Ferrari 12Cilindri ชื่อรุ่นใหม่มาจากภาษา Italian แปลว่า “12 cylinders” เป็นการตอกย้ำถึงเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร NA V12 ที่ถูกเลือกมาอัพเกรดวางใต้ฝากระโปรงหน้าของ Super Grand Tourer โมเดลล่าสุดที่มาแทน 812 Superfast ให้พละกำลังแรงสะใจถึง 819 แรงม้า แรงบิด 678 นิวตันเมตร รอบจัดลากได้ถึง 9,500 rpm เครื่องยนต์ 6.5 ลิตร NA V12 ซึ่งเป็น flagship engine ของ Ferrari ผ่านการเปลี่ยนไส้ในด้วยวัสดุ titanium และ aliminum alloy เคลือบด้วยสาร Diamond-Like-Carbon coating ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น ลดน้ำหนักพร้อมเสริมความทนทานในระดับเดียวกับรถแข่ง Formula 1 นอกจากนี้ยังมีการเขียน software เรียก max torque
โมเดลที่ขายดีที่สุดของ Lamborghini Urus เปิดตัวขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ทั้งแรงและเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ลดไซส์เครื่องเล็กลง ยังคงเป็นเครื่องขนาด 4.0-liter V8 ทำงานร่วมกับ e-motor ให้กำลังรวมมากถึง 789 hp แรงบิด 701 lb-ft มาตั้งแต่ 1,750 rpm ทำเวลา 0-100 km/h ได้ 3.4 วินาที เร็วกว่า Urus S อยู่ 1 วินาที แต่ยังเป็นรอง Performante อยู่ 1 วินาทีเช่นกัน ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 310 km/h Lamborghini Urus SE ใช้แบตเตอรี่ความจุ 25.7 kWh ซ่อนอยู่ใต้ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 60 km ใน EV Mode ขับความเร็วสูงสุดได้
New Mercedes-Benz Electric G-Class ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ The Geländewagen ที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ แทนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังคงความแกร่งพร้อมลุยเส้นทาง off-road ได้เหมือนเดิม ใช้ชื่อโมเดลว่า G580 with EQ Technology แทนที่ EQG ขุมพลัง quad-moto มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวครั้งแรกของ Mercedes-Benz ประกบสร้างพลังงานให้แต่ละล้อ ให้พละกำลังรวม 579 แรงม้า แรงบิดมากถึง 1,165 นิวตันเมตร แรงบิดมากกว่าตัว AMG G63 ถึง 315 นิวตันเมตร ทำเวลา 0-100 ใน 4.4 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 116.0-kWh เก็บอยู่ในเคสซึ่งรวมอยู่กับเฟรมของรถเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วยแผ่นปิดใต้รถผลิตจาก carbon-reinforced plastic ปกป้องจากเศษฝุ่นและน้ำ ช่องชาร์จอยู่ด้านหลังมาแทนที่ตำแหน่งล้ออะไหล่ของรุ่นปกติ ขับได้ระยะทางสูงสุด 384 กิโลเมตร ค่อนข้างน้อยไปหน่อยในยุคนี้ การชาร์จ
แม้จะเป็น AMG แบบมีช่องชาร์จไฟ แต่ก็สบายใจได้เพราะเครื่องยนต์ไม่ลดไซส์ ยังคงใช้ขุมพลัง 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง ให้แรงให้แรงม้ามากกว่าที่ผ่านมา จากเดิม AMG E53 มีม้าประจำการ 429 hp แต่ใน E53 รุ่นใหม่ทำงานพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมมากถึง 577 hp แถมมีสูตรลับปรับโหมด Activating Race Start เพิ่ม output รวมสูงสุดเป็น 603 hp แรงบิด 750 Nm พาบอดี้ใหญ่และหนักของ Sedan ทะยานถึง 100 km/h ได้ใน 3.8 วินาที ส่วน Wagon ก็อยู่ที่ 3.9 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 250 km/h สามารถปลดล็อคเป็น 280 km/h แบบประกันไม่หายได้ด้วย AMG
ตั้งแต่ปี 2015, TAG Heuer ได้ก้าวสู่แนวหน้าของโลกแห่งนาฬิกาสมาร์ทวอชอันหรูหรา และกลายเป็นนาฬิกายอดนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักกอล์ฟ การเปิดตัว Connected Caliber E4 Golf Edition ของ TAG Heuer ในปี 2022 ได้สร้างชื่อเสียงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ในด้านกีฬา ในช่วงเวลาที่กีฬากอล์ฟดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่มากขึ้น TAG Heuer และ Malbon Golf ผนึกกำลังกันเพื่อมอบมุมมองที่สดใหม่ให้แก่เกมการแข่งขัน โดยทั้งสองแบรนด์มีหลักปฏิบัติร่วมกัน นั่นคือความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง ปฏิเสธที่จะทำตามกระแส และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง ความสัมพันธ์ที่เหมือนกันระหว่าง TAG Heuer ซึ่งมีประวัติศาสตร์ด้านการผลิตนาฬิกาอันยาวนาน การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ และภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งในโลกกีฬา และ Malbon Golf ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านความหลงใหล นวัตกรรม และไลฟ์สไต์การเล่นกอล์ฟ ได้ปูทางไปสู่ความร่วมมือที่มีจุดประสงค์สุดพิเศษ Malbon Golf ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยผู้ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ Stephen และ Erica Malbon ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มของเหล่าผู้หลงใหลในกีฬากอล์ฟและการแสดงออกผ่านแฟชั่น
