News | Video
UNLOCKMEN Logo
News | Video
Unlockmen Facebook Page Unlockmen Twitter Unlockmen YouTube channel
  • World
  • Entertainment
    :
    Films
    |
    Music
  • Guide
    :
    EVENT
    |
    MENU
    |
    TRAVEL
  • TECH
    :
    APPS
    |
    CARS
    |
    GADGETs
  • Style
    :
    DESIGN
    |
    FASHION
    |
    GROOMING
  • Business
  • Girls
  • Life
  • Work
  • Play
  • Survival
UNLOCKMEN Logo

News

World Entertainment Guide TECH Style Business Girls Life
Work Play Survival

Videos

Tag "world"

  • World
    By: unlockmen April 17, 2018
    หยุดแค่นี้ไม่พอนะบอส! มาดู “10 ประเทศที่วันหยุดวันลาโคตรเยอะ”จนผู้ชายอยากย้ายไปอยู่

    หายใจเฮือกเดียววันหยุดที่มีอยู่ในมือก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว นอนร้องไห้โอดครวญไม่อยากกลับไปทำงานแค่ไหนแต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี! ระหว่างที่เศร้า ๆ กับการต้องกลับไปทำงานอยู่นี้เคยสงสัยไหมว่าวันหยุดประเทศไทยของเราเมื่อเทียบกับวันหยุดของประเทศอื่น ๆ แล้ว วันหยุดที่เรามีอยู่ในมือถือว่ามากหรือน้อยกันแน่ ? วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปดูวันหยุดของประเทศที่ขึ้นชื่อว่าหยุดเยอะที่สุดในโลกกัน เผื่อจะวางแผนย้ายงานย้ายประเทศในชาตินี้ หรือไว้วางแผนเผื่อเกิดชาติหน้าก็อาจจะพอไหว! (ไม่เอา ไม่ร้อง) ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าเราจะพูดถึงวันหยุด 2 ประเภทด้วยกันก็คือวันหยุดตามประเพณี(traditional holidays) และวันหยุดพักผ่อนประจำปี (annual vacation) วันหยุดตามประเพณีก็คือวันหยุดนักขัตฤกษ์ทั่ว ๆ ไปที่รัฐกำหนดให้เป็นวันหยุด ถ้าของไทยก็สงกรานต์เอย วันสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ เอย ส่วนวันหยุดพักผ่อนประจำปีก็คือวันลาพักร้อนที่กฎหมายกำหนดว่านายจ้างต้องให้สิทธิเราลาพักผ่อนจากการงานอันหนักหน่วงนั่นเอง ถ้าพูดถึงประเทศไทยนั้นเราก็มีวันหยุดทั้งวันลาและวันหยุดนักขัตฤกษ์ซึ่งถ้าว่ากันตามกฎหมายแรงงาน ไทยเรามีวันลาพักร้อนไม่น้อยกว่า 6 วัน (แต่บางบริษัทก็ให้สิทธิพนักงานมากกว่านั้น) ส่วนวันหยุดตามประเพณีหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็ต้องไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี ดังนั้นวันเวลาให้ผู้ชายอย่างเรานอนตีพุงอยู่บ้าน หรือจะไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็มีรวมทั้งหมด 19 วันต่อปี (อาจจะมากกว่านี้ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้จ้าง แต่อย่างต่ำคือ 19 วันเต็ม ๆ นะพี่นะ) ดู ๆ แล้วก็แอบคิดว่า เออ อย่างน้อย 19

  • CARS
    By: Chaipohn April 15, 2018
    MERCEDES-BENZ CAR SUBSCRIPTION SERVICE จ่ายรายเดือน เปลี่ยนรุ่นรถได้ตามต้องการ

