หากเอ่ยถึง Ningen Shikaku หนุ่ม ๆ หลายคนอาจไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าบอกว่า สูญสิ้นความเป็นคน วรรณกรรมชิ้นเอกของนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ดาไซ โอซามุ ก็คงต้องเคยได้ยินกันบ้างอย่างแน่นอน กับงานเขียนชิ้นเอกสะท้อนตัวตนอันแสนขมขื่นที่อัดแน่นไปด้วยความเศร้าบอกเล่าผ่าน โอบะ โยโซ ชายผู้วนเวียนอยู่กับการตั้งคำถาม สุรา นารี และใช้เวลาดำดิ่งไปยังความเศร้าที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งตอนนี้สูญสิ้นความเป็นคนกำลังจะมีหนังที่ได้โครงเรื่องจากหนังสือมาให้เราได้ชมกันแล้ว ทั้งเรื่องราวในหนังสือและภาพยนตร์จะเล่าผ่านโอบะ โยโซ ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความรู้ ฐานะ เติบโตมาในสังคมที่ดีแต่โยโซกลับมองโลกต่างออกไป เขาชอบตั้งคำถามและเก็บรายละเอียดของผู้คน พร้อมกับ “เป็น” ในสิ่งที่ทุกคนอยากให้เขาเป็น ทั้งหมดทำให้โยโซคิดว่าแท้จริงแล้วโลกโหดร้าย จิตใจของมนุษย์เป็นสิ่งอันตรายที่ยากจะหยั่งถึง ทุกคนต่างมีเบื้องหลังที่ทำให้ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน ซึ่งมนุษย์ที่ว่าก็รวมถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน ซ้ำยังมองว่าชีวิตตัวเองตกต่ำเกินกว่าที่จะเรียกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ ถึงแม้จะเศร้าโศกหรือดำดิ่งจนแทบสูญสิ้นความเป็นมนุษย์จนบางครั้งทำให้เขาอยากนำความเศร้าไปแบ่งให้กับคนอื่น แต่โยโซทำกลับตรงกันข้าม เปลือกนอกเขาเป็นชายอารมณ์ดีที่มากด้วยเสน่ห์ คารมดีแต่เป็นคนแปลก และพัวพันกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา เหมือนกับระเบิดเวลาเมื่อเขายิ่งแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่ามีความสุขมากแค่ไหน จิตใจของเขาก็ยิ่งบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก้าวผ่านวัยหนุ่มที่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบ โยโซวัยหนุ่มต้องเจอกับเรื่องราวมากมาย ทั้งเหล้า มอร์ฟีน ปัญหาเรื่องผู้หญิงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมถึงการพยายามพาตัวเองไปถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายสิ่งที่เขาเจอก็คือหน้ากากของผู้คนกับความทุกข์ที่ไม่เคยหายไป และกว่าเขาจะได้จากไปอย่างที่ตัวเองต้องการ เราก็อ่านหนังสือสูญสิ้นความเป็นคนมาถึงบรรทัดสุดท้ายเสียแล้ว ภายใต้ชีวิตที่ทุกข์ระทมของโยโซเกิดขึ้นจากการประพันธ์ของดาไซ โอซามุ ชายที่พยายามจบชีวิตของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนเช่นเดียวกับตัวละครในงานเขียนของเขา ไม่ว่าจะพยายามกินยาเกินขนาด แขวนคอหรือกระโดดลงแม่น้ำ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้สูญสิ้นความเป็นคนกลายเป็นหนังสือที่ควรอ่านและไม่ควรอ่านในเวลาเดียวกัน จากการรีวิวของเหล่านักอ่านหลายคนที่ไม่แนะนำว่าหากใครกำลังจมดิ่ง อ่อนไหวง่าย หรือเป็นโรคซึมเศร้าไม่ควรจะแตะหนังสือเล่มนี้ รวมถึงคำนำของทางสำนักพิมพ์ยังเขียนไว้ว่า ‘อ่านไปอาจจะได้อารมณ์อ่อนไหวระคนหลักแหลมหม่นหมองประคองอารมณ์