เวลาอยู่คนเดียวนาน ๆ เรามักจะทำอะไรตามใจตัวเองมากเสียจนลืมใส่ใจกับเรื่องยิบย่อยไปบ้าง ยิ่งหนุ่มโสดที่ไม่มีใครมาคอยชักชวนให้ลุกขึ้นมาทำนู่นนี่ ก็คงเคยชินกับชีวิตที่ Depend On ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก เราไม่ได้จะมาชวนให้หาคนรู้ใจมาละลายพฤติกรรมหนุ่มโสดแต่อย่างใด แต่เรามาชวนหนุ่ม ๆ หันมาตระหนักกับกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งในปีนี้ อย่างเรื่องปัญหาขยะพลาสติก ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและขับเคลื่อนแคมเปญหลายอย่างเพื่อลดจำนวนขยะพลาสติกลง ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว เพราะหนุ่มโสดอาจรู้สึกว่า ลำพังการใช้ชีวิตของตัวเองคนเดียวคงไม่ได้เพิ่มขยะพลาสติกอะไรนักหนา แต่อย่าลืมว่าคนละนิดคนละหน่อยสะสมมาก ๆ เข้า มันก็แทบจะหาที่ระบายไม่ทันอยู่แล้ว UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาทำความเข้าใจเรื่องขยะที่ไม่ใช่แค่พลาสติก เพื่อเริ่มต้นแยกขยะเสียตั้งแต่วันนี้ รวมทั้งวิธีลดจำนวนขยะลง เพื่อให้โลกใบนี้ไม่ถูกปกคลุมไปด้วยถุงพลาสติกเสียก่อน ทำความรู้จัก 4 ประเภทง่าย ๆ ของขยะ อยากจะเริ่มต้นแยกขยะ ก็ต้องรู้ก่อนว่าควรจะแยกกี่ประเภท เอาอะไรไว้ด้วยกันได้บ้าง จริง ๆ ประเภทของขยะ แบ่งได้ตั้งแต่ง่าย ๆ ไปจนถึงละเอียดยิบ แต่สำหรับมือใหม่ เราขอแนะนำกันแบบเบสิกไปก่อน นั่นก็คือแยกตามสีของถังขยะที่เราเห็นกันได้ทั่วไป 4 สี มาดูกันว่าแต่ละสีนั้นเอาไว้ทิ้งขยะประเภทไหนบ้าง เวลาเราแยกแล้วเอาออกไปทิ้ง จะได้ไม่ยืนงงกันอยู่หน้าถังขยะ สีน้ำเงิน – ขยะทั่วไป เหมือนจะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเวลาไม่รู้จะยัดขยะลงประเภทไหน ทั่วไปนี่ทั่วไปแค่ไหนกันนะ
ก่อนจะเริ่มอ่านคอนเทนต์นี้ เราอยากให้ทุกคนลองมองไปรอบ ๆ ตัวและลองนับจำนวนวัสดุอุปกรณ์ที่ทำมาจากพลาสติกดู คุณจะพบในทันทีว่าพลาสติกมีบทบาทกับชีวิตประจำวันของคนเรามากแค่ไหน โลกใบนี้เต็มไปด้วยพลาสติกจำนวนมหาศาล และอยู่ในทุกที่ทุกสิ่ง คิดภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพลาสติก โลกใบนี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วมันยังไงล่ะ? คุณอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะพลาสติกเมื่อใช้เสร็จก็จะมีหน่วยงานเก็บไปรีไซเคิลกลับมาให้ใช้ได้ใหม่อีกครั้ง อาจจะคิดว่าการเพียงแค่แยกขยะให้ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว โลกจะไม่โดนทำร้าย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชุดความคิดเหล่านี้กำลังทำร้ายโลกอย่างช้า ๆ จากผลกระทบเล็กน้อยเช่นการปนเปื้อนมลพิษในอากาศ นำไปสู่ภาวะโลกร้อนขั้นหายนะในท้ายที่สุด ถึงแม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลอังกฤษจะเพิ่งประกาศว่ากำลังพิจารณาวิธีรีไซเคิลพลาสติกรูปแบบใหม่ แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไรเลย เหตุผลสำคัญที่การรีไซเคิลค่อนข้างจะไร้ประโยชน์ เนื่องจาก 2 ใน 3 ของพลาสติกรอบตัวคุณนั้นเป็นพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ถ้าคุณสังเกตบนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีข้อความว่า “Not currently recyclable” กำกับเอาไว้ ความเป็นจริงที่ทุกคนไม่อยากรับรู้คือพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้จะมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่การถูกฝังกลบในบ่อขยะ ดังนั้นสำหรับวัตถุอื่นการรีไซเคิลอาจเป็นแนวทางที่ได้ผล แต่นั่นตรงกันข้ามกับพลาสติกโดยสิ้นเชิง