สำหรับผู้ชายอย่างเรา ดนตรีและเสียงเพลงคือหนึ่งในตัวแทนที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์และรสนิยมความหลงใหลส่วนตัวได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังเป็นภาษาสากลที่สามารถเชื่อมต่อผู้คนหลายเชื้อชาติหลากภาษาเข้าด้วยกัน ด้วยจังหวะและท่วงทำนองที่สนุกสนาน ทำให้ไม่ต้องแปลกใจถ้ามนุษย์เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องของสุนทรียภาพทางดนตรีและเสียงที่มีอยู่รอบตัว ขณะเดียวกันบทเพลงไม่ได้แค่บอกเล่าตัวตนของความเป็นมนุษย์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวแตกต่างชัดเจนอย่าง “รถยนต์” ก็สามารถใช้เสียงเพลงบ่งบอกถึงเอกลักษณ์สำคัญที่มีในยนตรกรรมแต่ละคันได้ด้วยเช่นกัน เหมือนกับ Be My World แคมเปญสุดเจ๋งที่เลือกใช้เสียงดนตรีมาเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของรถยนต์แต่ละคันซึ่งเป็นครั้งแรกที่โลกของดนตรีได้โคจรมาบรรจบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ต้นปีที่ผ่านมาบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เขย่าวงการยานยนต์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 3 รุ่นที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะเป็นของตัวเอง เริ่มจาก The All-New BMW Z4 สุดยอดโร้ดสเตอร์ประจำค่ายที่มาพร้อมรูปโฉมใหม่ที่โฉบเฉียบคล่องตัวและความแรงแบบไม่เป็นสองรองใคร ต่อด้วย The All-New BMW 3 Series หนึ่งในยนตรกรรมที่หนุ่ม ๆ ให้ความนิยมมาทุกยุคสมัยและ THE X7 รถยนต์ SAV ที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่มาพร้อมความหรูหรา ทั้งหมดเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Bangkok International Motor Show 2019 พร้อมกับศิลปินชื่อดังที่มีคาแรกเตอร์และน้ำเสียงเฉพาะตัวได้ ป๊อด ธนชัย อุชชิน , Daboyway และ มาเรียม เกรย์ ที่มารวมกันถ่ายทอดบทเพลง
ถือเป็นปีแห่งการแข่งขันสำหรับตลาดของรถสปอร์ต โดยเฉพาะสองค่ายยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น BMW ที่ปล่อย Z4 (G29) และ Toyota ที่ตัดสินใจหวนกลับมาผลิตตำนานที่เป็น Iconic ของค่ายอย่าง Supra (5th GEN) ออกมาอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือทั้งสองรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นจากโรงงานเดียวกัน พร้อมข่าวลือสะพัดว่ามีการแชร์แพลตฟอร์มในการสร้างร่วมกันด้วย เพื่อคลายความสงสัยวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้ชมกันว่าทั้งคู่นั้นมีจุดเหมือนและแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน BMW Z4 (G29) และ TOYOTA Supra (5th Gen) เปิดตัวออกมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่ขณะเดียวกันทั้งสองก็มีความเหมือนก็คือการถูกย้ายฐานการผลิตออกจากบ้านเกิดตัวเอง ด้าน Z4 ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นจากโรงงาน BMW ใน Dingolfing ประเทศเยอรมนี ส่วนทาง TOYOTA Supra (5th Gen) เองก็เป็นครั้งแรกที่สละแนวทางของความเป็นรถ Japan Domestic Market (JDM) ด้วยการย้ายฐานการผลิตจากโรงงาน Motomachi ใน Toyota City (ผลิต 4th Gen) ที่ควรใช้ผลิต Supra มาเข้าสายพานโรงงานเดียวกับ
Roadster หนึ่งในรูปแบบรถสปอร์ตยอดนิยมในบ้านเรา ด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสุดเท่ ขนาดคล่องตัว สมรรถนะที่ตอบโจทย์หนุ่ม ๆ ผู้หลงใหลในความเร็วได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากรถอย่าง Mercedes-Benz SLC และ Porsche Boxster แล้ว หนึ่งในโมเดลซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในบ้านเราคงจะหนีไม่พ้น BMW Z4 ที่ตอนนี้เตรียมเปิดตัวรถในรุ่นปี 2019 ออกมาแล้ว เปิดตัวพร้อมดีไซน์ภายนอกโดดเด่นแปลกตาไปจากเดิมมาก เพราะ Z4 (2019) เปลี่ยนมาใช้หลังคาแบบ Softtop ที่สามารถถอดเข้าออกได้แทนที่หลังคาแบบ Hardtop พับเก็บเหมือนใน Z4 (E85) นอกจากนี้ตัวหลังคาก็สามารถกระจายความร้อนจากแสงแดดเพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารลงอีกแรง เหมาะกับแดดโหด ๆ ในบ้านเราแน่นอน นอกจากนี้ การเปลี่ยนรูปแบบหลังคายังทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาขึ้นทำให้ปราดเปรียวขับสนุกขึ้นอีกด้วย Z4 (2019) มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องขนาดไปบ้างเล็กน้อย กับความยาว 2479 มิลลิเมตร น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 25 มิลลิเมตร แต่ก็แลกมาด้วยความกว้างของฐานล้อที่เพิ่มมากขึ้นถึง 50 มิลลิเมตร ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสายกว้างขึ้นตามไปด้วย ก่อนเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าทรงตาฉลามและตะแกรงระบายอากาศใหม่ ซึ่งเมื่อบวกเข้ากับล้อขนาด 19 นิ้ว ที่ถูกออกแบบพิเศษให้มีหน้ายางกว้างขึ้น