เทคโนโลยี Milo Sensors ที่ถูกติดไว้โดยรอบตัวสายซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจจับหาเคมีในเหงื่อ จากนั้นก็วิเคราะห์ข้อมูลหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย และส่งไปแสดงผลให้เข้าใจง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อช่วยเตือนให้เราตัดสินใจได้ว่าจะดื่มต่ออีกแค่ไหน หรือนั่งพักให้หายเมาก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน โดยขั้นตอนทั้งหมดเราจะไม่ต้องเสียเวลามานั่งกดเช็คเพราะตัว Wristbands จะทำงานแบบอัตโนมัติ โดยทำการแจ้งเตือนเป็นระยะ ๆ หากจำนวนแอลกอฮอล์ในร่างกายของคุณสูงเกินระดับที่ตั้งค่าเอาไว้ แอปพลิเคชันก็จะทำหน้าที่เป็นตัวคอยให้สัญญาณว่าควรหยุดดื่มก่อนจะเมาไร้สติ ในปัจจุบัน PROOF : Alcohol Tracking Wearable กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาโดยคาดว่าจะมีการวางขายสู่ตลาดในเร็วๆนี้ ถือว่าเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์และตอบโจทย์หนุ่มนักเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว เพราะโทษของกฎหมายเมาแล้วขับของบ้านเราในปัจจุบันถูกปรับให้เคร่งครัดขึ้นมาก โดยถ้าทำการเป่าเครื่องวัดแล้วตรวจเจอปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่าระดับ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากเดิม 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่า “เมาสุรา” ทันทีและมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ขอบอกว่าประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายด้วยนะครับ
จะไม่ให้ร้องว้าวก็คงไม่ได้ เมื่อของเล่นในวัยเด็กกับความฝันในวัยหนุ่มถูกมัดรวมกันไว้ในสิ่งเดียว ใครจะไปคิดว่าของเล่นตัวต่ออย่าง LEGO ที่เราเคยใช้จินตนาการสร้างให้ออกมาเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยยังแบเบาะ วันหนึ่งจะถูกสร้างมาในโมเดลรถ Hypercar อย่าง BUGATTI CHIRON แถมครั้งนี้ไม่ได้ทำมาตั้งโชว์ในตู้ไว้ดูต่างหน้าเฉย ๆ เพราะมันสามารถวิ่งได้จริงด้วย ทีมสร้าง 20 ชีวิต กับตัวต่อกว่า 1,000,000 ชิ้น สำหรับสร้างสรรค์ตัวรถ ตัวต่อมอเตอร์ไฟฟ้า 2,304 ชิ้นในส่วนของเครื่องยนต์ ชุดล้อ 4,032 ชิ้น และเพลาขับอีก 2,016 อัน พร้อมเวลาเบ็ดเสร็จ 13,400 ชั่วโมงที่ LEGO ใช้ไปกับการสร้างสรรค์ BUGATTI CHIRON ขนาดเท่าของจริงขึ้นมา ไม่เพียงแค่นั้น CHIRON คันนี้ต่างจากชุดตัวต่อ X WING FIGHTER ที่เคยตั้งตระหง่านอยู่กลางจัตุรัส Time Square ที่สร้างจาก LEGO 5.3 ล้านชิ้น ตรงที่มันไม่ได้แค่แข็งทื่ออยู่กับที่ แต่คราวนี้กลับเคลื่อนไหวได้จริง ๆ
