World

ยุคนี้ต้องเน้น PR “4 ผลงานเชิงประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ค. ส. ช.” ที่คุณจะต้องทึ่ง

By: PSYCAT April 12, 2018

ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารไทยให้ทำอะไรก็ต้องทำได้ แม้หน้าที่จริง ๆ จะต้องเป็นรั้วของชาติ แต่เราก็ได้รับเกียรติจากท่าน ๆ ในการเสนอตัวเข้ามาบริหารประเทศได้เกือบจะ 4 ปีแล้ว ผลงานด้านการบริหารคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเยอะแยะจนเรานับไม่ไหว ที่ดีก็มีมาก ที่ไม่ค่อยดีก็มีบ้าง เช่นการเข้าถึงตัวคนเห็นต่างจนบางครั้งคนไม่สบายใจ หรือการใช้มาตรา 44 ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ข่าวการโกงที่ไม่ค่อยจะหายไป เอาเป็นว่าวันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องการบริหารหรือความซื่อสัตย์

วันนี้เราอยากพูดถึงผลงานทางด้านการประชาสัมพันธ์สไตล์รัฐบาลทหารกันบ้างดีกว่าว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ? บางอันทำฟรีบางอันทำเสียเงินกันไปเท่าไหร่ เรารวมผลงานน่าสนใจมาให้ทุกคนได้ชื่นชมไปพร้อม ๆ กันเลย

สติกเกอร์ไลน์ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก

PHOTO : ไทยรัฐ

ยิ่งป่าวประกาศโครม ๆ ว่าถึงยุคไทยแลนด์ 4.0 มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนงานเชิงรุกของรัฐบาลทหารบนช่องทางออนไลน์ก็ต้องเข้มแข็งมากเท่านั้น ล่าสุดสำนักเลขาธิการนายกฯ เลยเตรียมจัดทำไลน์และสติกเกอร์ไลน์ โดยระบุว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก งบประมาณก็เบา ๆ แค่ 7.3 ล้านบาทเท่านั้น แบ่งเป็นค่า Line Official Account ประมาณ 4.3 ล้านบาท และค่าออกแบบ Sticker Line ราว 2.3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาปกติที่ Line ชาร์จในการทำ Premium Account 25 ข้อความ ระยะเวลา 12 เดือน และค่าออกแบบ Sponsored Sticker ที่ทาง Line ออกแบบให้ ก็อยู่ราว ๆ นี้ Package ยอดนิยมที่หลายๆ แบรนด์ใช้กัน ซึ่งต้องดูกันว่าความสวยงามจะออกมาเป็นอย่างไรกันต่อไป

เป็นการเดินหน้าแบบ think out of the box ที่น่าสนใจ แต่เราคิดว่าพี่โฟกัสผิดจุดไปหน่อยไหม เพราะทุกวันนี้ก็มีช่วงถ่ายทอดสดของรัฐบาลอยู่แล้ว ถ้าจะหาช่องทางประชาสัมพันธ์รัฐบาลเพิ่มทั้งที น่าจะมีการทำการบ้านก่อนว่าช่องทางไหน วิธีใด ที่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สร้าง Line Account ขึ้นมาแล้วคนจะเข้าไป Follow ไหม? หรือมีช่องทางอื่นที่ดี แถมยังมี cost ต่ำกว่าจ เช่น Facebook Page แบบจริงจัง นอกจากเอาไว้ประชาสัมพันธ์ เราก็ให้ประชาชน Feedback หรือร้องเรียนปัญหาที่ท่านนายก นักการเมืองมองไม่เห็นน่าจะดีกว่า

แต่ก่อนจะไปไกลขนาดนั้น ปรับปรุงพื้นฐานบางอย่างก่อนก็ไม่เลว เอาแค่ประชาชนไปในหน่วยงานราชการแล้วใช้บัตรประชาชนที่เป็นสมาร์ทการ์ดให้ได้ ไม่ต้องมานั่งถ่ายเอกสารเสียงตังค์ 5 บาท 10 บาท คนก็น่าจะปลื้มพี่มากกว่านี้และเป็นการประชาสัมพันธ์ที่โคตรดีนะครับพี่ครับ

สติกเกอร์ไลน์ “ค่านิยม 12 ประการ”

