ดนตรีกับสายฝนเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน เพราะอากาศมักส่งผลกับการฟังเพลงของเราเสมอ แน่นอนว่าวันศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้ก็มีเพลงใหม่ ๆ จากศิลปินหลากหลายแนวถูกปล่อยออกมามากมาย มาอัปเดตกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าเพิ่มลงเพลย์ลิสต์ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจกันบ้างในช่วงนี้ The Life – Electric Youth จะมีอะไรดีไปกว่าซินธ์ป๊อปฟุ้ง ๆ ในวันฝนพรำ นี่คือผลงานดี ๆ จากสองคู่ดูโอ้จากแคนาดาที่จะนำเอาซาวด์ดนตรีสังเคราะห์มาเปิดโลกแห่งจินตนาการของคุณ เพลงเพราะที่หูเปลี่ยนภาพให้งดงามในดวงตา เสียงเพลงของพวกเขาเรียกได้ว่าขับสีสันในจินตนาการได้เป็นอย่างดี Sad Forever – Lauv จะมีอะไรดีไปกว่าการฟังเพลงเหงา ๆ ในวันฝนพรำ อีกหนึ่งผลงานจาก Lauv ศิลปินดาวรุ่งวัย 24 ปี ที่เพิ่งจะมาทัวร์คอนเสิร์ตที่ไทยไปหยก ๆ ลองมาปล่อยตัวปล่อยใจให้ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปสุดลื่นไหล พาใจลอยล่องไปในวันที่ฟ้าสีเทา Modern World – Max Jury Max Jury ศิลปินยังไม่ดังแต่ฟังดีชาวอเมริกัน จากเพลงแนวโฟล์ก, อเมริกาน่า สู่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์โซล ถึงเปลี่ยนแนวแต่ยังคงความเบาสบาย ฟังง่าย ลื่นหู แถมเสียงร้องของหนุ่ม Max ยังนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ หากใครเคยฟังเพลง Numb
หากจะกล่าวถึงศิลปินสาย Folk ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ James Bay คงเป็นอีกหนึ่งชื่อที่อยู่ในใจใครหลายคน ด้วยลุคเท่ ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ จะผมยาวผมสั้นก็หล่อเอาอยู่ เสียงแหบเสน่ห์ แถมสะพายกีตาร์ ลุคแบบนี้แหละอย่าว่าแต่ผู้หญิงชอบ ผู้ชายเห็นก็ยังยกให้เป็นไอดอล ล่าสุดหนุ่ม James ก็เปิดตัว EP อัลบั้มที่มีชื่อว่า Oh My Messy Mind ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีซิงเกิลที่ชื่อว่า Bad และ Peer Pressure ที่ได้สาว Julia Michaels มาร่วมงานด้วยเป็นตัวชูโรง หนุ่ม James ได้เผยเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของผลงานชุดนี้ว่า “ผมมักจะเขียนสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกของตัวเอง เพื่อจะล้างความคิดบางอย่างออกจากหัวสมองเป็นประจำ เพลงใน EP ผมเขียนขึ้นไม่นานมานี้ มันเกิดขึ้นในวันที่มืดหม่น จึงสะท้อนอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่ผมเผชิญอยู่ในขณะนั้นได้ดี สำหรับเพลง Bad และเพลงอื่น ๆ ใน EP นั้น คือผมอยากจะซื่อสัตย์เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวเอง รวมไปถึงสตอรี่อื่น ๆ ซึ่งเจ้าเพลง Bad