ถ้าจะพูดว่าสำหรับพลาสติกแล้วการรีไซเคิลแทบจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงก็ไม่ผิดนัก การรีไซเคิลไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลหรือองค์กรการกุศลทำเพราะความหวังดีห่วงใยสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด แต่มันคืออุตสาหกรรมที่มีมูลค่านับแสนล้านเหรียญทั่วโลก อย่างไรก็ตามการลดลงของราคาน้ำมันหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศจีนส่งผลให้การรีไซเคิลพลาสติกมีกำไรลดลง ดังนั้นพลาสติกกว่า 70% ในยุโรปจะลงเอยด้วยการถูกฝังกลบในบ่อขยะ พลาสติกแตกต่างจากแก้วหรือโลหะที่สามารถรีไซเคิลได้อย่างไม่จำกัด และนอกจากจะยุ่งยากในการรีไซเคิลแล้ว การย่อยสลายก็ใช้เวลานานหลายศตวรรษ ขวดน้ำพลาสติกขวดหนึ่งสามารถอยู่บนโลกได้ถึง 450 ปีเลยทีเดียว และต่อให้การรีไซเคิลพลาสติกจะทำได้ง่ายเหมือนแก้วหรือโลหะก็ตาม แต่ขั้นตอนในการรีไซเคิลพลาสติกนั้นก็สร้างมลพิษมากมายทั้งกับสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ดังนั้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่าทางออกของปัญหาพลาสติกล้นโลกไม่ใช่การรีไซเคิล แต่คือการหยุดผลิตพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว พลาสติกแบบใช่ครั้งเดียวควรโดนแบนอย่างเด็ดขาดจากทั่วโลก หรืออย่างน้อยก็ตั้งกำแพงภาษีให้สูงสำหรับผู้ผลิต เช่นเดียวกับภาษีสุรา ยาสูบทั้งหลาย
ขณะที่คนหันมารณรงค์เรื่องงดใช้พลาสติกกันเต็มสูบ ลุกมาเปลี่ยนภาชนะหรือหิ้วปิ่นโตตอนไปซื้อของกันให้ควั่ก แต่ส่ิงที่ถูกกลบฝังอย่างไร้มาตรการแก้ไขที่ชัดเจนกลับเป็นการจัดการขยะพลาสติกที่เราใช้ไปแล้ว ว่าเราควรทำอย่างไรกับมันกันแน่ แน่นอนว่า “ทะเล” คือสถานที่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเวลาพูดถึงพลาสติก เพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไร้ทางสู้ เช่นเดียวกับดินแดนภารตะที่พบปัญหาเดียวกันในสถานที่นี้และลุกขึ้นมาจัดการกับมันอย่างเป็นระบบ กลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ผู้ทิ้งแต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตผูกพันกับท้องน้ำอย่างชาวประมง เบื้องหลังการจัดการลากพลาสติกขึ้นบกที่สวนทางกับคนที่ตั้งใจจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงน้ำมีที่มาน่าสนใจอย่างไร ลองมาดูไปพร้อมกัน พลาสติกในมือ 11 กิโลต่อคนต่อปี จากการสำรวจสถิติการผลิตขยะพลาสติกของประชากรอินเดียปัจจุบันพบว่าหากเฉลี่ยประชากรกับขยะที่มีแล้ว พลเมืองหนึ่งคนผลิตขยะพลาสติกสูงถึง 11 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศคือ 1.3 พันล้านคน) และปลายทางของขยะที่ทิ้งส่วนใหญ่จบลงที่ทะเลอาหรับกับมหาสมุทรอินเดีย ไม่เพียงแค่จำนวนคนกับจำนวนขยะที่อุ้มกันมาเท่านั้น งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของ Helmholtz Center ยังเผยข้อมูลที่หลายคนไม่รู้อีกว่า ทุกวันนี้แหล่งของขยะที่ปกคลุมมหาสมุทรและทะเลทั่วโลกแท้จริงมาจากแม่น้ำหลักเพียง 10 สายในโลก ซึ่ง 2 ใน 10 สายนั้นอยู่ที่แม่น้ำ Indus และ Ganges ของประเทศอินเดีย ชาวประมงอินเดียตอนใต้เมือง Kerala ที่ต้องเผชิญกับภาวะพลาสติกเต็มทะเล โยนอวนไปกี่ทีก็ได้ทั้งปลาทั้งพลาสติกจึงลุกขึ้นมาลดปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรอย่างจริงจัง จากเดิมที่แค่แยกแล้วโยนกลับลงทะเลก็เลือกหันมาเปลี่ยนวิธี เก็บกวาดทะเลด้วยการลากพลาสติกขึ้นบกแทน โดยสร้างแคมเปญที่ชื่อ Suchitwa Sagaram หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ทำความสะอาดทะเล” ขึ้น Suchitwa Sagaram