เราเคยปัดโทรศัพท์จนสุดรายชื่อ แต่ไม่รู้จะโทรไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังบ้างไหม… ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างที่มาพร้อมเพศ หลาย ๆ ครั้งเรามักสะสมความผิดหวังไว้กับตัวโดยไม่ระบายออก มองความท้อแท้เป็นศัตรูที่ต้องพุ่งเข้าไปพิชิต และเมื่อพบกับความพ่ายแพ้ เราตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง จนมันกลายเป็นรอยแผลเป็นน่าเกลียดที่เราหันไปมองซ้ำแล้วซำ้เล่าและทวีขนาดขึ้นในวันที่เราจิตใจเศร้าหมอง แด่คนที่บรรยากาศในใจเหมือนสภาพอากาศนอกหน้าต่างในวันนี้ (ฝนตกฟ้าครึ้ม) ไม่รู้จะอธิบายความอึดอัดใจที่เจอกับใคร UNLOCKMEN ขอพาคุณมาตามหาเหตุผลที่เราควรคุยกับคนแปลกหน้า และพาคุณไปรู้จักทางออกที่ทำให้รู้ว่า เมื่อคุณเจอปัญหาและต้องการใครสักคนรับฟัง ควรจะมุ่งหน้าไปที่ไหน เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงควรคุยกับคนแปลกหน้าสักคน ไม่ว่าเราจะมีปัญหาหรือไม่ก็ตาม หรือเวลาไม่สบายใจทำไมเราถึงอยากเล่าเรื่องที่เจอให้คนไม่รู้จักฟังมากกว่า นักพูดสร้างแรงบันดาลใจจากเวที Ted ที่ชื่อว่า Kio Stark คือคนหนึ่งที่เลือกประเด็นนี้มาเป็นหัวข้อทอล์กของเธอ และท้าให้ทุกคนที่ฟังลุกขึ้นมาพูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างไม่ต้องเขินอายหรือพะวงมากนัก แก่นของการทอล์กครั้งนี้ คือประโยชน์ที่เธอพบมันด้วยตัวเองหลังจากเริ่มปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก 2 ประการใหญ่ที่เปลี่ยนความคิดไปตลอดการ เรื่องแรกคือเราได้ปลดปล่อยความรู้สึกเป็นอิสระ ทั้งทางความคิดและทัศนคติ เพราะเมื่อเราคุยกับคนแปลกหน้า เราจะเลิกตัดสินคนที่พบเจอ ไม่แบ่งเพศ สีผิว และความสัมพันธ์ว่าคนเหล่านั้นคือเพื่อนหรือไม่ แต่มอง “คน” ในฐานะ “บุคคล” แทน ซึ่งเธอเองก็ได้รับการปฏิบัติมาในแบบเดียวกัน…การรับความรู้สึกว่ามีใครสักคนรับรู้การมีอยู่และตัวตนของเราทำให้รู้สึกดีและมีค่ายิ่งขึ้น ประการที่สองคือการส่งผ่านความรู้สึกถึงกันได้ผ่านความใกล้ชิดชั่วขณะได้ดี เหตุผลที่ทำให้เราสุขมากกว่าเมื่อคุยกับคนแปลกหน้าเพราะเราปราศจากอคติ และไร้ความคาดหวังต่อกัน ถ้าเป็นคนใกล้ชิดที่รู้จักกันเราอาจต้องระวังคำพูดทั้งส่วนที่เราจะพูดออกไป และระวังคำพูดที่จะตอบกลับมา ในขณะที่คนแปลกหน้า เรามีโอกาสเจอกันครั้งนี้แต่อาจจะไม่เวียนกลับมาคุยกันอีก แล้วคนที่พร้อมจะฟังเราอยู่ที่ไหน? ถ้าผู้ชายอย่างเราอยากระบายความอ่อนแอในใจให้ใครสักคนฟัง ว่าควรทำอย่างไร