ความอาลัยที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศมีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังคงไม่จางหายไป เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนตลอดมา และที่พสกนิกรชาวไทยอยู่ดีกินดีได้ถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะพระองค์ท่าน จึงไม่แปลกที่ตลอดเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคมจะมีนิทรรศการที่ทำให้เราน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชออกมาไม่ขาดสาย และ โครงการสร้างสรรค์ ๘๙/๗๐/๔๔๔๗+=๙→๑๐ การจัดแสดงผลงาน ธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมศิลป์ และ ๒๓ วิธีทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการดี ๆ ที่ชาว UNLOCKMEN ไม่ควรพลาด ด้วยชื่อที่ฟังครั้งแล้วอาจชวนให้ย้อนกลับไปอ่านใหม่ หรือขอฟังอีกที ยิ่งทำให้โครงการสร้างสรรค์ ๘๙/๗๐/๔๔๔๗+=๙→๑๐ ดูน่าสนใจขึ้นหลายเท่า โดยโครงการนี้เป็นการจัดแสดงผลงาน ธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมศิลป์ และ ๒๓ วิธีทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เพื่อเป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติในการถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายในงานชาว UNLOCKMEN จะตื่นตาตื่นใจไปกับการรวบรวมเอาผลงานของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทองศิลปินแห่งชาติ จำนวน ๑๑๒ ชิ้น ซึ่งสรุปสาระพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ออกมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางทัศนศิลป์ด้วยความศรัทธาอันหาที่สุดมิได้ โดยมี แนวคิด รูปแบบ เทคนิค และวิธีการ ที่หลากหลายจนไม่อาจวางสายตาลงได้ สำหรับการแสดงจะแบ่งการแสดงงานออกเป็น ๔
ตลอดระยะเวลา 1 ปีแห่งการสูญเสีย ที่เราทุกคนล้วนแต่ต้องพยายามลุกเดินและก้าวต่อไป คงไม่ใช่แค่เพียงผมคนเดียวที่รำลึกถึงพระองค์ท่าน เพราะยิ่งเข็มเวลาเดินผ่านมาไกลเท่าไหร่ พวกเราทุกคนล้วนได้รับการตอกย้ำชัดเจนมากขึ้น กับทุก ๆ สิ่งที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนเสมอมา ตลอดเวลา 70 ปีที่พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ไม่เพียงแต่เป็นพ่อของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังได้ให้ชีวิตและคิดการณ์ไกลในความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน ทรงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นก็เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น สุขสบายมากขึ้น แม้ว่าในแต่ละพื้นที่ที่พระองค์เสด็จไปล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ทุรกันดารก็ตาม แม้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อก่อน ก็คงไม่ได้อำนวยสะดวกและง่ายต่อการใช้งานแบบทุกวันนี้ แต่พระองค์ก็ทรงมีอุปกรณ์ทรงงานส่วนพระองค์ติดตัวอยู่เสมอ UNLOCKMEN จึงขอพูดถึง 5 อุปกรณ์ทรงงานส่วนพระองค์ที่เมื่อเราเห็น จะได้ย้ำเตือนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชนเสมอมา วิทยุสื่อสาร อีกหนึ่งความคุ้นตา ที่เรามักจะเห็นพระองค์ท่านพกพาเครื่องวิทยุสื่อสารติดตัวไปในพื้นที่ทุรกันดารอยู่เสมอ พระองค์ไม่เพียงแต่พกพาและใช้สื่อสารขณะทอดพระเนตรประชากรเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยะภาพทางด้านการสื่อสารอีกด้วย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีควอไซท์ส่วนพระองค์คือ VR 009 ที่ทรงช่วยพระราชทานคำแนะนำ เกี่ยวกับเครือข่ายวิทยุสื่อสารให้อยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งเหตุการณ์ช่วยเหลือศูนย์สายลมให้เข้าถึงเหตุวาตภัยที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 2539 พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อเข้ามา เพื่อแนะนำวิธีที่ถูกต้องให้อาสาสมัครในการออกไปช่วยเหลือประชาชน แผนที่ ทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จฯ เยี่ยมราษฏร สิ่งที่เรามักเห็นอยู่ในพระหัตถ์ของท่านอยู่เสมอคงเป็น “แผนที่” ที่พระองค์ใช้ทรงงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนใดในประเทศไทย โดยแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า “แผนที่มาตราส่วน 1
