Blancpain X Swatch “Scuba Fifty” เผยโฉมแล้วสำหรับการ collaboration ครั้งยิ่งใหญ่ของสองแบรนด์ในเครือ Swatch Group หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Omega x Swatch เรียกว่าเป็น Blancpain Fifty Fathoms ในรูปแบบของ Swatch Blancpain X Swatch สดุดีนาฬิการุ่น Fifty Fathoms นาฬิกาเพื่อนักดำน้ำเรือนแรกที่แท้จริง นาฬิการุ่นนี้รังสรรค์โดยนักดำน้ำลึกที่มีใจรักเมื่อ 70 ปีที่แล้ว นับเป็นการปฏิวัติวงการการทำนาฬิกา ด้วยการเป็นเรือนแรกที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของนักสำรวจใต้น้ำได้สำเร็จ นาฬิการะบบจักรกลทั้งห้ารุ่นในคอลเลกชัน Bioceramic Scuba Fifty Fathoms คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของตำนานแห่งวงการการทำนาฬิกาแบบสวิสอย่างครบถ้วน พร้อมหยิบยืมจุดเด่นของนาฬิกา SCUBA ตระกูลนาฬิกาเพื่อการดำน้ำของเราเอง นาฬิกาแต่ละรุ่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใต้ท้องทะเลลึก เป็นการสดุดีมหาสมุทรทั้งห้า รวมถึงสิ่งมีชีวิตอันสวยงาม สีสันสดใสอย่างทากทะเล (nudibranch) ที่อาศัยอยู่ในใต้ทะเลลึก โดยมีทั้งหมด 5 สีจาก 5 ocean-themed The Atlantic
งาน collab ที่ represents street culture จากสองฝั่งแบรนด์แฟชั่นและ fast-food ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่กลับสามารถนำเสนอลวดลายพรินต์ที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ โลโก้ตัว M Golden Arches ถูกนำมาตีความเป็นดีไซน์หลักใน collection ซึ่งมีทั้ง hoodies, T-shirts และ Skateboards ในสามโทนสีหลัก ดำ ขาว และแดง ก่อนหน้านี้ลูกค้าจะต้องใช้ unique code จากกล่อง McNuggets เพื่อใช้เป็นสิทธิในการซื้อผ่าน microsite แต่ดูเหมือนว่า feedback จะดีมากเกินไปจน Palace ยกเลิกการใช้ unique code ไปแล้วเรียบร้อย
ว่ากันว่าเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งสะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกันกลิ่นน้ำหอมที่เลือกใช้ก็เปรียบเสมือนสิ่งสะท้อนตัวตน, รสนิยม รวมถึงทัศนคติของแต่ละบุคคลออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งกลิ่นที่มีผลส่งตรงสู่อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึก โดยแทบไม่ต้องอาศัยถ้อยคำใดมาอธิบาย และตำนานความหอมของ MONTBLANC LEGEND คือหนึ่งในสุนทรียศาสตร์แห่งกลิ่นอันทรงพลัง และน่าหลงใหล ที่ถูกรังสรรค์เป็นน้ำหอม 3 ประเภทใน LEGEND Series ซึ่งวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ร่วมเดินทางไปกับความหอมระดับตำนานทั้ง 3 รูปแบบ ที่พร้อมให้ทุกคนได้เลือกสะท้อนตัวตน และถ่ายทอดเสน่ห์ความมั่นใจในแบบที่เป็นคุณ MONTBLANC LEGEND EDT : นี่คือจุดเริ่มต้นความหอมระดับตำนาน ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยความมุ่งมั่นในการรังสรรค์ MONTBLANC LEGEND EDT ให้เป็นตัวแทนแห่งกลิ่นที่สะท้อนตัวตนของสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ของความเด็ดเดี่ยว มั่นใจ ผสานความอบอุ่น และสุขุม ด้วย Top Notes โทนสว่าง สดชื่น กับกลิ่นของ Lavender, Bergamot, Pineapple leaf และ Exotic verbena ตามมาด้วย Middle Notes ที่หอมหวานดึงดูดใจจากกลิ่นของ