    ปัจจุบันค่ายรถในต่างประเทศเริ่มพากันหันมาสนใจการให้บริการรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Car Subscription Service หรือการจ่ายเงินรายเดือน แล้วเลือกรุ่นรถตามที่กำหนดไว้มาใช้ได้ตามต้องการ แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของรถอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ก็เหมาะกับคนที่อยากทดลองขับเปลี่ยนไปมาหลาย ๆ รุ่น โดยบริการดังกล่าวถูกนำร่องโดย Porsche Passport Subscription Service ตามมาด้วย Volvo และ BMW วันนี้ Mercedes-Benz จะเริ่มทดลองใช้บ้างแล้ว โดยจะจำกัดเฉพาะในบางพื้นที่เพื่อศึกษานำร่องก่อน Mercedes-Benz Subscription Service จะเริ่มทดลองใช้ใน 2 เมือง Nashville และ Philadelphia ก่อนเป็นอันดับแรก โดยจะมีการแบ่ง Package เป็นหลายระดับ แต่ละ Package ก็จะมีรุ่นรถให้เลือกใช้ได้แตกต่างกันอออกไป แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดเรื่องรุ่นรถและราคาอย่างเป็นทางการ มีการคาดการณ์ว่า Package น่าจะอยู่ในช่วง $600 (19,000 บาท/เดือน) ไปจนถึง $2,000 (63,000 บาท/เดือน) ซึ่งเป็น range เดียวกับ

  • APPS
    By: unlockmen April 13, 2018
    อนาคตของ FACEBOOK คำขอโทษของ MARK ทิศทางที่ชี้ชัดว่าข้อมูลของเรายังคงไม่ปลอดภัยแน่นอน

    กลายเป็นฟ้าหลังฝนหน้าตาเฉย หลังจากคดีของยอดชายนายมาร์ก CEO เฟซบุ๊กที่ดูเหมือนไหวตัวทันเกมทุกช่องทาง ตั้งแต่การปล่อยขายหุ้นก่อนดิ่งฮวบ  เพราะกระแสลบหลายขนาน ทั้งเรื่องปรับอัลกอริทึมที่อยู่ ๆ ก็ห่วงสังคม อยากปรับหน้าฟีดลดความสำคัญของโฆษณากับร้านค้าลง เพราะกลัวผู้คนไม่ Connect กัน (หรอ?) จนร้านรวงบนเฟซบุ๊กออกอาการร้อนผ่าวเพราะต้องอัดฉีดเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ยอด view เท่าเดิม หรือข่าวฉาวเรื่องข้อมูลผู้ใช้บริการรั่วไหลสร้างความเสียหายจนเกิดเป็นแคมเปญล้างบัญชีเฟซบุ๊ก #deletefacebook เหล่า HATE SPEECH ที่ยากจะคุมได้ ฯลฯ ไปจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่ใครก็อดพูดถึงไม่ได้ คือกรณีโดนฟอกขาวช่วงแถลงการณ์กับวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ในสภาคองเกรสที่บางครั้งเฮียก็ตีหน้าซื่อตอบมึน ๆ แล้วตบท้ายหงายการ์ดตอบไปด้วยคำพูดแมน ๆ ว่า   “It was my mistake, and I’m sorry. I started Facebook, I run it, and I’m responsible for what happens here.”   ก่อนจบ 2 วันในศาลโดยการเอาชนะไปด้วยสกอร์หุ้นที่พุ่งกระเตื้องจากที่เคยหดตัว

  • World
    By: unlockmen April 12, 2018
    ยุคนี้ต้องเน้น PR “4 ผลงานเชิงประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ค. ส. ช.” ที่คุณจะต้องทึ่ง

    ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารไทยให้ทำอะไรก็ต้องทำได้ แม้หน้าที่จริง ๆ จะต้องเป็นรั้วของชาติ แต่เราก็ได้รับเกียรติจากท่าน ๆ ในการเสนอตัวเข้ามาบริหารประเทศได้เกือบจะ 4 ปีแล้ว ผลงานด้านการบริหารคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเยอะแยะจนเรานับไม่ไหว ที่ดีก็มีมาก ที่ไม่ค่อยดีก็มีบ้าง เช่นการเข้าถึงตัวคนเห็นต่างจนบางครั้งคนไม่สบายใจ หรือการใช้มาตรา 44 ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ข่าวการโกงที่ไม่ค่อยจะหายไป เอาเป็นว่าวันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องการบริหารหรือความซื่อสัตย์ วันนี้เราอยากพูดถึงผลงานทางด้านการประชาสัมพันธ์สไตล์รัฐบาลทหารกันบ้างดีกว่าว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ? บางอันทำฟรีบางอันทำเสียเงินกันไปเท่าไหร่ เรารวมผลงานน่าสนใจมาให้ทุกคนได้ชื่นชมไปพร้อม ๆ กันเลย สติกเกอร์ไลน์ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก ยิ่งป่าวประกาศโครม ๆ ว่าถึงยุคไทยแลนด์ 4.0 มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนงานเชิงรุกของรัฐบาลทหารบนช่องทางออนไลน์ก็ต้องเข้มแข็งมากเท่านั้น ล่าสุดสำนักเลขาธิการนายกฯ เลยเตรียมจัดทำไลน์และสติกเกอร์ไลน์ โดยระบุว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก งบประมาณก็เบา ๆ แค่ 7.3 ล้านบาทเท่านั้น แบ่งเป็นค่า Line Official Account ประมาณ 4.3 ล้านบาท และค่าออกแบบ Sticker Line ราว 2.3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาปกติที่

