โลกใบนี้มีความกังวลสารพัดรูปแบบ บางความรู้สึกสามารถคลี่คลายได้ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ แต่บางความรู้สึกพัฒนาจนเป็นภาวะเรื้อรังที่อาจส่งผลกระทบกับชีวิต หรือนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ตามมาได้ ในขณะที่โลกมีคนหลงตัวเอง มีคนที่คิดว่าทำดีเท่าไรก็ยังไม่พอ บนโลกใบนี้ก็มีคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว หรือให้ทำอะไรก็ทำได้ไปหมด ดูไม่ติดขัดอะไร แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขากลับรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เก่งจริง ๆ แค่ฟลุคทำได้เฉย ๆ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความสำเร็จหรือคำชื่นชมที่ได้รับมาเลย ภาวะแบบนี้มีชื่อเรียกว่า Imposter Syndrome แม้จะไม่ได้ถูกจัดเป็นอาการป่วย แต่การลดทอนคุณค่าและความสามารถของตัวเองก็บั่นทอนสุขภาพจิตจนทำให้เสียการเสียงานหรือป่วยได้เช่นกัน ดังนั้นอย่ามัวปล่อยให้ความรู้สึกนี้ครอบงำ มาเอาชนะมันไปด้วยกัน “จดบันทึกความสำเร็จ” เพราะทุกชัยชนะ ควรค่าแก่การจดจำ ในสังคมที่สอนให้เราเอาแต่ถ่อมตัว บางครั้งเราก็ถ่อมตัวตามมารยาท แต่หลายครั้งก็เป็นปฏิกิริยาตอบกลับเหมือนถูกฝังอยู่ในสมอง เวลาใครชมว่าเก่งแล้วต้อง “ไม่หรอกครับ” “ผมไม่เก่งเลย” อยู่ตลอด จนหลายครั้งตัวเราเองก็อาจเชื่อไปด้วยจริง ๆ ว่าเราไม่เก่ง เราอาจแค่โชคดี อาจมีคนช่วย วิธีการหนึ่งที่จะทำให้เรายอมรับความสำเร็จของตัวเรามากขึ้น คือการจดบันทึกความสำเร็จลงไป โดยความสำเร็จที่ว่าไมจำเป็นต้องรอให้เป็นความสำเร็จใหญ่ ๆ หรือแค่เรื่องหน้าที่การงานเท่านั้น ทุกความสำเร็จล้วนมีความหมาย การจดบันทึกทำให้เราเห็นความสามารถและชัยชนะของเราแต่ละวัน ฝึกให้เราเคารพศักยภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มากไปกว่านั้นถ้าสามารถจดเป็นสถิติเป็นตัวเลขได้ ก็จะยิ่งทำให้เราไม่รู้สึกว่าเราชมตัวเองลอย ๆ แต่เราทำงานนั้น ๆ แบบมีมาตรฐานจริง
บ่อยครั้งที่ความไม่มั่นใจในตัวเองเวลาที่ได้รับมอบหมายงานอาจทำให้เราเครียดและท้อ แต่สำหรับบางคนอาจเครียดหนักกว่าหลายเท่า และคิดอยู่เสมอว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากเพียงพอที่จะทำงานใหญ่ (หรือแม้กระทั่งงานทั่วไปด้วยซ้ำ) ความรู้สึกเหล่านี้บางทีไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งจริง ๆ แต่เราอาจกำลังอยู่ในภาวะรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ก็เป็นได้ Imposter Syndrome หรือ Impostor Phenomenon ถูกเรียกด้วยชื่อภาษาไทยหลายชื่อเช่น ภาวะรู้สึกแย่กับตัวเอง อาการที่คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ เป็นคำที่ปรากฏขึ้นเมื่อปี 1978 โดยนักจิตวิทยาสองคนชื่อ Pauline Clance และ Suzanne Imes ในบทความ “The Imposter Phenomenon in High Achieving Intervention” ที่บันทึกผลวิจัยจากการสัมภาษณ์หญิงสาวที่ประสบความสำเร็จจำนวน 150 คน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ทั้งทางด้านวิชาการและวิชาชีพที่มีคะแนนสอบสูงที่สุดแต่ละสาขา จากการนั่งพูดคุยกันระหว่างนักจิตวิทยากับหญิงสาวกลุ่มตัวอย่างพบว่า พวกเธอส่วนใหญ่คิดว่าความสำเร็จของเธอไม่ได้มาจากความสามารถของตัวเองจริง ๆ แต่เป็นปัจจัยอื่นต่างหากที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เช่น โชค หรือจังหวะเวลาที่เหมาะสม ภาวะรู้สึกแย่กับตัวเองหรืออาการไม่มั่นใจในตัวเองทางการแพทย์ยังไม่เรียกอาการนี้ว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่เป็นภาวะทางจิตชนิดหนึ่ง โดยคนที่อยู่ในภาวะดังกล่าวจะคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำสิ่งต่าง ๆ บางครั้งก็วิตกกังวลว่าคนจะรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง ซึ่งทั้งหมดแพทย์ต่างลงความเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นการคิดไปเองมากกว่าการยืนยันว่าบุคคลเหล่านี้ไร้ความสามารถ สำรวจตัวเองว่าเรากำลังเป็น Imposter Syndrome หรือไม่ คนส่วนใหญ่ที่เป็น