ท่ามกลางแสงไฟและความสว่างไสวบนโลกใบนี้ ยังมีโลกอีกใบหนึ่งที่ดำมืด ถ้าด้านสว่างมีผู้คุมกฎหมายคือตำรวจ ผู้รักษากฎทางฝั่งโลกมืดก็คงจะเป็นมาเฟีย แต่มาเฟียบนโลกนี้ก็อยู่หลากหลาย เช่น อิตาลีที่มี La Cosa Nostra อเมริกามีมาเฟีย แต่พวกเราเคยคิดสงสัยกันบ้างมั้ย? ว่าอะไรที่ทำให้ทุกคนต่างศรัทธา และทำเพื่อองค์กรทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีอันตรายมากมายรออยู่ และการที่คุณได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแล้ว ต้องเป็นไปตลอดชีวิต แต่ก็ยอมแลกชีวิตด้านสว่างที่เหลือเข้าสู่เส้นทางดำมืด แต่ถ้าพูดถึงมาเฟียบนโลกนี้ คงจะไม่พูดถึงองค์กรที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 300 ปี อยู่รอดผ่านมาทุกยุคสมัย องค์กรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เข้มงวด ยิ่งใหญ่ นามว่า Yakuza The History of “Yakuza” Yakuza คำที่เราได้ยินมายาวนานนี้ ต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 1612 ยุคที่ญี่ปุ่นยังมีซามูไร พวกเค้าถูกเรียกว่า Kabuki-Mono (คนบ้า) นั่นก็เพราะพฤติกรรมชอบดึงดูดความสนใจคนอื่น ไปไหนมาไหนชอบเป็นจุดเด่น อยากให้คนรู้สึกว่าพวกเค้าน่ะเจ๋ง จนไปสะกิดต่อมหมั่นไส้ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้า กลายเป็นกลุ่มที่พวกเจ้าหน้าที่มักเพ่งเล็งที่จะหาจังหวะเก็บกวาดพวกเค้าอยู่แล้ว อีกอย่างที่ Kabuki-Mono พวกนี้นิยมก็คือ การแต่งกายแปลกๆ สีสันฉูดฉาดเด่นสะดุดตา ตัดผมทรงที่คนปกติเค้าไม่ตัดกัน พฤติกรรมกร่างเก๋าหยาบคาย ไปไหนมาไหนมักจะพกดาบซามูไรที่ยาวอย่างกับราวตากผ้า พูดจาด้วยภาษาที่เข้าใจกันในเฉพาะพวกพ้อง ซึ่งต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง
ขเดือนเมษายนวนกลับมาทีไรนอกจากฤดูร้อน (ที่ปีนี้ดันมีฝนตก แถมอากาศหนาวซะได้) หรือการพักผ่อนยาว ๆ และวันหยุดสงกรานต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ตราตรึงใจชายไทยทุกยุคทุกสมัยคงหนีไม่พ้นการคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือที่เราเข้าใจกันง่าย ๆ ว่าการเกณฑ์ทหารนั่นเอง แม้จะมีคนอยากเป็นทหารเกณฑ์เพื่อไปรบกับหญ้า ฆ่ากับมด หรือฝากตัวรับใช้นายจำนวนไม่น้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายังมีผู้ชายอีกล้นหลามที่ตะโกนว่า “ไม่เอาโว้ยยย! กูไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์” แล้วเราจะหนีการเกณฑ์ทหารได้จริงหรือไม่ ? แล้วจะมีทางไหนที่หนีได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่ผิดกฎหมายบ้าง ? (อยากรู้ล่ะสิ หึ!) สิ่งที่มาคู่กับการจับใบดำใบแดงในทุก ๆ ปีของบ้านเรา คงหนีไม่พ้นหัวข้อการถกเถียงว่า “เราควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่?” อาจจะให้สมัครแบบเต็มใจโดยมีสวัสดิการที่ดีมารองรับเหมือนอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ต้องเกณฑ์คนไปยืนจับใบดำใบแดงให้เป็นลมแล้วเป็นลมอีก แต่ทั้งทุนการศึกษา โอกาสในมหาวิทยาลัย และสวัสดิการที่โคตรดี จนทั้งชายและหญิงแห่ไปสมัครกันเป็นทหารจนล้นหลาม แต่อีกทางก็มีเสียงคัดค้านว่าทหารคือกำลังของชาติ รั้วของชาติซึ่งต้องธำรงไว้ให้อยู่สืบไป ที่สำคัญหากมีศึกสงคราม ข้าศึกบุกเข้าประชิด เราก็จะได้มีศักยภาพที่พร้อมรับมือได้แบบสมศักดิ์ศรี นอกจากดราม่าทั่วไปตามกระทู้พันทิปที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ไหนจะสเตตัสเฟซบุ๊กที่ถกเถียงกันจนเป็นดราม่า ก็มีรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญที่เชิญกูรูตัวจริงอย่าง พันเอก ไตรจักร์ นาคะไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการสัสดี มาถามกันชัด ๆ ไปเลยว่า “ตกลงถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารต้องทำอย่างไร” พันเอกไตรจักร์ก็ตอบตรง ๆ
