แม้เลือดข้นกว่าน้ำ แต่เงินอาจบ่อนทำลายทุกอย่าง ก่อนจะเข้าเรื่องกงสีเลือดนอกจอเราขอปูพื้นฐานกันสักนิด สำหรับใครที่เป็นลูกหลานจีนคงคุ้นเคยกับคำว่า “กงสี” กันดีอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่ค่อยอินกับเรื่องนี้เท่าไหร่อธิบายความหมายและคอนเซ็ปต์ระบบให้เข้าใจกันตรงนี้ว่าคำว่า กงสี (公司) เป็นคำในภาษาจีนที่แปลว่า กิจการหรือกองกลางของตระกูลที่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายของการมีกงสี คือความเกื้อกูลกันภายในครอบครัวและการสืบสานความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองของตระกูล แต่ความเหลื่อมล้ำที่ตกทอดทางวัฒนธรรมทั้งเรื่องเพศและลำดับอาวุโสก็กลายเป็นหนึ่งในประเด็นความขัดแย้ง อีกทั้งเมื่อเปลี่ยนรุ่นคนครอบครอง เจตนารมณ์ของคนที่กอดคอกันมาก็อาจจะสูญสลายไปตามกาลเวลา เหลือแค่การยื้อแย่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น และนี่คือ 3 ตระกูลดังเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยกับประเด็นความขัดแย้งเรื่องกงสี ที่บ้างก็ยังคงคุกรุ่นอยู่และบ้างก็จางหายไปจากหน้าสื่อแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN ขอ RECAP เรื่องเล่าเปิดซีรีส์ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่คุณอาจยังไม่เคยรู้เหล่านี้ ตระกูลชัยผาติกุล: ไผ่ทองที่กินของจริงหรือของก๊อป? ไอศกรีมละลายในปาก แต่ดราม่าไม่มีวันละลาย กับข่าวที่หลายคนสงสัยเรื่องแบรนด์เจ้าของการค้า “ไอศกรีมไผ่ทอง” ที่เข็นผ่านหน้าบ้านเราตอนสาย ๆ ว่าอันไหนจริงอันไหนเก๊ เพราะหนึ่งในนั้นขึ้นโพสต์เตือนว่าอีกฝ่ายเป็นของปลอม ทว่าเมื่อสืบค้นกันไปมากลับกลายเป็นว่าทั้ง 2 แบรนด์ดันเป็นพี่น้องกันเสียได้ แต่โลโก้และการสะกดที่แตกต่างกันตามภาพ มูลค่าธุรกิจ : 111 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ย. 61) ความขัดแย้ง : สงครามแย่งแบรนด์สินค้าจากรุ่นแรก คือ