Nike และ Paul George นักบาสเกตบอลซูเปอร์สตาร์จากทีม Oklahoma City Thunder ร่วมกันสร้างสรรค์สนีกเกอร์สุดเท่ที่มีชื่อเรียกว่า Nike PG ครั้งนี้เพิ่มความพิเศษขึ้นไปอีกขั้นด้วยการ collaboration กับองค์การ NASA เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จจากการส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว แบรนด์เครื่องกีฬากับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ NASA ไม่ได้เพิ่งร่วมงานกันเป็นครั้งแรก เพราะผลงานปีก่อนของ Paul George ก็ได้ใช้เรื่องราวจากอวกาศมาสร้างสรรค์เป็นสนีกเกอร์สีส้มสะดุดตารุ่น Nike PG3 “NASA” ถึงจะเคยนำคอนเซปต์ของ NASA มาเล่าไปแล้ว แต่ครั้งนี้ Nike เลือกเรื่องราวความสำเร็จของ Apollo Missions ที่สั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์และสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ให้กับโลก โดยเฉพาะโครงการ Apollo 11 ที่สามารถส่งนักบินอวกาศขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จในปี 1969 โดยมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เหยียบพื้นผิวของดวงจันทร์เป็นคนแรกคือ Neil Alden Armstrong โดยรองเท้า Nike PG3 “Apllo Missions” จะร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของการเหยียบดวงจันทร์ครั้งนี้ สนีกเกอร์
เชื่อเหลือเกินว่านาทีนี้หนุ่ม ๆ สาวกของโคตรแบรนด์สตรีตอย่าง Supreme และค่ายกีฬายักษ์อย่าง NIKE คงไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่เฝ้ารอเป็นเจ้าของมากไปกว่า Supreme x Nike Air Tailwind IV ที่มีรูปหลุดออกมาก่อนหน้านี้ จนในที่สุดมันก็ถูกประกาศวันวางขายอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ภาพสมบูรณ์ของ Supreme x Nike Air Tailwind IV เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นล่าสุดเกิดจากการ Collaboration ระหว่างของเจ้าพ่อสตรีตจากนิวยอร์กและ Nike ที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจนกลายเป็นของหายากทันทีที่เปิดตัวใน SS19 ของ Supreme หลังจากทั้งคู่ร่วมงานกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่จับรองเท้ารองเท้าโมเดล Dunk Low Pro SB มาทำด้วยกันครั้งแรกในปี 2002 Supreme x Nike Air Tailwind IV เกิดจากการเลือกหยิบ Air Max ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 อย่าง Nike Air Tailwind VI มาปรับแต่งและเติมดีไซน์ความไฮป์ลงไป จนออกมาเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมา 2 โทนสีด้วยกัน สีแรกคือ White/University Red-Gayser
นาฬิกาอัจฉริยะอย่าง Apple Watch ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย รวมถึงตอนนี้ก็เข้าใกล้ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการเข้ามาทุกทีแล้ว Apple จึงปล่อยสายนาฬิกาคอลเลกชันล่าสุดที่ collaboration กับแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง Hermes และ Nike เพื่อต้อนรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังมาถึง Apple Watch x Nike+ คือการ collaboration ระหว่างแบรนด์เทคโนโลยีกับแบรนด์เครื่องกีฬาชั้นนำออกมาเป็นนาฬิกาอัจฉริยะและสายนาฬิการุ่นพิเศษสองรุ่นอย่าง Sport Band และ Sport Loop Apple Watch Series 4 Nike+ แตกต่างจาก Apple Watch Series 4 ธรรมดาหลายอย่าง ทั้งเอกลักษณ์ของแบรนด์กีฬาชื่อดัง Nike บน smartwatch พร้อมระบบ Nike Run Club และ Nike Training Club ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้สายสปอร์ต Sport Band สายนาฬิกาทำจาก Fluoroelastomer ยางคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน ตัวสายมีรูขนาดใหญ่ออกแบบมาเพื่อระบายอากาศสำหรับผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะ พร้อมกับสีใหม่ 3 สี
