ในอดีต GameBoy ถูกเรียกว่าเป็นตัวแทนของเด็กชายยุค 90s ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานจนทำให้ GameBoy ถูกเทคโนโลยีเกมใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ แต่ควันหลงของ GameBoy ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับใครหลายคนได้เสมอ จริงอยู่ว่าในปัจจุบันการจะตามหาชื้อเครื่องมือหนึ่งหรือเครื่องที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่อาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่ UNLOCKMEN ก็มีแนะนำ Game Pocket สุดคูลที่รูปทรงและการใช้งานแทบจะโคลน GameBoy ออกมาให้ได้เห็นกัน BittBoy เรียกว่า Pocket Game พกพารุ่นใหม่ที่มีแรงบันดาลใจต่อยอดมาจาก GameBoy ก็ว่าได้ โดยรูปทรงของ BittBoy มาในขนาดจิ๋วแต่แจ๋วที่ 6.8×9.9×1.3cm ชนิดที่เล็กกว่ากระเป๋าสตางค์พกพาซะอีก แบบเก่าเราจะเห็นหน้าจอเป็นขาวดำ แต่ BittBoy ถูกปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ด้วยการใส่หน้าจอสี IPS ขนาด 2.2 นิ้วเข้ามาให้และสามารถใช้งานได้ยาวนานที่ 2-3 ชั่วโมง แม้จะมีแบตเตอรี่แค่เพียง 500 mAh เท่านั้น วัสดุตัวเครื่องทำมาจาก ABS Plastic ที่คงทนต่อการใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน และยังรองรับการชาร์จผ่าน MicroUSB นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลผ่าน
ช่วงนี้ถ้าสังเกตกันดูดี ๆ จะเห็นเลยว่า ตลาด Smart Watch ดูเงียบเหงาไร้ซึ่งสีสันและคู่แข่งมาสักพักใหญ่แล้ว เนื่องด้วยในปัจจุบันตลาด Smart Watch แทบจะถูกผูกขาดในด้านของความคุ้มทุนจาก Apple Watch และ Samsung Gear ซะส่วนใหญ่ เนื่องจากครองใจผู้ใช้งานมากสุดในตอนนี้ เส้นแบ่งของ 2 ค่ายนี้ชัดเจนในเรื่องของการใช้งานคือมักจะทำงานได้ดีกับระบบปฏิบัติการของตัวเองมากกว่า ทำให้กลายเป็นว่าคนที่ต้องเลือกชื้อเลือกใช้จริง ๆ ต้องจำใจเลือกใช้ให้เข้ากับสมาร์ทโฟนในมือของตัวเอง แม้ว่ารูปทรงหรือฟังก์ชั่นการทำงานจาก Smart Watch แบบอื่น ๆ จะเข้ากับตัวเองมากกว่าก็ตาม พูดไปแล้วก็ดูเศร้า แต่ UNLOCKMEN มีข่าวอัพเดทที่น่าสนใจสวนทางเรื่องเศร้า เพราะว่าทาง Fitbit ได้เปิดตัว Smart Watch ตัวใหม่ที่ลบจุดด้อยเรื่องความต่างระหว่างระบบปฏิบัติการนี้ออกไปแล้ว Smart Watch รุ่นแรกจาก Fitbit มาในชื่อ Fitbit Ionic ที่มาในรูปลักษณ์นาฬิกาเหมาะกับคนที่รักสุขภาพและออกกำลังกายเช่นเดิม (ตามแนว Fitness Tracker) ซึ่งจะมาพร้อมกับการเก็บข้อมูลระหว่างการออกกำลังกาย, เซ็นเซอร์ตรวจจับ SpO2, มี GPS
ตอนนี้การทำอะไรหรือรู้อะไรแต่เพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องนักในยุคปัจจุบัน เพราะงั้นใครที่กำลังมองหาเครื่องมือ Gadgets สร้างอาชีพ (เสริม) อยู่แล้วละก็ UNLOCKMEN ได้ไปค้นไอเดียใหม่ล่าสุดจาก Kickstarter ที่จะช่วยต่อยอดให้เป็นอาชีพเสริมได้ไม่ยาก และต่อให้ไม่เก่งเรื่องงานฝีมือก็ทำได้ไม่แพ้มืออาชีพเลยทีเดียว Cubiio เป็นเครื่องมือแกะสลักด้วยแสงเลเซอร์ขนาดเท่ากำปั้นที่จะช่วยทุ่นแรงและประหยัดงบการทำงานได้ไม่แพ้เครื่องใหญ่ราคาแพง เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบงาน Maker, งานศิลปะด้านแกะสลักต่าง ๆ เพราะการทำงานของมันสามารถยิงเพื่อสร้างลวดลายบนพื้นผิวของวัตถุได้แบบเจ๋งสุด ๆ ตัวเครื่อง Cubiio จะมาพร้อมกับขาตั้งเพื่อเสริมความมั่นคงในขณะใช้งาน