การกลับมาอีกครั้งของ MB&F HM9 อภิมหาเรือนเวลาที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่สวยงามที่สุดในโลก บรรจุในเคสใสสามชิ้นผลิตจาก sapphire crystal ขนาด 57mm x 47mm x 23mm สามารถรับชมการทำงานของตัวเครื่องได้จากทุกมุม มีสองสีใหม่คือ หน้าปัด PVD-coated สีฟ้าในกรอบ white gold และ PVD-coated สีเขียวในกรอบ yellow gold ราคาเรือนละ 16 ล้านบาท ผลิตเพียงสีละ 5 เรือนในโลก MB&F HM9 “Sapphire Vision” Diameter: 57mm x 47mm Caliber: In-house movement Functions: Hours, minutes Power Reserve: 45 hours Winding: Manual Water Resistance: 30 meters
เปิดรับความสดใส ด้วยสีสันแห่งฤดูร้อนจากทางฟากฝั่งยุโรปที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา กับ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition เรือนเวลาคอลเลกชั่นพิเศษ ที่มีเพียงรุ่นละ 888 เรือนทั่วโลกเท่านั้น จากความนิยมของคอลเลกชั่นนาฬิกา AIKON ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการุ่นไอคอนิกแห่งตำนานยุค 90s อย่าง Calypso ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 สู่การต่อยอดตำนานที่เร้าใจยิ่งกว่า ด้วยเฉดสีที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน กับสีสันแห่งฤดูร้อนที่ถูกถ่ายทอดลงบนหน้าปัด และสายนาฬิกาแบบ Integrated ของ AIKON Automatic Limited Summer Edition รุ่นล่าสุด ที่สะท้อนจิตวิญญาณนาฬิกาสปอร์ตผ่านตัวเรือนทรงกลมพร้อมหน้าปัดตกแต่งลวดลาย Clous de Paris แบบด้าน ขับเน้นเสน่ห์ของฤดูร้อนผ่านแสงเงาของสีสันที่งดงามในทุกมุมมอง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิตแบบ Urban ในเมืองใหญ่ หรือการสวมใส่พักผ่อนในวันสบาย ๆ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition พร้อมให้ทุกคนสัมผัสความสดใส กับเฉดสีที่มีชีวิตชีวาของฤดูร้อน ผ่านตัวเรือน
นาฬิกา แอร์เมส เอช08 ถูกรังสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2021 ถ่ายทอดถึงการผสมผสานระหว่างหลักการอันเข้มแข็งเข้ากับมาตรฐานระดับสูง ที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและลื่นไหลผ่านสัญลักษณ์แห่งผลงานออกแบบอันร่วมสมัย พร้อมด้วยสไตล์อันทรงพลังนี้ได้สร้างรูปเป็นดั่งวัตถุที่ถ่ายทอดไว้ทั้งหมดระหว่างความสมดุลและความตรงข้ามกัน ธรรมชาติอันมีมิติที่หลากหลายจึงได้ถูกสะท้อนผ่านการนำกับรูปทรงและวัสดุมาสร้างสรรค์ ด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในรายละเอียดและทักษะอันแม่นยำซึ่งผนึกรวมกันสู่เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของความสปอร์ตและความสง่างาม พร้อมทั้งยังมอบพลังอันมีชีวิตชีวาและสัมผัสแห่งอารมณ์ความรู้สึกของเส้นสาย เผยให้เห็นถึงสุนทรียะความสวยงามเฉพาะหนึ่งเดียว โดยถ่ายทอดบนหน้าปัดวงกลมพร้อมทั้งฟอนต์สไตล์ดั้งเดิม และหลอมรวมภายในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมกับขอบมนอันแสนนุ่มนวล ออกแบบโดย ฟิลิปป์ เดโลตัล (Philippe Delhotal) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่ง แอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) นาฬิกา แอร์เมส เอช08 