  • World
    By: unlockmen April 10, 2018
    300 ปี ของ “ยากูซ่า” วัฒนธรรมที่มากกว่าคำว่า “นักเลง”

    ท่ามกลางแสงไฟและความสว่างไสวบนโลกใบนี้ ยังมีโลกอีกใบหนึ่งที่ดำมืด ถ้าด้านสว่างมีผู้คุมกฎหมายคือตำรวจ ผู้รักษากฎทางฝั่งโลกมืดก็คงจะเป็นมาเฟีย แต่มาเฟียบนโลกนี้ก็อยู่หลากหลาย เช่น อิตาลีที่มี La Cosa Nostra อเมริกามีมาเฟีย  แต่พวกเราเคยคิดสงสัยกันบ้างมั้ย? ว่าอะไรที่ทำให้ทุกคนต่างศรัทธา และทำเพื่อองค์กรทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีอันตรายมากมายรออยู่ และการที่คุณได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแล้ว ต้องเป็นไปตลอดชีวิต แต่ก็ยอมแลกชีวิตด้านสว่างที่เหลือเข้าสู่เส้นทางดำมืด แต่ถ้าพูดถึงมาเฟียบนโลกนี้ คงจะไม่พูดถึงองค์กรที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง  300 ปี อยู่รอดผ่านมาทุกยุคสมัย องค์กรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เข้มงวด ยิ่งใหญ่ นามว่า Yakuza  The History of “Yakuza” Yakuza คำที่เราได้ยินมายาวนานนี้ ต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 1612 ยุคที่ญี่ปุ่นยังมีซามูไร พวกเค้าถูกเรียกว่า Kabuki-Mono (คนบ้า) นั่นก็เพราะพฤติกรรมชอบดึงดูดความสนใจคนอื่น ไปไหนมาไหนชอบเป็นจุดเด่น อยากให้คนรู้สึกว่าพวกเค้าน่ะเจ๋ง จนไปสะกิดต่อมหมั่นไส้ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้า กลายเป็นกลุ่มที่พวกเจ้าหน้าที่มักเพ่งเล็งที่จะหาจังหวะเก็บกวาดพวกเค้าอยู่แล้ว อีกอย่างที่  Kabuki-Mono พวกนี้นิยมก็คือ การแต่งกายแปลกๆ สีสันฉูดฉาดเด่นสะดุดตา ตัดผมทรงที่คนปกติเค้าไม่ตัดกัน พฤติกรรมกร่างเก๋าหยาบคาย ไปไหนมาไหนมักจะพกดาบซามูไรที่ยาวอย่างกับราวตากผ้า พูดจาด้วยภาษาที่เข้าใจกันในเฉพาะพวกพ้อง ซึ่งต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง

  • World
    By: unlockmen April 9, 2018
    ชวนดู หนีเกณฑ์ทหารแบบเกาหลีใต้ “BIRTH TOURISM” แม่หอบลูกไปคลอดประเทศอื่น!

