หลายคนเคยบ่นว่า รถแรง กี่แรงอาชาก็เป็นได้แค่ม้าบ้าน วิ่งได้แค่ตามกฎหมายกำหนด สุดท้ายซื้อมาก็ไม่ได้อะไร นั่งอั้นกันอยู่บนถนน เราจะจ่ายเยอะกว่าไปเพื่ออะไร ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเราเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่นั่นก็ก่อนที่จะรู้จักกับถนนสายนี้ Autobahn ทางหลวงพิเศษของเยอรมนีที่ทำให้เราอยากไปเหยียบประเทศเยอรมนีมากกว่าที่เคย ความเร็วไม่ใช่ฆาตกรบนท้องถนน ก่อนจะเริ่มพูดถึงถนนเส้นนี้ เรื่องที่เราไม่อยากพลาดยกมาพูดถึงคือประเด็นเรื่องการขับขี่ด้วยความเร็วที่คนมักมองว่าคร่าชีวิตคนบนท้องถนน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการเหยียบมิดไมล์มันสัมพันธ์กับอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะใช่ แต่ถ้าจะมองกันอย่างยุติธรรมอีกนิด ความเร็วคงไม่ใช่ประเด็นเดียวของอุบัติเหตุ ข้อมูลจาก OECD’s International Transport Forum ปี 2013 คือหนึ่งในเครื่องยืนยันว่าความเร็วไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา เพราะเมื่อเผยจำนวนผู้เสียชีวิตแล้ว ประเทศเยอรมนีมีจำนวนผู้เสียชีวิตราว 3,339 คน สูงกว่าประเทศฝรั่งเศสที่จำกัดความเร็วเพียงเล็กน้อย (คนเสียชีวิต 3,268) และน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาที่ออกกฎหมายจำกัดความเร็วเกือบ 10 เท่า เนื่องจากสถิติผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯ สูงถึง 30,000 คน เมื่ออุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องของความเร็ว เราคงต้องมามองมุมกลับกันบ้างว่าโครงสร้างถนนหรือเปล่าที่มีผลกับเรื่องนี้ และทำให้เราต้องจำกัดความเร็วความมัน เพราะแท้จริงแล้วถนนไม่ใช่แค่รางโง่ ๆ ให้รถแล่น ลาดยางเสร็จก็จบไป ไม่ต้องไปเหลียวแลอีก หลุมบ่อเล็กน้อย หรือลูกระนาดก็สร้างอุบัติเหตุถึงชีวิตได้ รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนก็มีผล ฝนตกถนนลื่นก็เป็นสิ่งที่สร้างอุบัติเหตุได้บ่อยเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ไม่นับรวมคนที่อยู่หลังพวงมาลัยซึ่งควรครองสติในการขับขี่ให้ได้ เคารพกฎกติกาบนท้องถนน ฯลฯ
ผู้ชายทุกคนที่ถือสมาร์ตโฟนในมือคงรู้ดีว่าต่อให้ใช้กระจกสุดอึดหรือเคสราคาแพงแค่ไหน สุดท้ายพอหลุดมือกระแทกลงพื้น หน้าจอก็มีสิทธิร้าวอยู่ดี พวกเราทีมงาน UNLOCKMEN เองก็เจอปัญหานี้บ่อยแต่ยังแก้ไม่ตก ที่สำคัญพอมันร้าวเริ่มเยอะ ไอ้ครั้นจะทนใช้ไปก่อนก็กลัวบาดใบหน้าหล่อ ๆ ตอนแนบใช้งาน เลยต้องยอมจำนนเสียเงินเปลี่ยนเครื่องใหม่อย่างไม่รู้จบ ท่ามกลางความรู้สึกช้ำใจที่ต้องเสียสองทางทั้งเงินทั้งของ นักศึกษาหนุ่มคณะวิศวะจากแดนเบียร์ที่ชื่อ Philip Frenzel ที่เจอปัญหาไม่ต่างจากเราก็คิดค้นเคส airbag อัจฉริยะขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้ และผลงานของเขายังได้รับรางวัลชนะเลิศจาก German Society for Mechatronics ซึ่งเป็นรางวัลที่คัดเลือกโปรเจ็กต์น่าสนใจจากเด็กนักเรียนทั้งประเทศด้วย ตัวอย่างผลงานถ้ามองจากด้านข้างหลายคนคงมองภาพไม่ออกว่ามันใช้ยังไงและดีแค่ไหน เพราะหน้าตามันช่างเหมือนโต๊ะกินข้าวขนาดย่อม ๆ เหลือเกินดูยังไงก็ไม่อยากใช้ แต่ถ้ามองจากภาพมุมท็อปขณะปล่อยมือถือให้หลุดมือไปแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณต้องมองมันด้วยตาลุกวาวเหมือนเราแน่นอน เพราะว่าเจ้าเคสชิ้นนี้มันมีเซ็นเซอร์กางโลหะที่เคยแบนราบติดอยู่บริเวณมุมทั้งสี่ของสมาร์ตโฟนให้ออกมาเป็นรูปร่างโค้งทั้งด้านบนและด้านล่าง 8 ชิ้น ทำหน้าที่ดุจสปริงดีดตัวกันกระแทกก่อนจะ landing ลงพื้นทำให้ไม่ได้รับรอยขีดข่วนสักแอะ หลังกางแล้วถ้าอยากใช้สมาร์ตโฟนตามปกติอีกครั้ง วิธีใช้งานแค่พับสปริงกลับเข้าไปในซองหนังเพื่อล็อกก็เรียบร้อย อย่างไรก็ตามนวัตกรรมชิ้นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจมีผลกับการใช้งาน ทั้งเรื่องระดับความสูงที่เซ็นเซอร์ทำงาน หรือความเลวร้ายถ้าเกิดจู่ ๆ มันดันกางทั้งที่เราไม่ได้อยากให้กางตอนอยู่ในกระเป๋าคงเป็นภาพที่ดูไม่คูลเสียเลย เพิ่มดอกจันไว้ว่าเจ้า airbag ชิ้นนี้เป็น Prototype เท่านั้นยังไม่ได้ผลิตออกมาขาย แต่ผลตอบรับที่ดีเกินคาดก็ทำให้น้องเขาวิ่งไปจดสิทธิบัตรกันก๊อปเรียบร้อยแล้ว ส่วนอนาคตอันใกล้เชื่อว่าผลงานชิ้นนี้ของเขาจะไปโผล่ในรายการระดมทุนเพื่อประดิษฐ์ใน kickstarter ต่อไป ยังไงก็ต้องไปติดตามฟังข่าวดีกันอีกที