ผู้ชายอย่างเราในฐานะที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยคงไม่มีใครที่ไม่ได้เติบโตมาพร้อมกับแนวทางพระราชดำริเรื่องความพอเพียง แต่ความพอเพียงไม่ได้เป็นเพียงพระราชดำริที่น้อมนำมาใช้กับชีวิตเพียงด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังน้อมนำมาใช้ได้กับทุกด้านในชีวิต กับนิทรรศการ ‘พระราชาในดวงใจ’ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะ ‘ห้องหมายเลข ๙’ห้องที่ไม่ควรพลาดมาชม เพราะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดผ่านพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและวัตถุล้ำค่าที่หาชมได้ยากยิ่ง แต่มูลค่าของสิ่งของหายากเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าคุณค่าที่ทำให้รำลึกถึงพระเมตตาแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN ได้รับเกียรติจากคุณศักดิ์ชัย กาย ศิลปินและบรรณาธิการบริหาร ผู้ก่อตั้งนิตยสาร Lips ซึ่งเป็นผู้รวบรวมของมากมูลค่า แต่ทรงคุณค่ายิ่งกว่านี้ไว้ด้วยกัน ห้องหมายเลข ๙ กับคอนเซ็ปต์ Gallery & Library เรื่องราวที่บอกเล่าผ่านทางสายตาแต่ส่งตรงไปถึงความรู้สึก โดยคุณศักดิ์ชัยได้ให้คำอธิบายของคอนเซ็ปต์นี้ว่า “การเล่าเรื่องก็จะนึกถึงหนังสือ และภาพก็นึกถึงกล้อง ผมจึงอยากจำลองให้ห้องแห่งนี้เป็นทั้ง Gallery และ Library ผ่านคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย พอคนเห็นก็เข้าใจได้เลย ไม่ต้องตีความ เพราะเชื่อว่าทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนกัน” ทุกสิ่งละอันพันละน้อยแต่มากด้วยคุณค่ามหาศาลที่เราเห็นในห้องหมายเลข ๙ นี้จึงล้วนมีความหมายที่ศิลปินอยากจะถ่ายทอดและสื่อสารกับผู้ที่เข้ามาชมทุกท่าน ซึ่งคุณศักดิ์ชัยก็ได้เล่าให้ฟังต่อว่าคอนเซ็ปต์และรูปแบบของห้องที่ได้จัดทำเป็นรูปวงรีรูปทรงของดวงตา และตู้จัดแสดงตรงกลางดวงตาคือหมายเลขเก้าไทย เพื่อสื่อถึง สายพระเนตรแห่งความเมตตา นั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าใครที่ย่างกรายเข้ามาในนิทรรศการนี้ก็ย่อมสัมผัสได้ถึงสายพระเนตรแห่งพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 9 “ห้องวงรีที่ล้อมรอบไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ ทำให้ในทุก ๆ ฝีก้าวที่คุณเดินอยู่ในห้องนี้ คุณก็จะสัมผัสได้ว่าท่านทรงทอดพระเนตรเราอยู่ พระองค์ท่านไม่ได้จากไปไหนเลย
ในวันที่พ่อหลวงของเราเสด็จสวรรคตไปแล้ว แม้ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราจะยังคงอยู่ในบรรยากาศแห่งความเศร้าโศก แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะการก้าวต่อไปตามรอยแนวทางพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท นับเป็นอีกหนทางการพาชีวิตก้าวไปอย่างมีจุดมุ่งหมายสำหรับผู้ชายอย่างเราทุกคน UNLOCKMEN จึงขอน้อมนำพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่อไป “การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัวช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 31 ธันวาคม 2502 “การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ ๆ ” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนจิตรลดา 27 มีนาคม 2523 “ถ้าทำงานด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่ คือความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ ด้วยความสุจริตและด้วยความรู้ความสามารถด้วยจริงใจ ไม่นึกถึงเงินทองหรือนึกถึงผลประโยชน์ใดๆ ก็เป็นการทำหน้าที่โดยตรงและได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ 13 ธันวาคม 2511 “ความรู้ในวิชาการ เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ และทำให้เป็นคนที่มีเกียรติ เป็นคนที่สามารถ เป็นคนที่มีความพอใจได้ในตัวว่า ทำประโยชน์แก่ตนเองและแก่ส่วนรวม นอกจากวิชาความรู้ ก็จะต้องฝึกฝนในสิ่งที่ตัวต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับสังคม สอดคล้องกับสมัยและสอดคล้องกับศีลธรรมที่ดีงาม