ถ้าถามว่าใครคือนักธุรกิจหนุ่มที่มาแรงที่สุดของยุคนี้ หลายคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า Elon Musk ผู้เป็นทั้งอัจฉริยะและนักธุรกิจหนุ่มที่มีฉายา “ไอรอนแมนในโลกความจริง” ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Musk ถูกจับตามองโดยสื่อต่าง ๆ รวมถึงสำนักข่าวแฟชั่นด้วยเช่นกัน เพราะหลายคนต่างอยากรู้ว่าอัจฉริยะอย่างเขาชื่นชอบหรือสวมใส่ไอเทมแฟชั่นของแบรนด์อะไรออกงานบ้าง สนีกเกอร์ที่ Musk ชื่นชอบและใส่ออกงานเป็นประจำคือ Nike Lunar Flyknit HTM NRG รองเท้าผ้าใบรุ่นพิเศษออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง 3 คน ได้แก่ Hiroshi Fujiwara เจ้าของฉายาเจ้าพ่อแห่งวงการสตรีตแวร์ ร่วมกับ Tinker Hatfield ผู้ออกแบบรองเท้าหลายรุ่นในตระกูล Nike Air Jordan และ Mark Parker ประธานผู้บริหารบริษัท Nike จากการออกแบบที่รวบรวมความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซเนอร์มากฝีมือจนออกมาเป็นรองเท้าหนึ่งคู่ ทำให้ Nike Lunar Flyknit HTM NRG ที่ Elon Musk ใส่ราคาพุ่งสูงและกลายเป็นรองเท้ารุ่นหายากไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม รองเท้าผ้าใบของ Musk ที่ถูกพูดถึงในตอนนี้กลับไม่ใช่รองเท้าคู่ดังกล่าวแต่อย่างใด รองเท้าของ Musk
อาจสร้างความผิดหวังให้กับหนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนของค่าย Swoosh ได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะสาวกชาว Air Max เมื่อทางสปอร์ตแบรนด์ยักษ์ใหญ่ออกมาประกาศกร้าวว่า Air Max Day ของพวกเขาในปีนี้ จะไม่มีการเปิดตัวรองเท้าใหม่เพื่อแสวงหาผลกำไร แต่จะใช้เป็นโอกาสพิเศษเพื่อเปิดตัวโปรเจกต์เพื่อตอบแทนชุมชน การเดินทางของรองเท้าตระกูล Air Max เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 1987 ซึ่งทาง NIKE ได้เปิดตัว Air Max 1 ออกมาให้เหล่าสนีกเกอร์ทั่วโลกได้รู้จัก จนกลายเป็นต้นกำเนิดความนิยมที่ทำให้เกิดรองเท้าสายการผลิต Air Max รุ่นต่าง ๆ ตามออกมาอีกจำนวนมาก ซึ่งแต่ละรุ่นก็ได้รับความนิยมมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ก็สามารถพูดได้ว่าความไฮป์ของรองเท้าตระกูลดังกล่าวของ NIKE ทำให้เกิดอีเวนต์ประจำปีอย่าง Air Max Day ขึ้นมา Air Max Day จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2014 หรือ 27 ปีหลังจากวันเปิดตัว Air Max 1 เป็นครั้งแรก ปีนั้น