    ขเดือนเมษายนวนกลับมาทีไรนอกจากฤดูร้อน (ที่ปีนี้ดันมีฝนตก แถมอากาศหนาวซะได้) หรือการพักผ่อนยาว ๆ และวันหยุดสงกรานต์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ตราตรึงใจชายไทยทุกยุคทุกสมัยคงหนีไม่พ้นการคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือที่เราเข้าใจกันง่าย ๆ ว่าการเกณฑ์ทหารนั่นเอง แม้จะมีคนอยากเป็นทหารเกณฑ์เพื่อไปรบกับหญ้า ฆ่ากับมด หรือฝากตัวรับใช้นายจำนวนไม่น้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ายังมีผู้ชายอีกล้นหลามที่ตะโกนว่า “ไม่เอาโว้ยยย! กูไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์” แล้วเราจะหนีการเกณฑ์ทหารได้จริงหรือไม่ ? แล้วจะมีทางไหนที่หนีได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่ผิดกฎหมายบ้าง ? (อยากรู้ล่ะสิ หึ!) สิ่งที่มาคู่กับการจับใบดำใบแดงในทุก ๆ ปีของบ้านเรา คงหนีไม่พ้นหัวข้อการถกเถียงว่า “เราควรยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่?” อาจจะให้สมัครแบบเต็มใจโดยมีสวัสดิการที่ดีมารองรับเหมือนอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ต้องเกณฑ์คนไปยืนจับใบดำใบแดงให้เป็นลมแล้วเป็นลมอีก แต่ทั้งทุนการศึกษา โอกาสในมหาวิทยาลัย และสวัสดิการที่โคตรดี จนทั้งชายและหญิงแห่ไปสมัครกันเป็นทหารจนล้นหลาม แต่อีกทางก็มีเสียงคัดค้านว่าทหารคือกำลังของชาติ รั้วของชาติซึ่งต้องธำรงไว้ให้อยู่สืบไป ที่สำคัญหากมีศึกสงคราม ข้าศึกบุกเข้าประชิด เราก็จะได้มีศักยภาพที่พร้อมรับมือได้แบบสมศักดิ์ศรี นอกจากดราม่าทั่วไปตามกระทู้พันทิปที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ไหนจะสเตตัสเฟซบุ๊กที่ถกเถียงกันจนเป็นดราม่า ก็มีรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญที่เชิญกูรูตัวจริงอย่าง พันเอก ไตรจักร์ นาคะไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการสัสดี มาถามกันชัด ๆ ไปเลยว่า “ตกลงถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารต้องทำอย่างไร” พันเอกไตรจักร์ก็ตอบตรง ๆ

  • World
    By: unlockmen April 4, 2018
    “CONDOM SNORTING CHALLENGE” เทรนด์สุดพิเรนทร์ฉีกถุงยางมาสูดเข้าจมูกแทนใส่น้องชาย!

    โหนกระแสมันสนุก ใครเกาะทันข้ามวันข้ามคืนก็กลายเป็นคนดัง เราทุกคนรู้ดีว่าในยุคนี้ดาวใหม่สายไอดอลเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เมื่อได้รับความสนใจไม่ว่าจะจากเรื่องดีหรือไม่ดี ขอเพียงการกดคลิกไลค์เล็กน้อย กับยอดวิวตัวเลขใต้แชนแนล Youtube คนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อเรื่องเหล่านั้น แต่หนนี้เราเห็นปุ๊บถึงกับต้องสบถเลยว่า “What the f*ck!” ใจมันจะสู้เกินไปไหมเพราะวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวอเมริกันออกมานำเทรนด์ฉีกถุงยางขึ้น สูด สูด สูด และสูดปรื้ดทะลุจากรูจมูกจากนั้นดึงออกมาทางปาก แล้วส่งคำท้าใส่กันใต้ชื่อ “Condom Snorting Challenge” “Condom Snorting Challenge” มันไม่ใหม่เรียกได้ว่า 5-6 ปีจะโผล่มาสักครั้ง โดยวีรกรรมสุดแผลงนี้อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาในปี 2550 ก่อนจะซาไปโผล่มาใหม่ในปี 2556 อีกหน จนมาถึงปีนี้ที่มีความพยายามจะเอาเรื่องนี้กลับมาแลกยอดไลค์อีกครั้ง งานนี้คงไม่ต้องมีใครบอกว่าผลที่ออกมามันจะแย่แค่ไหน เพราะหมอเขาออกมาการันตีว่าไม่ว่าเราจะคิดยังไง มันยังแย่ได้กว่าที่เห็น หากริอ่านจะเปลี่ยนจากสวมมาเป็นสูด Dr. Jennifer Villwock ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาโสต ศอ นาสิกวิทยาจาก University of Kansas ออกมาบอกว่าสูดไปมันอันตราย อย่าริไปลองเด็ดขาดเพราะอาจจะมีอาการเหล่านี้ !   Level 1

