พอเปิดประเด็นเรื่องการหางานทำ หลายคนคงโดนกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่า “ไม่เลือกงานไม่ยากจน” จนรู้สึกว่าอาชีพคือสิ่งที่ควรรีบไขว่คว้าไว้ทันทีที่โอกาสมาถึง ไม่งั้นเราก็จะกลายเป็นคนเลือกงานแถมพาลยากจนไปซะ เรียนจบแล้วต้องรีบมีงานทำ ออกจากงานแล้วต้องรีบหางานใหม่ เพราะมุมมองที่มีต่อคนว่างงานนั้นไม่ได้เป็นไปในแง่บวกสักเท่าไหร่นัก เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อบ้าง ขี้เกียจตัวเป็นขนบ้าง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ตัดสินใจวิ่งหางานทำให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากใช้ “อาชีพว่างงาน” กันนานนัก มันอาจทำให้เราลืมไปว่า “คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” เช่นกัน UNLOCKMEN จะพามาแกะรอยเหตุผลของคนที่รู้สึก “คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” จนเลือกจะออกจากงานทั้งที่เพิ่งสัญญาไปแบบหมึกยังไม่ทันแห้ง ว่าพวกเขามีเหตุผลอะไรที่เลือกจะหยุดทั้งที่เพิ่งเริ่ม หรืออาจจะยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ บรรยากาศที่ไม่ใช่ ก้าวขาเข้ามาก็เจอออฟฟิศจริงวันแรก สภาพแวดล้อมที่ไม่น่าหย่อนตูดลงเก้าอี้แล้ว ห้องน้ำเก่าซอมซ่อ บรรยากาศชวนหดหู่ อย่าง ออฟฟิศที่อยู่ชั้นใต้ดิน ลานจอดรถ หรือออฟฟิศที่แสงอาทิตย์เข้าไม่ถึง นอกจากบรรยากาศแล้ว เครื่องใช้ในสำนักงานที่ไม่ได้มีพร้อม ซัพพอร์ตการทำงานได้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ควรมีติดออฟฟิศอยู่แล้ว ใครที่เคยทำงานในออฟฟิศแบบนั้นจะเข้าใจถึงความหดหู่ที่พูดถึง แม้จะดูเหมือนคนเรื่องมาก เรื่องเยอะ แต่อย่าลืมว่า เราต้องอยู่ในออฟฟิศนี้ถึงสัปดาห์ละห้าวัน (และบางที่ทำงานหกวันก็มี) ซึ่งถือว่ากินเวลาชีวิตไปเยอะมาก ๆ ที่เราต้องใช้ชีวิตที่นี่ เพราะฉะนั้นบรรยากาศออฟฟิศก็มีผลกับการเลือกงานเช่นกัน หากถามว่าทำไมถึงไม่ตัดสินใจตั้งแต่ตอนมาสัมภาษณ์ เพราะตอนนั้นบางคนอาจไม่ได้เดินเข้าไปในส่วนที่เป็นแผนกของตัวเองจริง ๆ ใครที่ไหวตัวทันตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ก็ดีไป แต่ใครที่มาเห็นทีหลัง ก็ต้องหน้าชา ถ้าแค่มานั่งก็ไม่มีความสุขควรถีบตัวเองออกมาให้ไวที่สุดเหมือนกัน เพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าขา