หลังจากที่ UNLOCKMEN เคยนำเสนอเรื่องราวของสนีกเกอร์ที่น่าสนใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วใน เตรียมตัวกันไว้ให้พร้อมกับ 6 สนีกเกอร์ควรค่าแก่การรอคอยที่จะถูกปล่อยออกมาในปี 2019 โดยหนึ่งในรองเท้าที่ถูกจับตามองก็คือ Nike Blazer High ที่ปรากฏตัวครั้งแรกบนรันเวย์ Spring/Summer 2019 ของแบรนด์แฟชั่น Sacai ทำเอาเหล่าผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบต่างตั้งตารอ ตอนนี้การรอคอยสิ้นสุดลงแล้วเมื่อ Sacai x Nike พร้อมเปิดตัวรองเท้า Nike Blazer High และปักวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้ง Sacai และ Nike ถือว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นคู่ซี้ที่ร่วม collaboration สร้างสรรค์ผลงานด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ทั้งสองเลือกหยิบของเก่ามาปัดฝุ่นเล่าใหม่อีกครั้ง พร้อมเพิ่มลูกเล่นอย่าง Layer Fusion หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเอารองเท้าสองคู่มารวมกันเป็นคู่เดียวโดยการใช้เทคนิคเลเยอร์แบบซ้อนทับให้รองเท้าดูแปลกตาและไม่ธรรมดา Nike Blazer High มีให้เลือกทั้งหมดสองสีด้วยกัน คู่แรกคือ Black/White/Baby Blue กับสไตล์สีโทนเย็นผสมกับสีขาว-ดำ และอีกคู่คือ Yellow/Red/Navy Blue สีโทนร้อนที่มาพร้อมความสดใส ทั้งสองคู่จะใช้สีสันตามชื่อมาแต่งแต้มบนสนีกเกอร์ พร้อมคอนเซ็ปต์ที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับรองเท้าทรงวินเทจด้วยการซ้อนทับ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ swoosh ด้านข้างที่มีสองอันทับกับอยู่คือสีฟ้าและสีขาว หรือสีแดงและสีดำ นอกจาก swoosh แล้ว
หากย้อนกลับไปในปี 2018 แบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังอย่าง Nike เปิดตัวรองเท้าวิ่งที่ทำจากโฟมชนิดพิเศษรุ่น Nike Epic React Flyknit เพื่อให้เป็นรองเท้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเหล่านักวิ่ง มาปีนี้ Nike ปล่อยรองเท้าภาคต่อจากความสำเร็จของรุ่นแรกอย่าง Nike Epic React Flyknit 2 พร้อมกับสีสันและความเป็นรองเท้าแฟชั่นมากขึ้น แรกเริ่มนั้นรองเท้าวิ่งตระกูล Nike React ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการออกกำลังกายเป็นหลัก ดูได้จากการเลือกใช้วัสดุและดีไซน์ที่ตอบโจทย์การวิ่งมาราธอนหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ โดยพื้นรองเท้าทำจากโฟมชนิดพิเศษเพื่อรองรับแรงกระแทกและช่วยให้ดีดตัวกลับได้ดีทำให้วิ่งได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด ในช่วงแรกรองเท้าตระกูลนี้จึงไม่เน้นความเป็นแฟชั่นมากนัก จนกระทั่งรองเท้าภาคต่ออย่าง Nike Epic React Flyknit 2 ที่นำสีสันมาแต่งแต้มมากขึ้นเพื่อให้รองเท้าสำหรับออกกำลังกายกลายเป็นรองเท้าที่สามารถใส่ออกไปเดินเที่ยวได้แบบเท่ ๆ ไม่ต่างจากรองเท้าผ้าใบแฟชั่น Nike Epic React Flyknit 2 มีสีพิเศษสองสีคือ 8-bit และ Pixel ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเฉดสีจัดจ้านในยุค 90 (ยุคที่สีนีออนโด่งดัง) มาช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับรองเท้า ทั้งสองคู่จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ใช้สีดำและขาวเป็นหลัก จากนั้นแต้มสีโทนนีออนอย่างสีเขียวและสีชมพู เติมแถบสีน้ำเงินแซฟไฟร์หลังส้นรองเท้าเพื่อเพิ่มจุดเด่น สร้างสีสันต่อยอดจาก Nike React รุ่นแรก นอกจาก Nike Epic