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ก็จะเห็นเต็มตาว่า ไอเดียความคิดเรื่องสติกเกอร์ไลน์ไม่ใช่เรื่องใหม่ของรัฐบาลทหารแต่อย่างใด เพราะในปี 2557 มีสติกเกอร์ไลน์ออกมาแล้ว 1 ชุด นั่นก็คือสติกเกอร์ไลน์ “ค่านิยม 12 ประการ” นั่นเอง โดยงบประมาณก็ใช้ไปทั้งสิ้น 7.1 ล้านบาท บอกตามตรงว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่สิ้นเปลืองใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนความสวยงามจะคุ้มค่าราคา 7.1 ล้านบาทไหม UNLOCKMEN ไม่ขอตัดสินใจ เพราะเรื่องของงานศิลปะเป็นเรื่องของรสนิยมนานาจิตตัง แต่สิ่งที่อยากถามคือช่วยแชร์ตัวเลขให้พวกเรารู้หน่อยได้ไหม ว่าที่ทำเวอร์ชั่นแรกไป ได้รับความนิยมแค่ไหน มีคนโหลดกี่คน มีคน Follow กี่คน มันได้ผลหรือไม่อย่างไร ก่อนจะลงมือทำเวอร์ชั่น 2 จะใช้เงินก็ไม่มีใครว่า แค่อธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจที่มาที่ไป ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำเพราะอยากทำ โดยไม่มีเหตุผลอะไรประกอบการตัดสินใจ

น้องเกี่ยวก้อยมาสคอตความปรองดอง

PHOTO : Sanook

อีกเรื่องที่รัฐบาลทหารมุ่งมั่นประชาสัมพันธ์มาโดยตลอดก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ความปรองดอง” โดยปีที่แล้วถ้าใครติดตามการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลทหารมาโดยตลอดก็คงจะรู้ดีว่ามีการเปิดตัว “น้องเกี่ยวก้อย” ที่เป็นมาสคอตความปรองดอง โดยเป็นการรีไซเคิลมาจากมาสคอตที่ใช้ในกองทัพบกมาก่อน จึงเสียค่าตัดชุดใหม่ไปเพียง 8,000 บาทเท่านั้น งบประมาณไม่มากเมื่อเทียบกับการประชาสัมพันธ์แบบอื่น แต่ความปรองดองที่พี่ขยันโฆษณาชวนเชื่ออยู่มันไม่น่าเชื่อถือหรอกครับ ถ้าพี่ยังไปบุกบ้านสืบประวัติคนที่คิดเห็นต่างจากพี่อยู่ สู้เรารับฟังและอธิบายให้เกิดความเข้าใจจะดีกว่า แค่นี้เองครับ เราก็เกี่ยวก้อยกันได้ ไม่ต้องลำบากผู้ชายข้างในหุ่น mascot ที่ร้อนเกือบเป็นลม

น้องเกี่ยวก้อยเวอร์ชั่น 2 สไตล์ BNK48

PHOTO : มติชนทีวี

หลังจากน้องเกี่ยวก้อยโฉมเก่าเปิดตัวแล้วโดนกระแสโซเชียลมีเดียถล่มยับ ถึงคว้ามล้าหลัง ไม่ทันสมัย แต่ริจะมาเป็นตัวแทนการเข้าถึงประชาชนยุคใหม่ คณะรัฐบาลทหารก็เลยกลับไปยกเครื่องน้องเกี่ยวก้อยออกมาเป็นเวอร์ชันใหม่ที่กล้าเคลมว่าใส ๆ ไสตล์ BNK48 โดยน้องเกี่ยวก้อยเวอร์ชันนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ใช้งบประมาณไป 20,000 บาท ที่เหลือก็ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าความปรองดองที่ว่านี่จะปรองดองรักใคร่เฉพาะคนที่เชียร์ทหารสุดใจ หรือเป็นอย่างไรกันต่อ (เนอะลุงตู่เนอะ)

การประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องดี เนื่องจากทำให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น แต่ก็ต้องตั้งคำถามให้มากว่าเสียงจากรัฐบาลสามารถไปถึงประชาชนได้ แล้วเสียงของประชาชนล่ะ รัฐบาลหาหนทางรับฟังแล้วหรือยัง ? แล้วรูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่ใช้ในวันที่โลกมันหมุนไปไหนต่อไหน แล้วเรายังใช้วิธีเหมือนแปะฟิวเจอร์บอร์ดสมัยประถมอยู่ มันยังดีพอจะเทงบประมาณลงไปไหมในยุคปัจจุบัน ?

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line