‘วงเปลี่ยนแนว’ ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งนี้แหละคือชนวนใหญ่เบ้งที่ทำให้ศิลปินทุกยุคทุกสมัยเป็นอันกระทบกระทั่งกับแฟนเพลง อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากแฟนเพลงจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจ เพราะพวกเขาอาจเลือกติดตามวง ๆ หนึ่ง ด้วยเหตุผลว่าแนวเพลงถูกใจ วันใดที่วงไม่สามารถตอบสนองตรงนี้ได้ก็อาจจะต้องมีปากมีเสียง (ผ่านทางคอมเมนต์) กันบ้างเป็นธรรมดา ส่วนในมุมของศิลปินที่อยากจะเปลี่ยนแนว ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าการเอียนแนวเดิม ๆ ที่ตัวเองทำอยู่ นักดนตรีหัวกะทิหลายคนมักชอบทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ไม่ชอบย่ำอยู่กับที่ แต่พอโดนแฟนเพลงบ่นมากเข้า พวกเขาจึงมักหาทางออกด้วยการหนีไปทำวงอื่นเสียเลย! แต่การทำวงอื่นในที่นี้ ไม่ใช่การยุบวงตัวเองแล้วไปสร้างวงใหม่ แต่คือการทำควบคู่ไปพร้อมๆ กัน (หรืออาจสลับกัน) เพราะนอกจากจะได้ทำสิ่งที่ตัวเองพอใจแล้ว ยังอาจได้ฐานแฟนเพลงใหม่ๆ เพิ่มมาอีก จะเรียกว่าวิถีคนขยันก็ว่าได้ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีศิลปินคนไหนบ้างที่คุณคุ้นเคย แต่อาจไม่รู้มาก่อนว่าเขามีมากกว่าหนึ่งวง! 1. Alex Turner สำหรับหนุ่มเสียงหล่อคนนี้ ใครๆ ก็คงจำเขาได้ดีจากฐานะฟรอนต์แมนวงร็อกสุดเท่อย่าง Arctic Monkeys ถึงแฟนเพลงตัวยงจะทราบดีว่าเขาไม่ได้ทำลิงขั้วโลกแค่วงเดียว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่รู้ว่า Alex ยังมีอีกวงที่ทำอย่างจริงจัง นั่นก็คือ ‘The Last Shadow Puppets’ ที่เป็นวง Supergroup คู่กับ Miles
หากกล่าวถึงความเฟื่องฟูทางดนตรีบนเกาะอังกฤษยุค 80 เชื่อว่าคอเพลงหลายคนคงจะคิดถึง ‘The Smiths’ วงอัลเทอร์เนทีฟอายุสั้น (1982-1987) ผู้มีอิทธิพลต่อดนตรีร็อกและวงการเพลงทั่วโลกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ ‘Steven Patrick Morrissey’ ฟรอนต์แมนเจ้าปัญหาของวงผู้กลายเป็นไอคอนิคของความเยอะสิ่ง และยังคงมีผลงานเพลงอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนปัจจุบัน ทุกสิ่งของเขาล้วนเป็นที่จดจำไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลงเนื้อหาคร่ำครวญ, แฟชั่น จนไปถึงความงี่เง่าบนเวที มาดูกันดีกว่าว่าจะมี ‘ความมอซ’ อะไรบ้างที่พวกเราควรระลึกถึง! ชายผู้บูชา Oscar Wilde มอร์ริสซีย์ (เรียกสั้นๆ ว่ามอซ) รักและเทิดทูน ‘Oscar Wilde’ นักเขียนแนวเสียดสีผู้โด่งดังเรื่องความฝีปากกล้าท่านนี้สุดหัวใจ โดยเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าเพลงของเขาส่วนมากได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของ Oscar Wilde นั่นแหละ หากจะให้กล่าวว่ามีอะไรบ้าง ก็อาจจะต้องร่ายยาวไปถึง 3 วัน 7 วัน แต่เอาเป็นว่าคาแรกเตอร์ปากจัดของพี่แกนั้น มาจากการคาแรกเตอร์ของ Oscar Wilde แน่นอน โดยมอซบอกว่า แม่ของเขาผู้มีอาชีพเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์เป็นคนแนะนำให้พี่แกอ่านงานของ Oscar Wilde ตั้งแต่ยัง 8 ขวบเท่านั้น ไม่กินเนื้อสัตว์ (เด็ดขาด)