Nike แบรนด์เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬาชื่อดังออกคอลเลกชันแพ็ครุ่น limited-edition ที่เกิดจากการร่วมมือกันของ Nike x EA Sports บริษัทเกมและซอฟต์แวร์ในชื่อว่า Madden Pack เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศของ NFL ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกาอย่าง Super Bowl นี่ไม่ใช่การคอลแลปส์กันเป็นครั้งแรกระหว่าง Nike และ EA Sports เพราะในช่วงปี 2016 ก็เคยมีผลงานร่วมกันในการวางจำหน่าย Mercurial Superfly สำหรับเกม FIFA 17 ที่มีเพียง 1,500 คู่เท่านั้น ไปจนถึงรองเท้า Phantom Vision Elite Dynamic Fit FG เมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้ทั้งสองค่ายใหญ่ต่างวงการก็กลับมาเจอกันอีกครั้งในงาน Super Bowl 2019 เหตุผลที่ทำให้แบรนด์แฟชั่นกีฬาชื่อดังและบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ตัดสินใจร่วมมือกันออกคอลเลกชันแพ็คพิเศษการแข่งขัน Super Bowl นั่นเป็นเพราะผู้คนทั่วทั้งสหรัฐฯ ต่างให้ความสนใจกับการแข่งขันครั้งนี้ และ Super Bowl ก็ขึ้นชื่อเรื่องเรตติ้งการรับชมที่พุ่งสูงในทุกปี ค่าโฆษณาระหว่างรายการที่สูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ต่อนาที คิดเป็นเงินไทยราว 200
หลังจากเมื่อปี 2016 แบรนด์เสื้อผ้ากีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike ได้เปิดตัวรองเท้าผูกเชือกเองได้รุ่น Self-Lacing Hyperadapt 1.0 ไปแล้วในราคา 720 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควร แต่ถ้าหากมองว่านี่คือเทคโนโลยีที่เราต้องรอนานกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ที่ Back to The Future II ออกฉายเมื่อปี 1989 ก็นับว่าเกินคุ้ม และในปี 2019 นี้ Nike ได้นำรองเท้าอัจฉริยะกลับออกมาวางจำหน่ายอีกครั้งในราคาที่ถูกลงกว่าการจำหน่ายในปี 2016 โดยมีราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์ และใช้ชื่อว่า Adapt BB รองเท้าสำหรับกีฬาบาสเก็ตบอลที่ปรับรูปทรงให้เข้ากับรูปเท้าที่แตกต่างกันของผู้สวมใส่ได้อย่างอัตโนมัติ พร้อมรูปทรงสุดเท่และแถบไฟสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกล้ำสมัยกว่าใคร อย่างที่รู้กันดีว่า Nike คือแบรนด์รองเท้าบาสเก็ตบอลเบอร์ต้น ๆ ของโลกที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการบาสเก็ตบอลมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่นการร่วมงานกับราชานักบอสอย่าง Michael Jordan ที่ร่วมกันออกรองเท้าสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอลใน Air Jordan เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จึงทำให้ Nike สามารถครองใจเหล่านักกีฬารวมถึงผู้ชื่นชอบ Sneaker
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกของรองเท้าตระกูล Air Max คงจะทราบข่าวกันดีว่า ในปี 2019 นี้ Nike กำลังมีแผนจะ Retro รองเท้าโมเดลสุดเก๋าอย่าง Air Max 2 Light ที่ผลิตครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้วกลับมาปัดฝุ่นพัฒนาอีกครั้ง ซึ่งรองเท้าตัวล่าสุดก็เตรียมวางขายให้เราได้เป็นเจ้าของแล้ว พร้อมกับสีต่าง ๆ ที่คาดว่าจะตามออกมาอีกล็อตใหญ่ Air Max 2 Light ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1994 เพื่อต่อยอดความสำเร็จของรองเท้ารุ่นแรกอย่าง Air Max Light ที่ผลิตเมื่อปี 1989 กับดีไซน์เอกลักษณ์ที่มีลวดลายปูดนูนขึ้นมา พร้อมกับก้อน Air ขนาดใหญ่ตรงส่วนด้านหลังของ Midsole คล้ายกับใน Air Max 95 ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเพราะรูปทรงแบบ Chucky ที่มีน้ำหนักเบาของมันต้องทำให้หลายคนได้กระเป๋าสั่นแน่นอน หลังจากผ่านไป 25 ปีในที่สุด Nike ก็ได้นำมันกลับมาอีกครั้งกับคู่แรกของ Air Max 2 Light