  • World
    By: unlockmen April 3, 2018
    ลบไปใช่ว่าจะแก้ได้ #DELETE FACEBOOK ทั้งทีต้องป้ายยาข้อมูลด้วย

    คงแว่วเข้าหูกันบ้างแล้วเรื่องเฟซบุ๊กโดนเอาใจออกห่างแล้วเมื่อมีข่าวคราวข้อมูลหลุดให้ว่อน ความ privacy เหลือศูนย์ ทำให้คนดังหลายกลุ่มและเหล่าแบรนด์ออกมาแสดงเจตจำนงว่า “ลากันที” ซึ่งล่าสุดคือพี่ชายหูกระต่ายอย่าง playboy ด้วยการลบ account ของเฟซบุ๊กของตัวเองที่มีคนติดตามมหาศาลถึง 25 ล้านคน พร้อมติดแฮชแท็กประกาศรัว ๆ ว่า #deletefacebook แต่อันที่จริงแล้วลบไปข้อมูลในอากาศของเราก็ใช่ว่าจะหายไปจากโลกออนไลน์เสียเมื่อไร Kevin Matthew หนึ่งในนักพัฒนาระบบเลยออกมาพูดในมุมของตัวเองในฐานะผู้ดูแลระบบว่า ความจริงไม่ว่าเราจะลบ account ไปยังไงมันก็ไม่ช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นของเราหายไปอย่างถาวร สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้ายยาข้อมูลที่เคยโพสต์เหล่านั้นไม่ให้มันอ่านออกหรือเอากลับมาใช้งานได้ง่าย ๆ เขาเลยลงทุนแจกสคริปต์และวิธีการใช้มาเผยแพร่ในโลกสาธารณะ เอาไว้ให้ตอบโจทย์ใครที่อยากจะเข้าแคมเปญนี้ หรือคนที่คิดว่าอยากจะลบบ้างไม่อยากใช้แล้วจะได้ลองเอาไปใช้กัน ตัวสคริปต์ที่ Matthew เขียนนั้นเขียนขึ้นจาก CasperJS การประมวลผลของมันแม้จะป่วนข้อมูลในระบบได้ แต่ตัว Matthew ก็ยังกำชับซ้ำว่า หนเดียวมันง่ายไป ขอสัก 5 หนก็น่าจะดีกว่า ปลอดภัยสูง โดยทำอย่างนี้สักประมาณ 3 เดือนข้อมูลเดิมที่เคยมีก็โดนขัดออกเสียเอี่ยมอ่อง ไม่ว่าใครก็อ่านไม่ออก และเอาชนะระบบ back up ของเฟซบุ๊กได้อย่างอยู่หมัดด้วย ดังนั้นถ้าคุณไม่ใจแข็งจริง อย่าไปลองทำเด็ดขาด เพราะทำไปแล้วมันจะเอากลับคืนมาไม่ได้นะเออ! ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายที่แท้จริงของ Mathew ในครั้งนี้ที่ไม่ได้มีเป้าหมายอยากสร้างสคริปต์ไว้ป่วนหรือคาดหวังผลกระทบวงกว้างในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊กแต่อย่างใด

  • World
    By: unlockmen March 30, 2018
    HOT LIKE GINGERS : ผลวิจัยชี้ คนผมสีแดง (แต่กำเนิด) มักจะมีเซ็กซ์บ่อยกว่าคนผมสีอื่น