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างพื้นผิวและแร่ กับเฉดสีเข้มและสัมผัสที่เต็มไปด้วยสีสัน ผสานโดยเส้นสายเรขาคณิตที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ร่วมกับสไตล์การตกแต่งทั้งแบบด้านและเงาวาว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของผลงานล่าสุดนี้ยังได้ต้อนรับความหลากมิติแห่งเสน่ห์ของเฉดสีอันเรืองรอง ทั้งในโทนสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้ม ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมน หรือคุชชัน (cushion-shaped) ร่วมถ่ายทอดความทันสมัยที่ได้มาจากบล็อกของคอมโพสิต วัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแกร่งทนทานสูง พร้อมทั้งภาพลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว โดยประกอบด้วยกลาสไฟเบอร์อะลูมิไนซ์ถักและผงชนวน ซึ่งให้เม็ดสีธรรมชาติ มอบแสงสะท้อนสีเงินอันลุ่มลึก ตัดกับขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมเซรามิกสีดำโดดเด่น สร้างสรรค์เป็นมิติของแสงและเฉดสีที่ขับเน้นมิติอันลุ่มลึกของหน้าปัดสีคอนกรีต พร้อมทั้งตกแต่งแบบเกรนอย่างประณีตละเอียดอ่อน รวมถึงยังมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนแม่นยำโดยเข็มชี้และตัวเลขอารบิกแบบนำมาติดสีดำเรืองแสง สัมผัสของเฉดสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้มบนขอบผนึกของกระจกหน้าปัดนาฬิกา
กว่าจะขึ้นแท่นตำนานเจ้าสมุทรของ OMEGA ในทุกวันนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ Seamaster ต้องย้อนไปในปี 1932 ซึ่ง ณ ขณะนั้นชื่อของ Seamaster ยังไม่ถูกกล่าวขาน แต่เป็นปีที่โลกได้รู้จักกับบรรพบุรุษของ Seamaster อย่าง OMEGA “Marine” เรือนเวลาที่มาจากฝันอันทะเยอทะยานในการสร้างนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีสำหรับใช้งานใต้น้ำ เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมที่สามารถนำนักสำรวจให้ดิ่งลึกไปยังโลกเบื้องล่างที่ไม่มีใครรู้จัก นอกจากนี้ “The Marine” ยังครองตำแหน่งนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโลกที่วางจำหน่ายให้แก่พลเรือน ถือเป็นการปูเส้นทางให้กับอนาคตของนาฬิกาดำน้ำ ก่อนที่ OMEGA จะให้กำเนิด Seamaster ในปี 1948 หลังจากผ่านมา 16 ปี ก็ได้เวลาที่ประวัติศาสตร์ของ Seamaster เริ่มต้นจารึกเรื่องราวปฐมบท เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ทาง OMEGA ได้ใช้เวลาหลังจากนั้นร่วม 3 ปี ในการนำความรู้ทางการทหารจากประสบการณ์การสนับสนุนเครื่องบอกเวลาให้เหล่านักบินของกองทัพอากาศ และราชนาวีแห่งสหราชอาณาจักรมากกว่า 110,000 เรือน มาประยุกต์ให้เป็นคอลเลกชั่นเรือนเวลาสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน และผลลัพธ์ที่ได้คือนาฬิกา OMEGA Seamaster ซึ่งเปิดตัวในปี 1948
