เราอาจรับรู้เรื่องราวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กันบ่อย บางครั้งฟังจากปากของทหารนาซี บางทีดูหนังที่เล่าจากฝั่งของสัมพันธมิตร และสัมผัสความเศร้าผ่านหนังสือของชาวยิวที่อยู่ในค่ายกักกัน UNLOCKMEN ได้พบเจอเรื่องราวอีกบทหนึ่งที่น่าสนใจ เรื่องราวของคนที่ถูกนาซีจับขังคุกด้วยข้อหาแปลก ๆ อย่างการเป็นเกย์ ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล อัลเบรทช์ เบกเกอร์ (Albrecht Becker) คือชายสูงวัยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาชีวิตรอดจากความตายเพื่อมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1935 เขามีอาชีพเป็นช่างภาพที่ถูกนาซีสั่งจำคุกด้วยข้อหาเป็นเกย์ เพราะยุคที่เต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง การเหยียดหยาม คนรักเพศกำเนิดเดียวกันไม่ว่าหญิงหรือชายจะถูกเรียกว่า “เกย์” ถ้าคุณเป็นเกย์ช่วงปี 1935 และอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี คุณจะกลายเป็นอาชญากรที่อาจถูกลงโทษถึงตาย แต่เดิมการเป็นเกย์ไม่ได้เป็นปัญหาชีวิตของเขา จนประเทศถูกปกครองด้วยระบอบนาซีและเข้าสู่สงครามก็เริ่มมีข้อบังคับแปลก ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ‘วรรคที่ 175 ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันถือเป็นสิ่งต้องห้าม’ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ออกไปป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ก็จะไม่มีใครล่วงรู้รสนิยมของเขา มีความสุขอยู่กับคนรักในเมือง Wurzburg ที่ห่างไกล “นาซีไม่สนใจผม และการเมืองของพวกเขาก็ไม่แลผมเช่นกัน” – Albrecht Becker อย่างไรก็ตาม ชีวิตแสนสงบสุขของอัลเบรทช์กับคนรักต้องสิ้นสุดลงด้วยเวลาอันสั้น ภัยร้ายเริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นผลจากเหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคมปี 1934 เออร์เนส กึนเทอร์ เริห์ม (Ernst Gunther Roam)
ยามเช้าของวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 ขณะที่บางคนหลับใหล หรือบางคนกำลังลุกจากเตียง ช่วงที่ทุกคนต่างทำกิจวัตรประจำวันเมืองเล็ก ๆ ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่าฮิโรชิมะเวลาแปดนาฬิกาถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองพร้อมเสียงกึกก้องที่ได้ยินกันทั่วด้วยระเบิดปรมาณูที่ถูกหย่อนลงมาจากเครื่องบิน โบอิง B-29 รู้ตัวอีกนิวเคลียร์ที่ถูกปล่อยก็ทำให้ฮิโรชิมะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยเรื่องราวที่แสนสะเทือนใจ ในวันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปย้อนรอยถึงเหตุการณ์หลังจากระเบิดนิวเคลียร์ถูกทิ้งลงในเมืองฮิโรชิมะที่ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณศูนย์กลางของระเบิดเสียชีวิตทันที เพราะแรงกระแทกระดับมหาศาล รวมถึงความร้อนที่ทำให้เหล็กละลาย บางคนก็จากไปในกองเพลิงที่ลุกลามจนไม่อาจดับได้ง่าย ๆ ว่าหลังจากวันที่ 6 แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนที่ได้รับผลกระทบบ้าง ? ช่วงเวลาเกิดระเบิดครั้งใหญ่ เด็กนักเรียนในโรงเรียนห่างจากศูนย์กลางของระเบิดพอประมาณกำลังฟังคุณครูพรรณนาถึงความดีงามของสงคราม เกียรติยศและความรุ่งเรือง เกิดแสงวาบครั้งใหญ่ที่ทุกคนแม้กระทั่งเด็ก ๆ ก็รู้ว่าคือระเบิด ทุกคนต่างหลบลงใต้โต๊ะเอานิ้วอุดหูรอให้ทุกอย่างจบลง เมื่อเสียงอื้ออึงจางหายทุกคนต่างสำรวจตัวเองพบว่าบนร่างกายเกรอะกรังไปด้วยเลือดและฝุ่น กระจกห้องเรียนแตกกระจาย มีคนโดนกระจกบาด ปลิวไปกระแทกกับโต๊ะหนังสือ เสื้อติดไฟ บางคนติดอยู่ในซากตึก แถมไม่นานนักฝนก็เทลงมาพร้อมกับความรู้สึกชวนหดหู่ เพราะหยดน้ำทั้งหมดเป็นสีดำคล้ายกับน้ำมันที่ล้างไม่ออก ฝนเหล่านี้ขนฝุ่นกัมมันตภาพรังสีเป็นพิษลงสู่พื้นดิน ทำให้เพลิงไหม้กระจายทั่วเป็นวงกว้าง เหล่าผู้รอดที่อยู่ในเหตุการณ์การทิ้งนิวเคลียร์ฮิโรชิมะหลายคนรับผลกระทบทั้งภายในและภายนอก ร่างกายของพวกเขาบาดเจ็บ หลายคนถ่ายท้องเป็นเลือดเพราะผลเฉียบพลันจากการได้รับสารกัมมันตภาพรังสี บางคนรอดจากเหตุระเบิดแต่เจ็บหนักและเสียชีวิตไม่กี่วันต่อมาก็มีให้เห็นไม่น้อย จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าเศร้าถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการวันที่ 7 สิงหาคม 1945 กับเสียงตามสายที่ประกาศให้ประชาชนทุกคนทราบถึงโศกนาฏกรรมว่า “จังหวัดฮิโรชิมะเสียหายจากการโจมตีของเครื่องบินที่ขนมาพร้อมระเบิดแบบใหม่ที่เรายังไม่ทราบชนิด” มีหลายคนที่บ้านอยู่ฮิโรชิมะแต่ต้องออกมาทำงานนอกเมือง เช้าวันที่ 7 หลังจากการประกาศข่าวในวิทยุ
เวลาพูดถึงหนังสงคราม ตาม Common Sence ของผู้ชายแล้ว คงหนีไม่พ้นยิงกันมันส์หยด การวางแผนตั้งรับ แผนหนี แผนสู้ คงตอบสนองความมันส์ในดีเอ็นเอของผู้ชายได้เป็นอย่างดี แต่ UNLOCKMEN อยากแนะนำ 5 หนังสงคราม ที่ไม่ได้มีดีแค่ความมันส์ แต่ความเจ๋งมันอยู่ที่เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ให้เราได้เห็นสงครามในมุมมองเนื้อเรื่องเชิงบุ๋นมากกว่าเชิงบู๊ ที่มากกว่าการถือปืน ดับเครื่องชน อย่างที่คุ้นเคยกัน The Pianist (2002) Director : Roman Polanski เรื่องราวของนักเปียโน Wladyslaw Szpilman ที่ต้องมาเผชิญกับความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามชาติพันธุ์ เมื่อเมืองบ้านเกิด Warsaw ใน Poland ได้ถูกกองทหารของนาซีเข้ามาโจมตีและยึดเมืองนี้ไว้ ชะตาชีวิตของครอบครัวชาวยิวจึงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเนื้อเรื่องหลักเป็นเรื่องราวของ Wladyslaw ที่ต้องเผชิญกับภาวะสงครามและต้องหาทางเอาตัวรอดเพื่อไปเจอกับครอบครัวที่พลัดพรากกัน ดูจบแล้ว เราอาจจะรู้สึกถึงความโหดร้ายของสงครามมากขึ้น เมื่อมองจากมุมของประชาชนอย่างครอบครัวนี้ Enemy at the Gates (2001) Director : Jean-Jacques Annaud ในสงครามที่ Stalingrad ที่เป็นเดิมพันระหว่างสองชาติ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พลแม่นปืนฝีมือเยี่ยมอย่าง Vassili ถูกปั้นให้เป็นผู้นำขวัญกำลังใจของกองทัพรัสเซียที่กำลังอ่อนแอ ให้กลับมามีพลังเฮือกสุดท้าย