    โลกใบนี้สรรค์สร้างมนุษย์เราให้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์ เรามักจะติดภาพความรักสนุกที่ติดอยู่ใน DNA ของมนุษย์ผมบลอนด์ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะด้วยวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้ชาวหัวบลอนด์มักจะเป็นคนรักความสนุก ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง แต่สำหรับชาวหัวแดงที่เป็นส่วนน้อยของโลกใบนี้ที่มักถูกเรียกด้วยชื่อเล่นอย่าง “GINGERS” ล่ะ จะร้อนแรงเหมือนกับสีผมจริงมั้ย UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบกัน HOT LIKE GINGERS ใช่แล้วล่ะ อย่างที่ผลวิจัยบอกไว้ว่าสาวผมแดงเนี่ย มีเซ็กซ์บ่อยกว่าสาวผมบลอนด์และน้ำตาลซะอีก ผลวิจัยจาก Werner Habermehl PhD จาก Hamburg Research Institute ในประเทศ Germany เขาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของสีผมกับเซ็กซ์ในชีวิตประจำวันจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงกว่าร้อยคน ในงานวิจัยระบุไว้ว่า สาวผมแดงมักจะกระตือรือร้นในชีวิตเซ็กซ์มากกว่าผมสีอื่น และมีเซ็กซ์ที่ร้อนแรงกับคู่รักมากกว่าผมสีอื่นด้วย เขาเสริมไว้อีกนิดหน่อยว่าสำหรับคนที่ย้อมผมสีแดงมักจะเป็นคนที่ต้องการส่งสัญญาณให้คนทั่วไปรู้ว่าเขากำลังมองหาคู่รักอยู่ แม้แต่คนที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นนักกับคู่รักของเขา ถ้าลองย้อมผมเป็นสีแดง สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ทำไมผมแดงจึงร้อนแรง ? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาวผมแดง โดยเฉพาะแดงตามธรรมชาติเนี่ย มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ แค่มองจากด้านหลังเธอก็สวยเหมือนภาพวาดยุค Renaissance อย่างไรอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่ได้คิดเองเออเองแต่อย่างใด แต่มันเบสออนวิทยาศาสตร์ Dr. Jonathan Rees จาก The University of Edinburgh

  • World
    By: unlockmen March 29, 2018
    READ LIKE A LEADER : 5 หนังสือที่ 5 ผู้นำประเทศแนะนำและผู้ชายอย่างเราไม่ควรพลาด

    เมื่อเดือนเมษายนกำลังคืบเคลื่อนมาถึงพร้อมหอบลมระอุแห่งฤดูร้อนมาด้วย ก็เป็นที่รู้กันดีว่านอกจากวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์และการพักผ่อนแล้ว สิ่งที่มาพร้อม ๆ กับเดือนเมษายนของทุกปีคือ “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” และปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานมีระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถ้าผู้ชายคนไหนยังงง ๆ ไม่รู้จะอ่านอะไรดี เรามีหนังสือ 5 เล่มที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ แนะนำให้อ่านกัน Barack Obama : The Power Barack Obama อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มักเจียดเวลามาอ่านหนังสืออยู่เสมอและมักแนะนำหนังสือที่เขาอ่าน เผื่อใครอยากจะอ่านตามบ้างให้เป็นประจำ สำหรับหนึ่งในหนังสือที่เขาแนะนำในปี 2017 ที่ผ่านมาคือ The Power ของ Naomi Alderman ไม่ต้องกลัวว่าจะเครียดเกินไปเพราะ The Power เป็นวรรณกรรม sci-fi ฝีมือนักเขียนชาวอังกฤษ ที่ว่าด้วยอำนาจที่เรามักเคยชินว่ามันอยู่ในมือผู้ชาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้หญิงสามารถพัฒนาความสามารถจนสามารถปล่อยไฟฟ้าออกมาจากนิ้วมือได้ และกลายเป็นเพศที่มีอำนาจควบคุม! แค่จินตนาการก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่ภายใต้ความเครียดผู้ชายอย่างเราต้องได้ขบคิดอะไรบางอย่างแน่นอน ถ้าไม่อยากพลาดความสนุกและประเด็นเรื่องอำนาจและความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้เช่นกัน

« Previous 1 … 58 59 60 61 62 … 102 Next »

HOT THIS WEEK

#7daysinarow

< Prev Next >

most popular video of the week

#7daysinarow

THE REAL EP 1 : Tamaryn Cooper
Unlockmen Channel
19,566

EVERYTHING GUYS NEED
TO UNLOCK YOUR TRUE
POTENTIAL EVERYDAY

Unlockmen

Subscribe now

Unlockmen
  • About Us
  • Our team
  • Jobs
  • Contact Us
  • Terms of Use
  • Privacy Policy
© 2016 whiteline thaithayan. All rights reserved.
Use of this site constitutes acceptance of our User Agreement (effective 1/4/2016) and Privacy Policy (effective 1/4/2016).The material on this site may not be reproduced,
distributed, transmitted, cached or otherwise used, except with prior written permission of thaitayan ltd.