แม้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คุ้นชินกับการออกแบบเชิงตอบโต้ หรือ Interactive Design มากเท่าไรนัก แต่งานประเภทที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับประสิทธิภาพทางเทคโนโลยี เพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ตื่นเต้นตระการตาให้กับผู้ชมเช่นนี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แถมงานสไตล์นี้ยังแทรกตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลกด้วยซ้ำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังชื่อเสียงด้านงาน Interactive Design ของคนไทยก็เริ่มกลายเป็นที่โจษขานมากยิ่งขึ้น งานดีไซน์ที่ว่านี้ไม่ได้มีดีแค่ขับเน้นความงามให้กระทบต่อสายตาผู้ชม หากมอบความบันเทิง ขับเคลื่อนบริบทแวดล้อม และช่วยสร้างแรงบันดาลให้กับคนในเวลาเดียวกัน แล้ว “อะตอม-ติณห์นวัช จันทร์คล้อย” Creative Director ของบริษัท Eyedropper Fill คือหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบเชิงตอบโต้สุดสร้างสรรค์ที่เราหมายถึง งานออกแบบประสบการณ์ของอะตอม Eyedropper Fill “ถ้าจะให้อธิบายถึงสิ่งที่เราทำคร่าว ๆ น่าจะอยู่ในสามประโยคคือ เราสร้างพื้นที่ เราชวนคนมาเจอกัน และเราสร้างประสบการณ์ที่น่าจดให้กับพวกเขา Eyedropper Fill เริ่มต้นจากงานที่เป็นภาพเคลื่อนไหวซะส่วนใหญ่ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนจากภาพเคลื่อนไหวไปสู่งานบนพื้นที่จริง” ปัจจุบัน Eyedropper Fill เป็นสตูดิโอผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว ศิลปะติดตั้ง และการออกแบบเชิงตอบโต้ พวกเขานิยามตัวเองว่าเป็น ‘สตูดิโอนักออกแบบประสบการณ์’ ขยันครีเอตผลงานดีไซน์เจ๋ง ๆ ที่สอดรับกับความต้องการพวกเขา คล้องกับความต้องการของลูกค้า ตลอดจนขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่มาชมงาน “การเล่นสนุกคือน้ำเสียงในแบบคนไทยที่เราใช้สื่อสาร”
หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของสวีเดนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อปี 2015 รัฐบาลสวีเดนเปิดประเทศต้อนรับประชาชนกว่า 160,000 คน ให้เดินทางมายังประเทศตน โดยผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาจากหลากหลายประเทศด้วยกัน และต่างมองหาสถานที่พักพิงทั้งร่างกายตลอดจนจิตใจ ในบรรดาหลากชนชาติที่เข้ามาอยู่ในสวีเดน มีชาวอัฟกานิสถานมากถึง 24,000 คน ที่ถูกเนรเทศออกมาจากประเทศบ้านเกิดของตน แต่ตอนนี้รัฐบาลสวีเดนกลับเปลี่ยนแผนและเลือกจะส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ ทำให้มีผู้ลี้ภัยบางส่วนที่สามารถอาศัยอยู่ในสวีเดนเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยม แต่ที่เหลือจำเป็นต้องส่งกลับตามกฎหมายและข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่รัฐบาลสวีเดนและอัฟกานิสถานทำร่วมกัน Skaparkollektivet Forma กลุ่มศิลปินชาวสวีเดนที่เชื่อว่าศิลปะและความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญต่อสังคม จึงตอบสนองความอยุติธรรมนี้ด้วยการสร้างผลงานศิลปะจัดวาง หรือ Installation Art จำนวน 17,000 ชิ้น เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนจัดการกับปัญหาผู้ลี้ภัยด้วยวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ โปรเจกต์ศิลปะ ‘17,000’ สะท้อนถึงตัวเลขตัวผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานที่คาดว่าจะถูกเนรเทศออกจากสวีเดน และต้องกลับไปใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดของตน ผลงานประติมากรรมชิ้นนี้จัดวางเป็น 34 เฟรม แต่ละเฟรมประกอบไปด้วยงานแกะสลักทำมือจำนวน 500 ชิ้น นอกจากผลงานศิลปะ 17,000 ชิ้นจะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ยังแฝงอุดมการณ์อันแรงกล้าของศิลปินกว่า 1,500 คนที่ถ่ายทอดลงไปในผลงานชิ้นนั้น ๆ แม้ 17,000 จะเป็นงานฝีมือที่มีสีสันแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ดูจากภาพรวมแล้วไม่มีชิ้นใดที่โดดเด่นมากหรือน้อยไปกว่ากันเลย ‘17,000 by Skaparkollektivet Forma’ นำศิลปะมาเป็นเครื่องมือทรงพลังที่กระตุ้นความคิด และบอกเล่าเรื่องราวที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้ลี้ภัย