คนรวย คนไม่รวยวัดกันที่ตรงไหน? ถ้าบอกว่าวัดกันที่การแต่งกาย ของใช้ที่มองเห็นภายนอกนี่อาจจะเป็นวิธีวัดที่เก่าไปแล้ว เพราะสำหรับเรื่องล่าสุดที่เพิ่งมีงานวิจัยออกมาเผยแพร่คือเขาสามารถใช้สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างเสียงเพลง หรือแนวเพลงที่เราชื่นชอบนำมาใช้จำนวนวัดเงินในกระเป๋าของเราได้ แต่ก่อนจะไปอ่านผลวิจัย…ลองซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยการคิดคำตอบในใจกันก่อนว่าคุณชอบฟังเพลงแนวไหน และเมื่ออ่านจบอย่าลืมบอกเราอีกครั้งด้วยว่าตรงหรือเปล่า เริ่มต้นที่เศรษฐีอเมริกันส่วนใหญ่มักจะฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีศิลปินไม้ตายอย่าง บีโทเฟน โมสาร์ต และบาช อยู่ใน track ที่เปิดเสมอ งานนี้แม้พวกเราอ่านไปแล้วจะเริ่มส่ายหน้าเพราะฟังดูเหมือนเรื่องอุปโลกน์ที่เดาขึ้นมาแบบส่ง ๆ แต่มันก็เป็นจริงแล้ว และรับรองได้ มาจากผลการสำรวจของกลุ่มคน millennials จำนวน 1,500 คนที่จัดทำขึ้นโดย TDAmeritrage งานนี้แม้จะเป็นการสำรวจจากกลุ่มคนจำนวนไม่มากเพียงช่วงวัยเดียว แต่เหล่านักวิจัยก็ยังยืนยันว่าผลลัพธ์สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบกับช่วงวัยอื่นได้ รักเพลงแนวไหน รายได้เท่าไหร่ หลายคนคงเริ่มอยากรู้แล้ว ลองดูกันว่าแนวเพลงที่เราชอบกันหน่อย ว่าตรงกับสิ่งนี้ไหม แนวเพลงคลาสสิก – $114,000 หรือ 3,730,071.29 บาท แนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ – $92,000 หรือ 3,010,232.97 บาท แนวเพลงแร็ป / ฮิปฮอป – $69,000 หรือ 2,257,674.73 บาท แนวเพลงยุค 80 และ 90 – $67,000 หรือ 2,192,234.88
หลังจากแฟน ๆ Arctic Monkeys ตั้งหน้าตั้งตาคอยกันมาตั้งแต่ปี 2014 จากอัลบั้มล่าสุด AM ที่ระเบิดความมันกันในคอนเสิร์ต AM tour แล้วพี่แกก็หายต๋อมเงียบไปแบบไร้ข่าวคราว จนเมื่อไว ๆ นี้โซเชียลมีเดียของวงได้อัปเดตเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่อย่าง “Tranquility Base Hotel & Casino” จนแฟน ๆ Hype กันแบบปรอทแตก กลับมาคราวนี้ไม่มีปล่อยซิงเกิ้ลเดี่ยวทีละเพลงสองเพลงอะไรทั้งนั้น ทุกคนจะได้ฟังพร้อม ๆ กันแบบทั้งอัลบั้มในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ นับวันรอวันวางแผงได้เลย! ตั้งแต่วันที่วงประกาศเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ ข่าวเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ออกมาทีละเล็กละน้อย สัปดาห์ละข่าวสองข่าว เยอะเสียจนตามอ่านแทบไม่ทัน UNLOCKMEN เอาใจหนุ่ม ๆ ด้วยการมัดรวมข่าวทั้งหมดที่เราควรรู้เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของ Arctic Monkeys มาไว้ให้ที่นี่แล้ว แบบกระชับฉับไวได้ใจความ ไม่ต้องอ่านยาว ๆ ไม่ต้องแปลเอง ลุย! Tracklist ในอัลบั้ม แค่ Teaser ไม่ถึงนาทียอดวิวก็เกือบสามล้านแล้ว พลังของแฟน ๆ วงนี้บอกเลยว่าประมาทไม่ได้จริง ๆ โดยอัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มในสตูดิโออัลบั้มที่หกของพวกเขา