การออกแบบโลโก้ที่เป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ สามารถฉีกไปได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างอิสระ สัญลักษณ์ หรือแม้แต่ตัวหนังสือ มันทำได้หมด แค่เป็นที่จดจำของลูกค้าแค่นั้นก็ถือว่าตอบโจทย์ของการเป็นโลโก้ในตัวมันเองแล้ว สำหรับใครที่ทำงานสายนี้ หรือกำลังปั้นแบรนด์ของตัวเอง UNLOCKMEN มาแนะนำทริกดี ๆ สำหรับการนำ TYPO มาทำเป็นโลโก้สำหรับแบรนด์มาฝากกัน หนุ่ม ๆ สายดีไซน์จะได้ไม่ตกม้าตายกับเรื่องง่าย ๆ อย่างโลโก้ HandWritten Typeface กับ HandWriting จริง ๆ HandWriting ยังคงเป็นอะไรที่ไม่เคยตาย แม้ในจะผ่านในยุคตัวหนา ตัวบาง โมเดิร์น วินเทจ อะไรจะขับเคลื่อนไปยังไงก็ช่าง แต่ HandWriting ก็ไม่เคยตกยุคไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม คงเป็นเพราะความมีชีวิตชีวาในลายเส้นของมัน ที่ทำให้มีเสน่ห์อยู่ในตัวเสมอ เวลาใช้ในงาน Art Work สักชิ้น เราคงคุ้นชินกับการโหลดฟอนต์ HandWriting มาใช้แล้วจบไป เพราะฟอนต์เองก็ปรับระยะได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะระยะห่างระหว่างบรรทัด ช่องไฟ ตัวหนา เอียง ได้ดั่งใจเราหมด แบบที่เป็นมาตรฐานเท่ากันทุกตัวด้วย ซึ่งต่างจาก HandWriting ที่ใช้มือเขียนจริง ๆ ที่แต่ละชิ้นมันเป็นงานชิ้นเดียวในโลก วาดใหม่แต่ละทีก็ไม่เหมือนกันแล้ว ขนาดความหนา
นอกจากเนื้อหาแล้ว การจัดวางตัวหนังสือ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสื่อสารด้วยตัวอักษร ไม่ว่าจะอยู่ใน Platform ไหนก็ตามแต่ ความสบายตาเวลาอ่าน ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะจูงใจให้คนอ่าน อยากอ่านเรื่องนั้น ๆ หรือยอมอ่านต่อไป ไม่ว่ามันจะยาวเหยียดแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องของตัวหนังสือมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะการเลือก FONT การจัดย่อหน้า การแบ่งวรรค ตำแหน่งของภาพและข้อความ UNLOCKMEN จะพามาตะลุย FONT บน WEB DESIGN แบบง่าย ๆ ให้จัดวางกันได้อ่านง่ายสบายตา ให้อ่านเพลินจนลืมไปเลยว่าหมดโควต้าแปดบรรทัด Typography ที่ดีคืออะไร ? ถ้าจะให้บอกแบบทื่อ ๆ ว่าสไตล์ไหนถึงจะดี ถึงจะใช่ มันก็ดูเอาแต่ใจเกินไปหน่อย เพราะสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของรสนิยม ความชอบ มันตัดสินด้วยคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงคำว่า “ดี” ในแง่ของการใช้งาน ก็คงจะเป็นอะไรที่แคบลงมาหน่อยและพอจะเห็นภาพมากขึ้น เรื่องของเนื้อหาการเขียน Copy คงยกหน้าที่นี้ไปไว้ที่ Writer แบบเต็มตัว แต่การจัดการเนื้อหาเหล่านั้นให้มาอยู่ใน WEB ได้แบบไม่ขัดหูขัดตา อันนั้นก็คือหน้าที่ของหนุ่มสาย DESIGN นี่แหละ พอมาเป็น Platform ของเว็บไซต์แล้ว “การทำให้อ่านง่าย