โหนกระแสมันสนุก ใครเกาะทันข้ามวันข้ามคืนก็กลายเป็นคนดัง เราทุกคนรู้ดีว่าในยุคนี้ดาวใหม่สายไอดอลเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เมื่อได้รับความสนใจไม่ว่าจะจากเรื่องดีหรือไม่ดี ขอเพียงการกดคลิกไลค์เล็กน้อย กับยอดวิวตัวเลขใต้แชนแนล Youtube คนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อเรื่องเหล่านั้น แต่หนนี้เราเห็นปุ๊บถึงกับต้องสบถเลยว่า “What the f*ck!” ใจมันจะสู้เกินไปไหมเพราะวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวอเมริกันออกมานำเทรนด์ฉีกถุงยางขึ้น สูด สูด สูด และสูดปรื้ดทะลุจากรูจมูกจากนั้นดึงออกมาทางปาก แล้วส่งคำท้าใส่กันใต้ชื่อ “Condom Snorting Challenge” “Condom Snorting Challenge” มันไม่ใหม่เรียกได้ว่า 5-6 ปีจะโผล่มาสักครั้ง โดยวีรกรรมสุดแผลงนี้อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาในปี 2550 ก่อนจะซาไปโผล่มาใหม่ในปี 2556 อีกหน จนมาถึงปีนี้ที่มีความพยายามจะเอาเรื่องนี้กลับมาแลกยอดไลค์อีกครั้ง งานนี้คงไม่ต้องมีใครบอกว่าผลที่ออกมามันจะแย่แค่ไหน เพราะหมอเขาออกมาการันตีว่าไม่ว่าเราจะคิดยังไง มันยังแย่ได้กว่าที่เห็น หากริอ่านจะเปลี่ยนจากสวมมาเป็นสูด Dr. Jennifer Villwock ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาโสต ศอ นาสิกวิทยาจาก University of Kansas ออกมาบอกว่าสูดไปมันอันตราย อย่าริไปลองเด็ดขาดเพราะอาจจะมีอาการเหล่านี้ ! Level 1
คงแว่วเข้าหูกันบ้างแล้วเรื่องเฟซบุ๊กโดนเอาใจออกห่างแล้วเมื่อมีข่าวคราวข้อมูลหลุดให้ว่อน ความ privacy เหลือศูนย์ ทำให้คนดังหลายกลุ่มและเหล่าแบรนด์ออกมาแสดงเจตจำนงว่า “ลากันที” ซึ่งล่าสุดคือพี่ชายหูกระต่ายอย่าง playboy ด้วยการลบ account ของเฟซบุ๊กของตัวเองที่มีคนติดตามมหาศาลถึง 25 ล้านคน พร้อมติดแฮชแท็กประกาศรัว ๆ ว่า #deletefacebook แต่อันที่จริงแล้วลบไปข้อมูลในอากาศของเราก็ใช่ว่าจะหายไปจากโลกออนไลน์เสียเมื่อไร Kevin Matthew หนึ่งในนักพัฒนาระบบเลยออกมาพูดในมุมของตัวเองในฐานะผู้ดูแลระบบว่า ความจริงไม่ว่าเราจะลบ account ไปยังไงมันก็ไม่ช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นของเราหายไปอย่างถาวร สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้ายยาข้อมูลที่เคยโพสต์เหล่านั้นไม่ให้มันอ่านออกหรือเอากลับมาใช้งานได้ง่าย ๆ เขาเลยลงทุนแจกสคริปต์และวิธีการใช้มาเผยแพร่ในโลกสาธารณะ เอาไว้ให้ตอบโจทย์ใครที่อยากจะเข้าแคมเปญนี้ หรือคนที่คิดว่าอยากจะลบบ้างไม่อยากใช้แล้วจะได้ลองเอาไปใช้กัน ตัวสคริปต์ที่ Matthew เขียนนั้นเขียนขึ้นจาก CasperJS การประมวลผลของมันแม้จะป่วนข้อมูลในระบบได้ แต่ตัว Matthew ก็ยังกำชับซ้ำว่า หนเดียวมันง่ายไป ขอสัก 5 หนก็น่าจะดีกว่า ปลอดภัยสูง โดยทำอย่างนี้สักประมาณ 3 เดือนข้อมูลเดิมที่เคยมีก็โดนขัดออกเสียเอี่ยมอ่อง ไม่ว่าใครก็อ่านไม่ออก และเอาชนะระบบ back up ของเฟซบุ๊กได้อย่างอยู่หมัดด้วย ดังนั้นถ้าคุณไม่ใจแข็งจริง อย่าไปลองทำเด็ดขาด เพราะทำไปแล้วมันจะเอากลับคืนมาไม่ได้นะเออ! ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายที่แท้จริงของ Mathew ในครั้งนี้ที่ไม่ได้มีเป้าหมายอยากสร้างสคริปต์ไว้ป่วนหรือคาดหวังผลกระทบวงกว้างในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊กแต่อย่างใด