เมื่ออาดิดาส ออริจินอลส์ เปิดประตูสู่ความหรูหราอีกระดับ นำรองเท้าสุดคลาสสิกอย่าง STAN SMITH จับคู่กับ BLUE VERSION คอลเลกชันเสื้อผ้าสุดพรีเมียมอีกครั้งในซีซันใหม่ ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกการสวมใส่ ตั้งแต่ถนนคอนกรีตในเมืองไปจนถึงพื้นดินย่านชนบท พิสูจน์ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของอาดิดาส ที่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งอนาคตอยู่เสมอ เพื่อตอกย้ำความคลาสสิกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของรองเท้าโมเดลฮิตตลอดกาลอย่าง STAN SMITH รองเท้ารุ่นนี้จึงได้ถูกนำมาพัฒนาและปรับโฉมใหม่อีกครั้งในคอลเลกชัน FW23 STAN SMITH โดยคู่แรก STAN SMITH CS โดดเด่นด้วยโทนสีที่แตกต่างจากปกติและร่องรอยการตัดเย็บสุดประณีต ในขณะเดียวกัน STAN SMITH LUX ถูกยกระดับด้วยวัสดุและดีเทลสุดพรีเมียม โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์และความซิกเนเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าเทนนิสไว้ทั้งหมด ตอกย้ำการเป็นแฟชันไอเทมชิ้นสำคัญของรองเท้า STAN SMITH ที่กลับมาโลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวาสำหรับคนรุ่นใหม่ สำหรับเสื้อผ้าในคอลเลกชัน BLUE VERSION ได้ผสมสานสุนทรียะสไตล์เรโทรกับกิมมิคในรายละเอียด โดยมีสินค้าหลักในคอลเลกชันเป็นบอดี้สูท เสื้อและกางเกงแทรค Bluebird Montreal ที่เข้าชุดกัน กระเป๋าดัฟเฟิล รวมถึง หมวก เสื้อ และแอกเซสซอรี่อีกมากมาย การเปิดตัว FW23 STAN SMITH STYLED
สาวกเรือนเวลาน่าจะรู้จักกันดีกับกิตติศัพท์ 9S Caliber กลไกจักรกลที่ Grand Seiko แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่พร้อมเปิดตัวเมื่อปี 1998 และได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ ‘Grand Seiko Standard’ ถูกกำหนดขึ้น โดยเป็นระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกามานานกว่า 25 ปี เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ Grand Seiko จึงได้จัดงาน The World of Grand Seiko เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber พร้อมเปิดตัว Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่ง Grand Seiko Pop
เมื่อพูดถึงแบรนด์ ALBA ภาพสะท้อนของเรือนเวลาที่เข้มข้นไปด้วยจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งเต็มไปด้วยความประณีตของงานออกแบบ รวมไปถึงคุณภาพที่ถูกส่งต่อจากรุ่นพี่อย่าง SEIKO คือคาแรคเตอร์อันชัดเจนของนาฬิกา ALBA ที่ตอกย้ำคอนเซ็ปต์หลักอย่าง The Reflection of Japan ออกมาได้อย่างหนักแน่น และ DNA ของแบรนด์ที่เด่นชัดได้ถ่ายทอดสู่ ALBA SPORTIVE THAILAND CREATION ที่มาพร้อม 3 สีใหม่ล่าสุด สะท้อนภาพความสปอร์ต เท่ สนุกสนาน ตอบโจทย์ทุกสไตล์ที่แตกต่างได้อย่างลงตัว กับดีไซน์สปอร์ตเทรนดี้ที่แอบแฝงไปด้วยความสง่างาม ซึ่ง ALBA SPORTIVE THAILAND CREATION เป็นนาฬิกามาพร้อมกลไกการทำงานแบบอัตโนมัติ ตัวเรือนและสายผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลคุณภาพ การันตีมาตราฐานโดย SEIKO โดดเด่นด้วยหน้าปัดซันเรย์ 3 สี เล่นกับแสงได้อย่างงดงามยามที่สวมใส่ ตัวเรือนมีขนาดกำลังเข้าข้อที่ 43 มม. พร้อมช่องหน้าต่างย่อยแสดงวันที่และวันประจำสัปดาห์ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ระดับเดียวกับเม็ดมะยม รับกับหลักชั่วโมงและชุดเข็มเคลือบสารเรืองแสง ช่วยให้สามารถอ่านค่าได้ง่ายแม้ในที่แสงน้อย สวมใส่สบายด้วยสายแบบบานพับปลดล็อคด้วยปุ่มกด และเสริมประสิทธิภาพการกันที่ระดับ 100 เมตร