และสามารถปรับองศาตามตำแหน่งที่เราต้องการยิงลวดลาย โดยเราต้องวางวัตถุที่ต้องการสร้างลวดลายไว้ในตำแหน่งด้านล่าง แต่จะวางแนวยาว แนวตรง แนวเฉียงก็สามารถใช้งานได้หมด ส่วนการใช้งานก็ง่ายแสนง่ายเพราะมันรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับแอปฯ สมาร์ทโฟนที่มีทั้ง iOS และ Andriod และต่อเข้ากับการทำงาน 4 ขั้นตอนง่าย ๆ เช่น เลือกภาพจากในมือถือที่ต้องการสลัดลวดลาย หรือโหลดไฟล์ G-Code ที่มีคนออกแบบอยู่แล้วมาใช้ก็ได้ จากนั้นวางของที่ต้องการสร้างลวดลายแกะสลักและกดดูพรีวิว ขยับตำแหน่งที่ต้องการให้ตรงเรียบร้อย จากนั้นก็แค่กดปุ่ม Start ! เครื่องก็จะทำงานเริ่มการแกะสลักได้ทันที นอกจากนี้ใครที่กังวลเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของแสงเลเซอร์ที่ใช้แกะลวดลาย ทางฝั่งผู้ผลิตก็จัดชุดป้องกันการใช้งานมาให้หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันดวงตาที่ในกล่องจะมีแถมแว่นตาป้องกันมาให้ และแนบคำแนะนำว่าควรสวมใส่ทุกครั้งที่ใช้งาน และอย่าจ้องแสงเลเซอร์แม้จะใส่แว่นอยู่ก็ตาม ตัวเครื่องสามารถตั้งรหัสผ่านได้ เพื่อป้องกันเด็กแอบมาหยิบไปใช้งานและมีหลอดไฟ
หลายคนคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ชายชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Ken Okuyama คือผู้ออกแบบ รถไฟหัวกระสุนที่มีความเร็วร่วม 200 mph, หุ่นยนต์, แว่นตา, เฟอนิเจอร์ รวมไปจนถึงรถแทรคเตอร์!! แต่สิ่งที่ทำให้นักออกแบบชาวญี่ปุ่นคนนี้โด่งดังไปถึงระดับโลก และเป็นที่ต้องการของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต้องการตัวเขามากที่สุด นั่นก็คือผลงานการออกแบบรถยนต์ของเขา ที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับ Top ติดอันดับต้น ๆ ของโลก ปีที่แล้ว Ken Okuyama เพิ่งจะสร้างความฮือฮาให้กับทุกสายตาที่งาน The Quail ซึ่งจัดขึ้นที่ Monterey เมื่อเค้าได้เผยโฉมเจ้า V12-powered Kode 57 Supercar และในปี 2017 นี้ เขาก็กลับมาพร้อมกับ Supercar สุดพิเศษที่ถูกออกแบบ และทำขึ้นมาเพียงคันเดียวเท่านั้น โดยครั้งนี้เขาให้ชื่อของผลงานว่า “Kode O” (ออกเสียงว่า โค้ดซีโร่) ณ Monterey Peninsula ที่ California งาน The Quail ทีว่านี้คือ หนึ่งในไฮไลต์ของซีรี่ส์งานแสดงนวัตกรรมยานยนตร์ที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงงานชื่อดังอย่าง Pebble Beach Concours d’Elegance ที่รวมเอาผู้คลั่งไคล้ในนวัตกรรมยานยนต์
เปิดตัวอย่างน่าตื่นตาตื่นใจไปแล้วพร้อมกันทั่วโลก กับกล้องเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Nikon D850 ที่อัพเกรดสเปคเทพ ๆ ใส่กล้องมาให้เพียบ แน่นอนว่า UNLOCKMEN ได้ไปจับสัมผัสมาเป็นที่เรียบร้อย ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี คุณภาพไฟล์ของ Nikon นี่ไม่ต้องสืบ คมชัดจากรากฟันไปยันเงา แถมยังอัพเกรด Video ลบคำปรามาสที่เคยโดนสบประมาทว่ามีดีแค่ภาพถ่าย น่าเสียดายที่ราคายังไม่เปิดเผย แต่ยังไงก็อยู่ที่หลักแสนแน่นอน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหยิบมาเปรียบเทียบกับเจ้าพ่อ Full Frame Mirrorless “Sony a7R Mark II” ไปดูกันว่าเปรียบเทียบสเปคกันแล้ว ใครมีอะไรเหนือกว่ากัน ถ้าเรื่องขนาดและน้ำหนักไม่ใช่ปัญหา ถือได้ว่า Nikon D850 