ในช่วงวันฝนตกแถมรถยังติดคงเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดอยู่แล้วสำหรับผู้ชายแบบเรา แต่ถ้าดันซวยเกิดเครื่องยนต์ดับแบตหมดท่ามกลางสายฝนแล้วละก็คงเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกที่ต้องตามช่างมาช่วยจั๊มแบตในสถานการณ์แบบนั้น แต่ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องเล็กในทันทีถ้าคุณมีอุปกรณ์อย่าง NOCO : Genius Boost ติดรถเอาไว้ NOCO : Genius Boost เป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบพกพามาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเฉพาะของ NOCO ที่ป้องกันการเกิดประกายไฟระหว่างใช้งานรวมถึงป้องกันกระแสไฟย้อนกลับขั้วและที่สำคัญคือป้องกันน้ำได้ ทำให้หมดกังวลแม้สภาพอากาศจะไม่เป็นใจเพราะถึงคุณเป็นผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยกับการจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ก็สามารถใช้งานได้สบาย ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย NOCO ยังออกแบบให้ Genius Boost มีถึง 5 รุ่นซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีความเหมาะสมกับขนาดของแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ของรถรุ่นนั้น ๆ อีกด้วยโดยไล่ตั้งแต่เครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตรไปจนถึง 10 ลิตรเลยทีเดียว นอกจากนั้นทุกรุ่นยังมีฟังก์ชันการใช้งานเสริมไม่ว่าจะเป็นไฟฉายในกรณีรถเสียเวลากลางคืน หรือการทำหน้าที่เป็น Power Bank สำหรับชาร์จ Smartphones , กล้อง GoPro หรือหูฟัง Wireless ก็ไม่มีปัญหา เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานเล็กก็ได้งานใหญ่ก็ดี ครบเครื่องในหนึ่งเดียว ต้องบอกว่าหมดยุคพกสายจั๊มแบตแล้ว ต่อไปแม้เราจะพบเจอปัญหาแบตเตอรี่หมดไม่ว่าที่ไหนสถานการณ์ใด ก็สามารถเอาตัวรอดผ่านไปง่าย ๆ ด้วย NOCO : Genius Boost หมดปัญหาต้องรอขอความช่วยเหลือที่แสนยากเย็นเหมือนที่เคยผ่านมาเสียที
ผู้ชายหลายคนอยากเลี้ยงหมา แต่ชีวิตประจำวันไม่เอื้ออำนวย เช่นอยู่คอนโดคนเดียว ไม่มีคนคอยเลี้ยงดูตอนทำงาน หรือกลัวจะเสียใจตอนมันตาย ทำให้เราต้องตัดใจจากความน่ารักของเพื่อนสี่ขาสำหรับคลายเหงาอย่างที่คนอื่นเค้ามีกัน สิ่งที่เราทำได้คือเฝ้ารอให้ถึงวันที่ Robot Dog จะได้รับการพัฒนาให้เหมือนหมาจริงที่สุด ปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป และพวกเราก็จะได้เล่นกับหมาที่ไม่มีวันป่วยหรือตายจากเราไป Sony Aibo คือ Robot Dog ตัวใหม่จากค่าย Sony ที่เป็นคำตอบสำหรับผู้ชายอยากเลี้ยงหมาแบบพวกเรา ออกแบบมาเพื่อเป็นหุ่นยนต์แก้เหงาที่ผ่านการอัพเกรดมาจาก Aibo เวอร์ชั่นเก่าในปี 1999 – 2006 ซึ่งต้องบอกว่าเทคโนโลยีในยุคนั้นอาจจะไม่สามารถสร้าง Aibo ที่เฉลียวฉลาดได้มากนัก เมื่อเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้รับการพัฒนามาไกลถึงวันนี้ Sony จึงได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าให้น่ารักน่าซื้อมากขึ้น และเพิ่มความสามารถเข้าไปใหม่ราวกับเป็นสุนัขคนละตัว 2018 Sony Aibo Robot Dog โฉมใหม่จะสามารถเล่นกับเจ้าของได้มากขึ้น การเคลื่อนไหวและเสียงร้องที่เป็นธรรมชาติ มีการเพิ่ม T-ouch Sensor สำหรับสื่อสารยามที่เราสัมผัสลูบไล้ตัวมัน พร้อม Facial Recognition สำหรับจดจำโฉมหน้าเจ้าของ ซึ่งจะช่วยให้มันทักทาย แสดงท่าทางที่แตกต่างจากคนอื่น และ Camera Mapping สำหรับจดจำมุมต่าง ๆ