โลกใบนี้สรรค์สร้างมนุษย์เราให้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์ เรามักจะติดภาพความรักสนุกที่ติดอยู่ใน DNA ของมนุษย์ผมบลอนด์ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะด้วยวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้ชาวหัวบลอนด์มักจะเป็นคนรักความสนุก ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง แต่สำหรับชาวหัวแดงที่เป็นส่วนน้อยของโลกใบนี้ที่มักถูกเรียกด้วยชื่อเล่นอย่าง “GINGERS” ล่ะ จะร้อนแรงเหมือนกับสีผมจริงมั้ย UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบกัน HOT LIKE GINGERS ใช่แล้วล่ะ อย่างที่ผลวิจัยบอกไว้ว่าสาวผมแดงเนี่ย มีเซ็กซ์บ่อยกว่าสาวผมบลอนด์และน้ำตาลซะอีก ผลวิจัยจาก Werner Habermehl PhD จาก Hamburg Research Institute ในประเทศ Germany เขาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของสีผมกับเซ็กซ์ในชีวิตประจำวันจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงกว่าร้อยคน ในงานวิจัยระบุไว้ว่า สาวผมแดงมักจะกระตือรือร้นในชีวิตเซ็กซ์มากกว่าผมสีอื่น และมีเซ็กซ์ที่ร้อนแรงกับคู่รักมากกว่าผมสีอื่นด้วย เขาเสริมไว้อีกนิดหน่อยว่าสำหรับคนที่ย้อมผมสีแดงมักจะเป็นคนที่ต้องการส่งสัญญาณให้คนทั่วไปรู้ว่าเขากำลังมองหาคู่รักอยู่ แม้แต่คนที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นนักกับคู่รักของเขา ถ้าลองย้อมผมเป็นสีแดง สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ทำไมผมแดงจึงร้อนแรง ? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาวผมแดง โดยเฉพาะแดงตามธรรมชาติเนี่ย มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ แค่มองจากด้านหลังเธอก็สวยเหมือนภาพวาดยุค Renaissance อย่างไรอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่ได้คิดเองเออเองแต่อย่างใด แต่มันเบสออนวิทยาศาสตร์ Dr. Jonathan Rees จาก The University of Edinburgh
เมื่อเดือนเมษายนกำลังคืบเคลื่อนมาถึงพร้อมหอบลมระอุแห่งฤดูร้อนมาด้วย ก็เป็นที่รู้กันดีว่านอกจากวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์และการพักผ่อนแล้ว สิ่งที่มาพร้อม ๆ กับเดือนเมษายนของทุกปีคือ “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” และปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานมีระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถ้าผู้ชายคนไหนยังงง ๆ ไม่รู้จะอ่านอะไรดี เรามีหนังสือ 5 เล่มที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ แนะนำให้อ่านกัน Barack Obama : The Power Barack Obama อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มักเจียดเวลามาอ่านหนังสืออยู่เสมอและมักแนะนำหนังสือที่เขาอ่าน เผื่อใครอยากจะอ่านตามบ้างให้เป็นประจำ สำหรับหนึ่งในหนังสือที่เขาแนะนำในปี 2017 ที่ผ่านมาคือ The Power ของ Naomi Alderman ไม่ต้องกลัวว่าจะเครียดเกินไปเพราะ The Power เป็นวรรณกรรม sci-fi ฝีมือนักเขียนชาวอังกฤษ ที่ว่าด้วยอำนาจที่เรามักเคยชินว่ามันอยู่ในมือผู้ชาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้หญิงสามารถพัฒนาความสามารถจนสามารถปล่อยไฟฟ้าออกมาจากนิ้วมือได้ และกลายเป็นเพศที่มีอำนาจควบคุม! แค่จินตนาการก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่ภายใต้ความเครียดผู้ชายอย่างเราต้องได้ขบคิดอะไรบางอย่างแน่นอน ถ้าไม่อยากพลาดความสนุกและประเด็นเรื่องอำนาจและความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้เช่นกัน