Harley-Davidson เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุด เสริมทัพคอลเลคชันลิมิเต็ดอิดิชันอย่าง Icons และ Enthusiast ที่มาพร้อมสีพิเศษระดับพรีเมียม การออกแบบด้วยแถบกราฟิก และเทคโนโลยีการลงสีที่ล้ำสมัย ถูกผลิตออกมาในแบบคัสตอมจากโรงงาน รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Icons Collection: สี Hydra-Glide Revival การเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Icons Collection สี Hydra-Glide Revival ปี 2024 หรือรุ่นที่ 4 จาก Icons Collection ของ Harley-Davidson ถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการคิดค้นระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบก้าน Hydra-Glide สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น E และรุ่น F ในปี 1949 ซึ่งหลังจากเปิดตัวระบบกันสะเทือน Hydra-Glide ในรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่น FL นักขับขี่ชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มออกไปผจญภัยบนเส้นทางใหม่ ตามถนนทางหลวงอินเตอร์สเตต (Interstate highways) สำหรับรถมอเตอร์ไซค์สี Hydra-Glide Revival ปี
Apple เปิดตัว MacBook Air ใหม่พร้อมชิป M3 อันทรงพลัง ซึ่งจะยกระดับประสิทธิภาพที่ประหยัดพลังงานและความสะดวกในการพกพาที่ผสานกันอย่างลงตัวไปอีกขั้น และชิป M3 ก็ทำให้ MacBook Air เร็วขึ้นสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับชิป M1 และเร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่มีโปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด ยิ่งกว่านั้นเมื่อมี Neural Engine ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นในชิป M3 ด้วยแล้ว MacBook Air จึงยังคงเป็นแล็ปท็อประดับผู้ใช้ทั่วไปที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI เช่นเดิม MacBook Air ทั้งรุ่น 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว มาพร้อมดีไซน์ที่บางเฉียบและเบาเป็นพิเศษ, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง, จอภาพ Liquid Retina ที่สวยงามน่าทึ่ง และความสามารถใหม่ๆ อย่างการรองรับจอภาพภายนอกสูงสุด
1 ใน 399 road-legal BMW M1 ในจำนวนนี้มีบอดี้สี Silver Polaris metallic ออกจากโรงงานเพียง 3 คัน นี่คือตำนานที่ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นภายใต้ทีม M Division ตามข้อบังคับ homologation โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการคว้าชัยชนะในโลกแห่ง motor sports จากเดิมที่ BMW แพลนจะร่วมมือกับ Lamborghini ในการพัฒนาโครงสร้าง mid-engine layout chassis แต่ด้วยปัญหาทางการเงินของค่ายรถจาก Italy ทำให้ BMW นำ M1 กลับมาพัฒนาทั้งหมดแบบ in-house อีกครั้งในปี 1978 และในที่สุด M Division ก็สามารถสร้างรถที่มาทดแทน BMW 3.0 CSL race cars ได้สำเร็จ Giorgetto Giugiaro ออกแบบ BMW M1 ได้อย่างน่าประทับใจทั้งดีไซน์ที่สวยงามสร้างจาก
Mercedes-Benz 190E 2.5-16 Evolution I & II ผลงานอันยอดเยี่ยมที่เกิดจากข้อบังคับ homologation เช่นเดียวกับ Renault’s R5 Turbo, Audi Sport Quattro, BMW E30 M3 ร่างทองของ Baby Benz เปิดตัวห่างกัน 1 ปี 190E 2.5-16 Evolution I ถูกสร้างขึ้นในปี 1989 จำนวน 502 คัน ชุดแต่ง aerodynamic pack ถูกติดตั้งให้รองรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.5-liter 4 สูบเรียงที่ผ่านการอัพเกรดให้มีรอบที่จัดจ้านและมีกำลังให้ใช้มากขึ้น ทำให้ผู้คนในงาน Geneva Motor Show ต่างจดจำร่างโหดของ 190E ที่ดูยังไงเหมือนคล้าย DTM cars 190E 2.5-16 Evolution I ทำผลงานได้ดีในปีนั้น
โปรแกรม BMW Driving Experience เป็นโปรแกรมฝึกอบรมการขับขี่รถยนต์อย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้ผู้ขับสามารถประเมินสถานการณ์และรับมือได้อย่างเหมาะสม โดยโปรแกรมดังกล่าวเริ่มขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2520 ในประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินการโดย BMW Motorsport GmbH ด้วยเป้าหมายที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมนักแข่ง มาให้แก่ผู้ใช้ยานพาหนะทั่วไป เพื่อยกระดับศักยภาพระหว่างคนกับรถยนต์ ให้ได้ทักษะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ สำหรับในประเทศไทย ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จัดคอร์สฝึกอบรม BMW Driving Experience ครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 20 ของกิจกรรม BMW Driving Experience ในประเทศไทย ซึ่งได้มีการยกระดับรูปแบบของโปรแกรมให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและขยายศักยภาพในการรองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ถึง 30 คน ภายใต้ความร่วมมือของผู้สนับสนุน 3 ราย ได้แก่ อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด, มิชลิน ประเทศไทย และบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล