ในปี 2018 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกปีที่เกิดเรื่องราวความเคลื่อนไหวขึ้นมากมายในทั้งในแวดวงไอทีและวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจอย่างการสูญเสีย ‘Stephen Hawking’ นักคิด นักปรัชญาคนสำคัญแห่งศตวรรษ เรื่องสั่นสะเทือนความมั่นคงชาวโลกอย่างเรื่องข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้หลายสิบล้านคน Facebook รั่วไหลจน Mark Zuckerberg ต้องรีบออกมาแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรส หรือแม้กระทั่งเรื่องน่ายินดีอย่างเรื่องยาน InSight สามารถลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้ สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่เป็นสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นด้วยไอเดียแปลกใหม่ผสมผสานเข้ากับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จนเกิดเป็น ‘Gadgets’ เจ๋ง ๆ มากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้แล้ว Anki Vector Robot Sidekick นี่คือหุ่นยนต์เพื่อนคู่ใจขนาดจิ๋วที่เปิดตัวออกมาในปีนี้ ที่ความเจ๋งของมันเปรียบเสมือนหลักไมล์สำคัญอีกหนึ่งจุดที่บ่งบอกว่าการที่มนุษย์จะเป็นเพื่อนกับ AI นั้นไม่ใช่เรื่องในอนาคตอันไกลอีกต่อไป Anki Vector Robot Sidekick มาพร้อมกับบุคลิกสนุกสนานขี้เล่น ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินในการพูดคุยโต้ตอบกับมันได้ทั้งวัน นอกจากนั้นมันยังฉลาดพอที่จะเล่นเกมกับคุณได้อีกด้วย และความเจ๋งอีกอย่างของมันก็คือกล้องบริเวณดวงตา ที่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเนวิเกเตอร์บอกทางมันให้มุ่งหน้าไปยังแท่นชาร์จด้วยตัวเองเมื่อแบตเตอรี่เริ่มอ่อน เจ้าหุ่นยนต์จิ๋วเพื่อนรักตัวนี้สนนราคาอยู่ที่ 174 เหรียญหรือประมาณ 6,000 บาท เท่านั้น หนุ่มขี้เหงาคนไหนสนใจสามารถสั่งซื้อได้ ที่นี่ The Cup Cooler The Cup Cooler คือชื่อของเจ้าอุปกรณ์วิเศษนี้ มันไม่ได้ออกมากจากกระเป๋าหน้าท้องโดราเอมอน แต่ออกแบบและสร้างโดย Howar Geng of allocacoc ซึ่งจุดเริ่มต้นของไอเดียเกิดจากการที่เขาอยากดื่มอะไรเย็น ๆ
ถ้าเราลองเปิดบันทึกประวัติศาสตร์โศกนาฏกรรมดู จะพบว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่ต้นเหตุของเรื่องน่าเศร้านั้นเกิดแค่จากการขาดสติของมนุษย์ ‘เหยียบกันตาย’ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว และคงไม่มีใครคาดคิดว่าสักวันหนึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดกับตัวเอง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจริง ๆ จึงไม่มีใครทราบว่าควรปฏิบัติตัวยังไง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงมักกลายเป็นเรื่องเศร้า แต่ถ้าเราลองทบทวนดี ๆ แล้วจะพบว่าในชีวิตประจำวันนั้นเต็มไปด้วยสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเหยียบกันได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวผับบาร์, คอนเสิร์ต, งานสินค้าลดราคา และอีกมากมาย วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดเบื้องต้นไม่ให้ลงไปจมกองตีนกองเท้าของฝูงชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ถึงจะไม่ 100% แต่รับรองว่าอย่างน้อยคุณก็มีโอกาสรอดมากขึ้นแน่นอน มองหาทางหนีทีไล่ ก่อนอื่นเมื่อคุณเข้าไปอยู่ในสถานที่ซึ่งแออัดด้วยผู้คนสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือการมองหาทางเข้าออกว่าอยู่ตรงไหนบ้าง มีทั้งหมดกี่ทาง ทางไหนอยู่ใกล้กับคุณที่สุด ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นควรออกทางไหน จดจำมันให้ขึ้นใจ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่างคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก เพราะถ้ามันเกิดขึ้นมาทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว ดังนั้นรอบคอบไว้ก่อนดีกว่าประมาทแล้วมาเสียใจทีหลัง หาที่กำบัง ถ้าเหตุโกลาหลนั้นเกิดจากความแตกตื่นเพียงอย่างเดียว (ไม่ใช่ไฟไหม้, ตึกถล่ม, หรือภัยพิบัติอื่น ๆ ) เราก็ไม่จำเป็นต้องรีบหนีออกจากอาคารแต่อย่างใด เพียงแต่เราจำเป็นต้องหลบคลื่นฝูงชนที่หลั่งไหลเท่านั้นเอง ดังนั้นลองมองไปรอบ ๆ ตัว หาอะไรที่พอจะใช้กำบังตัวเองได้ อาจจะเป็นตู้เก็บของ เคาน์เตอร์ หรืออะไรที่น่าจะรองรับน้ำหนักตัวคุณไหว จากนั้นก็เข้าไปซ่อนตัวในนั้นหรือปีนขึ้นไปด้านบนรอให้ความแออัดเบาบางลง เพียงเท่านี้คุณก็ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแล้ว จงเคลื่อนไหวอย่าหยุดยั้ง ถ้าคุณไม่สามารถหาที่กำบังได้ ทางเลือกที่เหลือคือการเคลื่อนไหวตามฝูงชน พยายามไหลไปตามแรงผลักเพื่อเป็นการถนอมแรงเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น แต่ที่สำคัญคือห้ามคุณหยุดเคลื่อนไหวเด็ดขาด พยายามแทรกตัวตามช่องว่างเพื่อเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะการที่คุณเบรกแล้วหยุดอยู่กับที่นั้นมีความเสี่ยงสูงที่คุณจะโดนแรงผลักจากด้านหลังดันคุณจนล้มไปจมกองสหบาทาได้ กางศอกสร้างอาณาเขต
สูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้ว กับวลีที่ว่า “อีกแก้วเดียวกลับ” สุดท้ายแทบหลับคาโต๊ะ แก้วเดียวอะใช่ แต่เติมหลายครั้งเหลือเกิน คืนก่อน หนึ่งในทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนาน ก็เลยดื่มกันจนสะใจ สุดท้ายก็เมาหนักสิครับ (แต่ไม่ได้ขับรถไปนะ เมาไม่ขับแน่นอน) กลับถึงบ้าน ตั้งนาฬิกาปลุก ล้มตัวนอนบนเตียง โลกนี่หมุนคว้างเลย นอนไม่หลับอีก สักพักภาพก็ตัดไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงตั้งปลุกโคตรรำคาญ แถมรู้สึกว่าสังขารไม่ให้ เพราะว่าโคตรแฮ้ง นอนเปื่อยโทษตัวเองอยู่พักนึง เมื่อคืนนี้ไม่น่าหนักเลย แต่ในเมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราที่ทุ่มสุดทุกทาง ทั้งเรื่องงาน สังคม คนรอบข้าง และการใช้ชีวิต จะให้มาลดละเลิกกิจกรรมที่สร้างความสุขลงไปก็คงจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ในเมื่อความเมามันบังเกิด เราก็ต้องหาวิธีทำให้มันสร่าง จะได้พร้อมสู้งานในวันนี้ แน่นอนว่าไม่มียาวิเศษตัวไหนที่จะแก้แฮ้งได้อย่างทันตาเห็น แต่สิ่งที่ช่วยได้คือวิธีการแก้เมาค้างง่าย ๆ เหล่านี้ ที่พวกเราบางคนอาจจะมองข้ามมันไป ดื่มน้ำให้มากที่สุด จัดหนักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาทั้งคืน พอจะนอนก็ทิ้งตัวไปเลย ไม่มีอะไรลงไปเจือจาง รับรองว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแฮ้งหมดเรี่ยวแรง วิธีนี้ง่ายมาก แต่มักไม่ค่อยทำกัน ไม่ว่าจะดื่มหนัก หรือดื่มเบา ก็ควรจะดื่มน้ำเยอะ ๆ หลังจากจบงานจนถึงก่อนนอน เพราะว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราเกิดภาวะขาดน้ำ สังเกตดู เวลาเราเมา
ไม่มีใคร “ลุก” ก่อน “ล้ม” หรอกครับ ต่อให้จุดศูนย์ถ่วงของผู้ชายอย่างเราดีแค่ไหนมันก็ต้องมีพลาดสะดุดล้ม ไม่ก็ลื่นพรวดพราดลงไปกองกับพื้นกันบ้าง ยิ่งช่วงพายุฝนเข้าทำเอาพื้นเปียกแฉะแบบนี้ โอกาสวืดลงไปน็อกเอาต์แบบไม่รู้ตัวยิ่งมีสูง ทีมงาน UNLOCKMEN เห็นว่าสิ่งที่ยกตัวอย่างมานั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะผลการสำรวจพบว่าการพลัดตกและหกล้ม รวมถึงเดินเตะและสะดุดสิ่งของถือเป็นอุบัติเหตุยอดฮิตของหนุ่มออฟฟิศทั่วโลก โดยในประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา มีรายงานว่ามีคนบาดเจ็บจากการหกล้มโดยเฉลี่ย 25,000 คนต่อวันเลยทีเดียว ส่วนสถิติจาก The Agency for Healthcare Research and Quality ระบุว่า ปี ๆ หนึ่งมีคนราว 7.9 ล้านคนที่เข้าห้องฉุกเฉินมาเพราะสาเหตุเดียวกัน เราไม่อยากให้คุณผู้อ่านทุกคนต้องบาดเจ็บหนักจากการลื่นล้มแบบใครเขา เราอยากให้ผู้ชายทุกคนเป็นคนเมืองที่แกร่งพอจะอยู่รอดกับความท้าทายชาย urban จึงขอนำวิธีการล้มที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบามาฝากกัน เผื่อวันหนึ่งลุ้มลุกคลุกคลานขึ้นมาจะได้ยืนขึ้นแล้วเดินต่อด้วยความมั่นใจไม่มีใครแซว โดยก่อนที่จะแนะนำกันอยากให้ทุกท่านจไว้ให้ขึ้นใจว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “สติ” ที่จะทำให้สัญชาติญาณอยู่รอดของเราได้ผลมากยิ่งขึ้น ป้องกันศีรษะให้ดี ศีรษะคือส่วนที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องปกป้องเวลาล้มลง ถ้าศีรษะกระแทกพื้นเมื่อไหร่ก็อาจจะทำให้บาดเจ็บร้ายแรงและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นอย่างแรกที่เราต้องทำให้ได้ก็คือการจัดระเบียบหัวของเรา ก้มหน้า เก็บคาง ถ้ารู้ว่าการล้มครั้งนี้หน้าค้องถึงพื้นก่อนแน่ ๆ ให้หันหน้าด้านข้างลงพื้น ยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดบริเวณศีรษะให้ทัน ถ้าล้มไปข้างหน้าก็ยกมือขึ้นกันด้านหน้า ถ้าล้มไปด้านหลังก็เอามือไขว้กันด้านหลัง สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง, โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