COUNTDOWN ต่อไปอีก 2 อาทิตย์ ก่อน D-day วันที่ 8 เมษายน 2561 ถึงจะได้เวลาปิดไฟว่างรับผู้โดยสารไปตลอดกาลภายใต้แบรนด์สีเทา – ดำ กับโลโก้ตัว “U” ของ UBER เพราะจากนี้ต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ใต้อาณัติของ GRAB โดยสมบูรณ์ จากข่าวที่ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการและกระฉ่อนที่สุดต้นสัปดาห์นี้ เรื่อง GRAB เข้าเทคโอเวอร์กิจการโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เหี้ยนกับการประกาศการจับมือครอบครัวเดียวกันระหว่าง GRAB และ UBER แต่ครอบครัวนี้เน้นสีเขียวเป็นใหญ่เท่านั้นเอง ชาว UNLOCKMEN คนไหนอยากจะมันส์และไม่ตกข่าวกับกลยุทธ์สุดพิเศษนี้มาตามดู RECAP ให้เป็นเรื่องเป็นราวด้านล่างกัน อุแว้ UBER บ๊ายบายยยย นายอูเบอร์เพื่อนยาก ไหน ๆ นายจะลอกคราบไปเกิดใหม่เป็น GRAB เราก็จะไม่ลืมการมีอยู่ของนาย เพราะก็พึ่งพากันมาแต่ไหนแต่ไร ขอบคุณนะที่ยกระดับการขับขี่แท็กซี่ไทย UBER ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว (ปี 2009) บุกลงสนามแท็กซี่สาธารณะในรูปแบบ niche market หรือตลาดเฉพาะที่เน้นรับลูกค้าหรู
หากคุณเป็นแฟนเพลงร็อคแล้วคงจะต้องรู้จักชื่อของ Aerosmith เป็นอย่างดีจากเพลง I Don’t Want to Miss a Thing โดยเฉพาะเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ Frontman สุดเท่ Steven Tyler ที่กลายเป็นตำนานยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ แต่ใครจะรู้ว่า Frontman คนนี้ก็เป็นนักเลงรถกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะรถคู่ใจของเขานั้นเป็นถึงไฮเปอร์คาร์ตัวแรงอย่าง Hennessy Venom GT ที่แรงติดอันดับ Top 5 ของโลก แบบเปิดประทุนรับลมปะทะบ้องหูแบบเต็ม ๆ ซึ่งรถคันนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นรถเร็วและแรงที่สุดในโลกคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ล่าสุด Steven Tyler ได้นำรถสุดรักคันนี้เข้าประมูลเพื่อการกุศลไปเสียแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับไฮเปอร์คาร์พลังแรงสูงคันนี้ให้มากขึ้นอีกนิด Venom GT ผลิตโดย Hennessey Performance Engineering สำนักปรับแต่งรถชื่อดังของอเมริกาซึ่งรองรับการปรับแต่งจูนรถหลากยี่ห้อนอกจากรถอเมริกัน ภายนอกของ Venom GT นั้นดัดแปลงโดยใช้ตัวถังของ Lotus Elise และ Exige แทบจะทั้งหมดมาทำตัวรถแม้กระทั่งภายในด้วย พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนและขยายตัวถังอีกหลายส่วนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจุดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้อยู่ที่ขุมพลังสุดโหดจนโลกต้องจารึก
*คำเตือนเนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้มีเจตนายั่วยุปลุกปั่นหรือชักจูงให้เกิดการเลียนแบบแต่อย่างใด จากรายงานของรัฐ Indianapolis ได้ประกาศแจ้งเตือนประชนชนถึงยาเสพติดตัวใหม่ที่กำลังระบาดอย่างหนัก ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า “KD” หรือบางคนรู้จักในนาม Katie และ Zombie ที่แม้อาจจะยังไม่ระบาดในประเทศไทย แต่ทีมงาน UNLOCKMEN ก็อยากนำข่าวมาแจ้งเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงโทษและไม่ควรเข้าไปยุ่งกับยาเสพติดทุกประเภทเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นโทษต่อร่างกายอีกด้วย KD คืออะไร ? KD ถือเป็นยาเสพติดที่กำลังระบาดอย่างมากทางตะวันออกของ Indianapolis ซึ่งมีส่วนประกอบของยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หนึ่งในนั้นคือยาฆ่าแมลงที่จัดว่าอันตรายต่อร่างกายมนุษย์อย่างมาก โดย IndyStar บอกว่า “KD มีกัญชา , พริก , ยาเส้น ใบตองกล้วย และยาฆ่าแมลงผสมอยู่ โดยความรุนแรงของมันถือว่าหนักหน่วงอย่างมาก เมื่อสูบเข้าไปแล้วจะทำให้คุณ Get-High แล้วร่างกายแข็งทื่อเหมือนซอมบี้ราว ๆ 45 นาที และเหตุผลที่ทำให้ KD ระบาดเนื่องจากราคาสุดถูกเพียง $20 (6xx บาท) เท่านั้น เจ้าหน้าที่ประจำเมือง Indianapolis ได้กล่าวว่า ยา KD นี้ “มีผลร้ายแรงทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ช้าลงและทำลายประสาทสัมผัสส่วนต่าง ๆ จนผิดเพี้ยนไป หากคุณสูบมันคุณสามารถเดินแก้ผ้าโดยไม่รู้สึกอะไร แถมยังกินกระจกหรือแม้กระทั่งเอาสิ่งสกปรกต่าง
ปฎิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเรามีความหลงใหลให้กับสรรพสิ่งที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบเก็บสะสมรองเท้า บางคนทุ่มทั้งเงินและเวลากับการตามหาของที่ระลึกจากนักร้องไอดอลเสียเงินกันเป็นหลักแสนเพื่อรูปถ่ายใบเดียว หรือกับบางคนชอบเอาเงินที่หาได้จากน้ำพักน้ำแรงไปลงกับพาหนะสี่ล้อ ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบส่วนบุคคล ไม่มีใครสามารถห้ามกันได้ แต่ทว่าเรามักได้ยินประโยคติดปากเวลาเจอคนซื้อของมีราคาค่างวดมา พร้อมเสียงแซะปนเหน็บแนมแบบติดตลกว่า “มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องโง่ด้วย” ซึ่งประโยคดังกล่าวเป็นอะไรที่เรามองว่ามันโคตรจะไม่เข้าท่า และอยากจะให้ทุกคนลองปรับทัศนคติความคิดในเรื่องนี้ใหม่ดู เนื่องจากมนุษย์ทุกคนล้วนมีความหลงใหลหรือที่เรียกว่า passion แตกต่างกันออกไป ไม่มีเรื่องใดเป็นสิ่งไร้สาระถ้าหากมันเกิดขึ้นจากความชอบ เราจะขอยกตัวอย่างสองเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอมาเล่าในอีกแง่หนึ่งสำหรับคนที่คิดลบเกี่ยวกับการซื้อของเก็บสะสมราคาแพงกันอยู่ เรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีชาวไทยคนหนึ่งโชคดี lucky draw ได้สิทธิ์ซื้อรองเท้า adidas NMD Hu “Powder Dye” ซึ่งเหตุการณ์ที่เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดานี้ได้เกิดขึ้น เพราะเจ้ารองเท้าคู่ดังกล่าวดันมีความผิดพลาดทาง QC ทำให้อักษรบนหน้ารองเท้าเหมือนกันอย่างผิดสเปค และเนื่องจากรองเท้าคู่นี้เป็น Limited Pair ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนคืนได้ เจ้าของรองเท้าคนดังกล่าวก็ต้องรับรองเท้าไปแบบเซ็ง ๆ หลังจากนั้นเขากลับมาบ้านและถ่ายภาพลงไปในกรุ๊ปรองเท้ากลุ่มหนึ่งเพื่อระบายความในใจกับเหตุการณ์นี้ ปรากฎว่ากลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เพราะความพิเศษที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้รองเท้าคู่ดังกล่าวกลายเป็นรองเท้าคู่เดียวในโลก จากนั้นก็เกิดการประมูล ทั้งชาวไทยและต่างประเทศแห่กันมา bid กันอย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้าย adidas NMD Hu “Powder Dye” จบการประมูลที่ $40,000 หรือราว ๆ 1,000,000 บาท ชายคนดังกล่าวก็เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งไปโดยปริยาย