การถ่ายรูปจะออกมาดีหรือไม่ดี จริงอยู่ว่าขึ้นอยู่กับคนถ่ายเป็นหลัก แต่กล้องที่ดีก็มีส่วนช่วยได้มากไม่แพ้กัน นี่เป็นเหตุผลที่หลายคนยอมจ่ายเงินหลายแสนบาทให้กับกล้อง Leica และโมเดลล่าสุดในตระกูล M Camera อย่าง Leica M10 ก็ได้กระแสตอบรับดีไม่น้อย ซึ่งถ้าเทียบประสิทธิภาพของ Full-frame Sensor ในบอดี้ขนาด Compact คงยากจะหาใครมาเอาชนะได้ อย่างน้อยก็ในด้านความคมและคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน เป็นธรรมเนียมที่ Leica จะปล่อยเวอร์ชั่นอัพเกรดตามออกมาภายในระยะเวลา 1 ปี และวันนี้ก็ถึงเวลาของ Leica M10-P ราคา $7,995 แพงขึ้นจากเดิม $700 ที่แม้จะมีการพัฒนาจาก M10 ปัจจุบันไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังไม่ได้จ่ายเงินสองแสนกว่าบาทให้กับ M10 ที่เหลือก็อยู่ที่ความแตกต่างว่าสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา เป็นสิ่งที่คุณยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มหรือไม่ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน M10-P นั้น ยอมรับเลยว่ามีไม่มาก เรียกว่าคนใช้ M10 โล่งอกไปตาม ๆ กัน ภายนอกสังเกตความแตกต่างได้จากการย้าย Leica Red Dot ออกไป มีการสลักโลโก้ Leica ไว้บน
ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังแย่งพื้นที่ของการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมไป เรากลับชอบแนวคิดของ Tesla ที่ไม่ได้ต้องการผลิตรถยนต์มหัศจรรย์จนเปลี่ยนวิธีใช้งานในชีวิตประจำวันของพวกเรา สิ่งที่ Elon Musk ทำเป็นเพียงการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ซึ่ง Clay Alexander CEO ของ Ember บริษัทเจ้าของแก้วกาแฟอัจฉริยะก็ชื่นชอบเช่นกัน และใช้แนวคิดเดียวกันในการพัฒนาแก้วและมักกาแฟที่สามารถคงอุณหภูมิกาแฟได้ตลอด คนรักกาแฟย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ากาแฟที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ มักจะมีร้อนเกินไป ทำให้รสชาติไม่ดี และระหว่างที่เรานั่งรอให้กาแฟเย็นด้วยธุระจุกจิก เรากลับพบว่ากาแฟมันได้เย็นเกินไปซะแล้ว ซึ่งไม่น่ารื่นรมย์นักถึงขนาดต้องเททิ้ง และการดื่มกาแฟ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิศดารอะไรมากมายนัก นอกจากแก้วและมักที่การใช้งานเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือระบบการคุมอุณหภูมิของ Ember ที่ยากจะลอกเลียนแบบ ถามนักกาแฟว่าอุณหภูมิที่ดีที่สุดในการดื่มคือเท่าไหร่ เกือบทุกคนจะต้องตอบว่า 50°C – 62.5°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิ Default ที่ Ember Ceremic Mug ตั้งเอาไว้ให้ หรือจะเลือกปรับอุณหภูมิตามที่ต้องการในกรณีที่บางเมล็ดกาแฟต้องการร้อนกว่าหรือเย็นกว่าก็สามารถทำได้ และจะคงอยู่เท่านั้นตลอดไปจนกว่าแบตเตอรี่จะหมด เราจึงมั่นใจได้ว่าเมล็ดกาแฟราคาแพงที่หอบหิ้วมาจากต่างแดนจะไม่ถูกทิ้งอย่างเสียเปล่าอีกต่อไป ดูจากภายนอกแบบไม่สังเกตอาจจะไม่รู้ว่าแก้วกาแฟ Ember มีอะไรพิเศษต่างจากแก้วทั่วไปนอกจากดวงไฟ LED ด้านล่าง ซึ่งกว่าจะคิดค้นเทคโนโลยีและออกแบบให้ดูเหมือนแก้วกาแฟแบบนี้ได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย โดย Ember Ceremic Mug
แฟชั่นแบบผู้ชาย ๆ ใครว่าจะต้องเป็นโทนขาว ดำ เทา เท่านั้น?! หล่อ เท่ สุขุมน่ะใช่แต่ใครจะไปแอ็คขรึมได้ตลอดเวลา เพราะยังไงผู้ชายเรามันก็ต้องมีอารมณ์สนุก มันส์ กวนกันบ้าง เผลอ ๆ แล้วจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราด้วยซ้ำไป ลองสลัดแอ็คขรึมทิ้ง แล้วลองมาลุคคูลกับสไตล์ Two-Tone color ดู แบบที่ใช้คู่สีคอนทราสต์โทนร้อนโทนเย็น ให้ทั้งความหล่อ เท่ และแฝงด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมเอนเนอร์จี้ หนุ่มสายสตรีทเฉี่ยว ๆ เติมบุคลิกขี้เล่นได้ด้วยคู่สีคอนทราสต์ อาจจะลองโชว์ความจี๊ดที่ช่วงเท้า ด้วยการเลือกถุงเท้ายาวข้อสูงสีสันลวดลายเจ็บ ๆ ใส่คู่กับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์พับขาลอย และสนีกเกอร์สีสันโดน ๆ สักคู่ หรือจะเลือกไปทางโดดเด่นทั้งตัวไปเลยก็ได้ ด้วยการเลือกชิ้นหลักให้เป็นคู่สีตรงข้ามกัน เช่น เสื้อสีเข้ม กางเกงสีจี๊ด แล้วเพิ่มความมันส์เข้าไปให้สุดด้วยรองเท้าสีเจ็บ แค่นี้ก็สนุกได้ทั้งวัน ส่วนหนุ่มสายบูติกก็ยังคีพคูลได้กับสี Two-tone ด้วยหลักการเดียวกันคือ สีเสื้อและสีกางเกงต้องเลือกให้คอนทราสต์กันเข้าไว้ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมีเกิน 3 สีบนร่างกายไม่อย่างนั้นอาจจะเยอะเกินเลยความคูลไปนิดนึง ไม่ต้องเขินกับการเลือกใช้สีสัน ลองจับคู่สีตรงข้ามมามิกซ์
เราเชื่อว่าอีกไม่เกิน 10 ปี ชายที่ชื่อ Elon Musk จะต้องครองโลกอย่างแน่นอน เพราะนับวันแกเริ่มผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะรถ Tesla จรวดที่จะไปเหยียบดาวอังคารในโปรเจค SpaceX หรือเครื่องพ่นไฟ และ Gadget อื่น ๆ อีกเพียบ กระทั้งล่าสุดบริษัท The Boring Company ของตัวเขาเองได้ผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ออกมาอย่างน่าสนใจนั่นคือ เซิร์ฟบอร์ดสุดคูล เหมาะจะเป็นของสะสมหรือแม้จะใช้เล่นบอร์ดเองจริง ๆ ก็ตาม โดยเซิร์ฟบอร์ดจาก Tesla นี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 บริษัท ได้แก่ Lost Surfboard และ Matt “Mayhem Biolos เพื่อสั่นสะเทือนวงการคนเล่นเซิร์ฟ ซึ่งจะถูกใช้เแข่งขันในงาน World Surf League Championship จุดเด่นที่มาพร้อมบอร์ดนี้คือจะมีความเบาแบบพิเศษสุด ๆ เพราะผลิตมาจากคาร์บอนไฟเปอร์สีดำสวยงาม และดีไซน์เรียบง่ายดูทันสมัยเหมือนกับรูปลักษณ์ของรถ Tesla สำหรับบอร์ด Tesla โมเดลนี้ออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับรถยนต์ Tesla