เป็นกล้องที่ครบเครื่องพอสมควรเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะกล้องตัวไหน ก็ล้วนเป็นกล้องที่ดีสำหรับมืออาชีพได้ทั้งนั้น ไปลองใช้ดูกับมือด้วยตัวเองจะชัวร์ที่สุด ดีกว่ามานั่งทะเลาะกันใน Facebook ว่ากล้องใครดีกว่ากัน เถียงไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคนถ่ายที่อยู่ข้างหลังกล้องมากกว่า เอาเซียนมาถือกล้องไม่กี่ร้อย ก็ได้ภาพที่สวยอยู่ดี เหมือนคำคมที่ซามูไรเก่าแก่เคยพูดว่า “กระบี่ดีอยู่ที่ใจ ใช่ราคา“ สุดท้ายก่อนจาก เรามีตัวอย่างภาพและวีดีโอที่ถ่ายโดย D850 มาให้ชมประกอบการพิจารณา Table courtesy of
ก่อนที่เราจะไปแนะนำวิธีเพิ่ม Followers กัน UNLOCKMEN ขอพูดเกริ่นแสดงความยินดีกับ Hashtag ที่หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับเครื่องหมาย # หรือที่เรียกกันว่า Hashtag กันดีอยู่แล้ว แต่รู้เปล่าว่าตอนนี้เขาครบรอบ 10 ปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Hashtag เป็นเสมือนตัวช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข่าวสารยอดฮิต ณ ขณะนั้น ๆ ได้แบบง่ายดาย โดยเริ่มต้นมาจากนักเทคโนโลยีหัวใสคนหนึ่ง พยายามค้นหาวิธีให้กลุ่มคนพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นบนทวิตเตอร์ เพราะมันจำกัดตัวอักษรที่พิมพ์ได้แค่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น how do you feel about using # (pound) for groups. As in #barcamp [msg]? — ⌗ChrisMessina (@chrismessina) August 23, 2007 ครั้งแรกในการใช้งานเกิดจาก Chris Messina ใช้โพสต์ข้อความบน Twitter ว่า #barcamp เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2007 หลังจากนั้นก็มีการนิยมใช้กันมาเรื่อย
Bayerische Motoren Werke AG หรือชื่อภาษาอังกฤษ คือ Bavarian Motor Works (BMW) นั้น ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่า พวกเขาถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ Luxury และ Super Performance ชั้นนำระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่า แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักพวกเขาเป็นแน่ แต่เชื่อหรือไม่ว่า แบรนด์ที่ยังคงโดดเด่นที่สุดของโลก และยังเป็นแบรนด์ที่เรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดของ Big 3 ผู้ผลิตรถรายใหญ่ในประเทศ German ครั้งหนึ่ง Bavarian Motor Works (BMW) เกือบจะกลายเป็นตำนานที่เหลือแค่ชื่อไปแล้ว ภายใต้ผลกระทบจากสนธิสัญญา Versailles วันนี้ถ้าหากคุณคิดว่าคุณคือ แฟนพันธุ์แท้ของ BMW แล้วล่ะก็ ต่อไปนี้คือเครื่องพิสูจน์ กับข้อเท็จจริงที่เบื้องลึกจะมีน้อยคนนักจะรู้เกี่ยวกับ BMW “Signature Front Face” หลายคนเห็นแว้บแรกก็รู้ได้ทันทีเลยว่า รถยนต์คันไหนเป็นรถจากแบรนด์ BMW นั่นก็เพราะ ความโดดเด่นบริเวณกระจังหน้าที่บางคนก็บอกว่ามันเป็นฟันหนู บางคนก็บอกว่ามันเหมือนรูจมูก ฯลฯ แต่ที่แน่
รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคนั้น เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน และเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า ทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีของเราพัฒนามากขึ้นทุกวัน แต่เราก็ยังพยายามที่จะกลับไปหาอะไรในแบบเก่า ๆ กันอยู่ตลอด อย่างเช่นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงต่อไปนี้ นั่นก็คือ “Monday Motorbikes M1 Crossover Bike” Smart Electric Motorcycle ที่ทำมาเพื่อให้ใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างของรถมอเตอร์ไซค์ในยุค ’70 และ ’80 มาผสมผสานกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน โดยกลุ่มนักสร้างรุ่นใหม่ไฟแรง Bolt Motorbikes ใน California เมื่อคุณเห็น “Monday Motorbikes M1 Crossover Bike” ครั้งแรก คุณจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่า ความอิสระ อาจจะด้วยการออกแบบที่ไม่ได้ยึดติดขั้นตอนการผลิตรถมอเตอร์ไซค์แบบเดิม ๆ นอกจากนี้ ความอิสระยังเป็นคอนเซ็ปต์ของทาง Bolt Motorbikes ที่ต้องการสร้างรถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งของเมืองหลวง แต่ยังคงความมีสไตล์ แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มักมีรูปทรงหน่อมแน้ม หรือมีตระกร้าติดอยู่หน้ารถ ซึ่งทำให้ผู้ชายอย่างเราเป็นต้องส่ายหน้า เมื่อคุณขี่ “Monday Motorbikes M1 Crossover
บทสรุปของสงคราม Application Music Streaming ใครกันที่คนส่วนใหญ่ไว้ใจเลือกใช้งานมากที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ทาง Google ได้เผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยชิ้นใหม่ที่สร้างทั้งความดีใจและเสียใจให้กับหลายคนไม่น้อย เมื่อเหล่าทีมวิจัยของ Google Research ได้เผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยล่าสุดสู่สายตาคนทั่วโลกอย่างการใช้อัลกอริทึมลบลายน้ำให้ออกไปจากภาพถ่าย งานนี้เอาเหล่าตากล้องอาชีพ หวาดวิตกกันพอสมควรตั้งแต่มีข่าวนี้ปล่อยออกมา เพราะว่าสิ่งเดียวที่เราจะสามารถบ่งบอกความเป็นเจ้าของชิ้นงานเกี่ยวกับภาพได้คงมีเพียงการใส่ลายน้ำ (Watermark) ลงไปบนชิ้นงานเท่านั้น แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี โดยทีมวิจัยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ารูปแบบลายน้ำที่เราเห็นกันเกลื่อนตามเว็บ Stock Photos เป็นเรื่องยากมากที่เราจะใช้ฝีมือรีทัชมันออกไป แล้วนำไปใช้ต่อได้อย่างราบรื่น (ขนาดเซียน Photoshop ยังต้องใช้เวลาพอสมควร) แต่จุดเหมือนที่สังเกตและนำไปต่อยอดคือลายน้ำเหล่านี้มักจะมีแพทเทิรน์ในการทำงานที่ค่อนข้างตายตัว อย่างเช่นจาง ๆ ลด Opacity นิดหน่อย งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกเผยแพร่ในชื่อว่า On the Effectiveness of Visible Watermarks เป็นการใช้อัลกอริทึมลบลายน้ำที่ฝังอยู่ในรูปภาพให้หายเกลี้ยงได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที แถมทำงานได้อัตโนมัติ ยิ่งถ้ามีภาพหลายภาพที่ใช้ลายน้ำเดียวกัน ระบบการทำงานก็จะยิ่งทำให้ระบบนี้สมบูรณ์แบบในการวิเคราะห์ขึ้นไปอีก หลักการทำงานจะมองลายน้ำเป็น Noise แล้วจัดการคิดวิเคราะห์ลบ Noise นั้นทิ้งไป จนกลายเป็นรูปภาพสวยงามปราศจากลายน้ำให้กวนใจ เรียกว่าถ้าเปรียบเทียบการใช้ Photoshop รีทัชเอง ระบบอัลกอริธึมอันนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างกันทั้งด้านเวลาและประสิทธิภาพอย่างชิ้นเชิงเลยทีเดียว งานนี้ UNLOCKMEN ต้องบอกเลยว่าเหล่าช่างภาพมีเสียวกันทั่วหน้า ยิ่งเฉพาะสำหรับใครที่ขาย Stock Photo เป็นหลัก ปกติเราจะใส่ลายน้ำชื่อตัวเองไว้เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์