หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมารณรงค์ขอความร่วมมือให้ชาวโลกออกจากบ้านให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมถึงหลายประเทศที่ออกมาตรการเด็ดขาดห้ามประชาชนออกมาข้างนอกตามเวลาที่กำหนด ดูเหมือนว่าความเครียดจะพุ่งสูงขึ้นทุกพื้นที่ เพราะการอยู่แต่ในบ้านอาจทำให้ผู้คนห่อเหี่ยวและหมดเรี่ยวแรง องค์การระดับโลกหลายแห่งพยายามหาทางออกของปัญหาวิกฤตไวรัส จึงทำให้องค์การอนามัยโลกยอมจับมือกับบริษัทผู้ผลิตเกมหลายแห่ง สนับสนุนให้ประชาชนที่กักตัวอยู่ในบ้านหันมาเล่นเกมออนไลน์ระหว่างที่รัฐบาลแต่ละประเทศกำลังเร่งจัดการไวรัสโควิด-19 ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 องค์การอนามัยโลกเคยระบุในคู่มือสำหรับการวินิจฉัยโรคระหว่างประเทศ หรือ The International Classification of Diseases (ICD) ที่ถือเป็นคู่มือสำหรับแพทย์ที่โลกว่าพฤติกรรมการติดเกม (Gaming disorder) ถือเป็นอาการป่วยทางสุขภาพจิตชนิดหนึ่ง ไม่ว่าคนคนนั้นจะติดจะเกมออนไลน์หรือวิดีโอเกมก็ตาม เหตุที่การติดเกมถูกระบุว่าเป็นอาการทางจิตเนื่องจากผู้เล่นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คนที่ติดเกมจะไม่สามารถแบ่งเวลาหรือจำกัดเวลาที่ตัวเองเล่นได้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและส่งผลเสียต่อสุขภาพ ครอบครัว สังคม การเรียนหรือการทำงานในระยะยาว บางคนเมื่อขาดการเล่นเกมจะมีอาการ ‘ลงแดง’ ไม่ต่างกับคนที่เป็นพิษสุราเรื้อรัง ซึ่งการระบุว่าการติดเกมเป็นอาการทางสุขภาพจิตในคู่มือ ICD ถือเป็นการปรับปรุงเนื้อหาคู่มือในรอบ 27 ปี แต่เวลานี้องค์การอนามัยโลกออกมาบอกให้ประชาชนเริ่มเล่นเกมกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกย้ำว่าคนที่ชอบเล่นเกมกับคนที่ติดเกมไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับคนที่ชื่นชอบดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจแต่ไม่เดือดร้อนหากไม่ได้ดื่มทุกวัน พวกเขากังวลว่าคนที่ดำดิ่งกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากไปจะทำให้เกิดปัญหาตามมาและส่งผลลบที่อันตรายเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าทุกคนชอบเล่นเกมจะมีความผิดปกติทางจิต สำหรับช่วงต้นปี 2020 ภาคธุรกิจเกมพบว่าเกมออนไลน์ได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Boomberg) ที่รายงานเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินระบุว่าพบอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวอิตาลีเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลบังคับใช้กฎเข้มงวดที่ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้าน บริษัทที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่เป็นอับดับสองของสหรัฐอเมริกาอย่าง เวไรซอนไวร์เลสส์ (Verizon Wireless)
“ติดเกม ไม่ติดเกม” ยังเป็นประเด็นที่มาแรงเสมอ โดยเฉพาะกับหนุ่มทุกคนที่ Work กันเต็มเหนี่ยว Play กันแบบเข้าเส้นไม่ว่าจะอายุขนาดไหน ถ้ายังจำกันได้เมื่อปลายปีที่แล้ว “โรคติดเกม” ได้รับการวิเคราะห์จากนักจิตวิทยาจัดให้เป็นหนึ่งในอาการทางจิตและได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และล่าสุดจัดให้เป็นโรคที่ควรได้รับการบำบัดรักษาทางการแพทย์โดยเผยแพร่ผ่านคู่มือสำหรับการวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ หรือ ICD (The International Classification of Diseases) “Game Disorder” คือคำนิยามโรคสำหรับเรียกอาการติดเกม ซึ่งพี่ใหญ่ WHO เขาให้คำอธิบายโรคนี้ใน ICD เอาไว้ว่า “อาการติดเกมไม่ว่าจะเป็นรูปแบบดิจิทัลหรือวิดีโอเกม โดยมีพฤติกรรมการเล่นเกมต่อเนื่องซ้ำกันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในปริมาณที่มากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น” ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นคีย์หลัก 3 เรื่อง ได้แก่ ไม่สามารถควบคุมการเล่นเกมได้ ทั้งการเริ่มต้นเล่น ความถี่ ความรุนแรง ระยะเวลา การเลิกเล่นเกม ไปจนถึงบริบทอื่น ๆ การให้ความสำคัญกับการเล่นเกมเหนือกิจกรรมอื่นในชีวิตและกิจวัตรประจำวัน แม้พบผลเสียหรือเกิดผลกระทบในทางลบกับตัวเองก็ไม่สามารถหยุดการเล่นเกมได้ Shekhar Saxena ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการใช้สารเสพติดบอกว่า สถิติที่เรียกได้ว่าเป็นขั้นที่แย่ที่สุดตั้งแต่เคยพบมาในโลกนี้คือ gamer ที่เล่นเกมต่อเนื่องแบบไม่ทำอย่างอื่นติดต่อกัน 20 ชั่วโมง ข้าวไม่กิน นอนไม่นอน