CARS

THE BEST CAR OF 2017: รวมที่สุดของวงการรถยนต์ กับการทำลายขีดจำกัดในปี 2017

By: Chaipohn January 2, 2018

วงการรถยนต์ถือเป็นวงการที่แข่งขันกันดุเดือด ย้อนกลับไปในอดีต เวลาเราเห็นรถยนต์เปิดตัวใหม่ พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในยุค และตัวเลขสมรรถนะที่ทำลายขีดจำกัดความเร็วกันไปมาระหว่างแบรนด์คู่แข่ง ทำให้เรารู้สึกสงสัยว่าขีดจำกัดของรถยนต์นั้นจะไปหยุดอยู่ตรงไหน การทำความเร็ว 0 – 100 km/h จะสามารถเร็วที่สุดได้แค่ไหน ความเร็วสูงสุดที่ 4 ล้อสามารถรับได้คือเท่าไหร่

ในความรู้สึกและวิทยาศาสตร์บอกว่า เราพวกเราใกล้จะถึงยุคของคำตอบนั้นแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ในปี 2017 ที่ผ่านมา ก็มีสุดยอดอภิมหารถยนต์เปิดตัวมาหลายรุ่น ซึ่งเราได้รวบรวมโมเดลที่ทำลายขีดจำกัด สร้างมาตรฐานใหม่ให้ปี 2018 ต้องไล่ตามมานำเสนอ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรตรงใจคุณกันบ้าง

 

Mercedes-AMG Project One

ข้อดีของการลงทุนลงแรง ร่วมแข่งขันในวงการ Formula One ก็คือการได้พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ของตัวเองไปในตัว และยิ่งเป็นทีมระดับแชมป์อย่าง ‘Silver Arrows’ Mercedes Formula One teams ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม การอาศัยถ่ายโอนเทคโนโลยีแห่งความสำเร็จบน track สำหรับมือโปร ลงสู่รถยนต์รุ่นพิเศษเพื่อลูกค้าที่ใจถึงและเงินถึง ซึ่งนี่เป็นที่มาของอภิมหาโปรเจค ‘Mercedes-AMG Project One’ hypercar ราคาเฉียด 100 ล้านบาท

Mercedes-AMG Project One เป็น Street-legal race car ที่ถูกบรรจุเทคโนโลยี Motorsport เข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยราคาเทียบเท่า Bugatti Chiron เครื่องยนต์ 8-liter W16 แต่ใน Project One จะมีเพียงเครื่องยนต์วางกลางขนาด 1.6 L Mercedes-Benz PU106C Hybrid turbocharged 90-degree V6 สามารถลากรอบได้ถึง 11,000 rpm ให้พละกำลัง 700 hp พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 120kW อีก 4 ตัว ให้พละกำลังอีก 500 hp ประกบล้อหน้า เครื่องยนต์ และ Turbocharged จึงสามารถทำความเร็วได้ตั้งแต่รอบต่ำจนถึง red line แน่นอนว่า Interior ก็ถูกออกแบบราวกับ cockpit ของรถ Formula One เลยทเดียว นับว่าเป็น Hypercar ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวจริง ๆ

 

Aston Martin Valkyrie

ด้วยแนวคิดเดียวกันกับ Mercedes-AMG Project One ทางด้าน Aston Martin ก็ต้องการโชว์ขีดสุดของเทคโนโลยี Formula One ที่เป็น partner ร่วมกับ Red Bull Racing team ผลที่ได้ออกมาคือรถแข่งที่พร้อมใช้งานบนถนนทางเรียบคันใหม่นี้ ทุกอย่างถูกบรรจงเลือกใช้วัตถุดิบจากสำนักแต่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดของแต่ละด้าน มารวมกันเป็น Aston Martin Valkyrie hybrid electric hypercar ที่มีฝูงม้าร้อนแรงคอกใหญ่ระดับ 1,130 แรงม้า จากเครื่องยนต์​ 6.5-liter V12 สั่งทำพิเศษจาก  Cosworth  ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์  Formula 1  ส่งกำลังผ่านเกียร์ paddle-shift 7 speeds จาก Ricardo เทียบต่อน้ำหนักรถที่รีดจนเพรียวบางเบาเพียง 1,000 kg จากเทคโนโลยี lightweight carbon fiber MonoCell ผลงานของ Multimatic เจ้าของเดียวกับที่เคยสร้างสรรค์ไว้ใน Aston Martin One-77  และ Vulcan

 

Porsche 911 GT2 RS

2018 Porsche 911 (991) GT2 RS คันนี้เป็นรถที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวันที่เปิดตัว นับว่าเป็น the most powerful street-legal Porsche 911 ด้วยตัวเลขระดับ 700 แรงม้า และแรงบิด 553 lb-ft จากเครื่องยนต์ 3.8-liter 6 สูบเรียง Twin-Turbo จาก 911 Turbo S ที่ผ่านการปลุกเสกเปลี่ยน Turbo ให้ใหญ่ขึ้น พร้อมอัพเกรดชิ้นส่วนภายในแบบ Custom Made พ่วงไปกับเทคโนโลยี cooling system แบบ water-spray ฉีดน้ำตรงเข้าทางท่อไอดี ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของอากาศที่ดูดเข้าไปจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ รองรับการทำงานหนักจาก boost turbo ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ได้แรงม้าและแรงบิดมากขึ้นถึง 120 horsepower จากเครื่องยนต์บล็อคเดิม กระชากรถที่ผ่านการลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 1,470 kg ผ่านการขับเคลื่อนล้อหลัง ทำเวลา 0 – 100km/h ได้ภายใน 2.7 วินาที!!!

 

Lamborghini Urus

นี่คือ SUV ที่ดุดันที่สุดเท่าที่มีในตลาด จากภาพรถยนต์ทรงพ่อบ้านที่เน้นความหรู กลายเป็นกระทิงดุตัวใหญ่พร้อมคำนิยามใหม่ SSUV ที่มี DNA ของ LAMBORGHINI SUPERCAR อย่างเต็มตัว เครื่อง 4.0L TWIN-TURBO V8 บล็อคเดียวกับที่วางใน Audi RS6 และ BENTLEY CONTINENTAL GT ให้กำลัง 650 แรงม้า แรงบิด 627lb-ft  ผ่านเกียร์ 8-SPEED เพื่อหมุนล้อที่ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาพร้อมเทคโนโลยี  TORSEN SELF-LOCKING DIFFERENTIAL เลือกส่งกำลังไปที่ล้อหน้าและล้อหลังอย่างชาญฉลาด ทำเวลา 0-100KM ได้ภายใน 3.6 วินาที เข้าโค้งได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจบอดี้ขนาดใหญ่ เพราะ LAMBORGHINI วางตำแหน่งเครื่องยนต์ไว้ลึกเพื่อสร้าง CENTER OF GRAVITY ที่ดีด้วย

จุดเด่นของ LAMBORGHINI URUS คือ DRIVE MODE ที่มีให้เลือกครอบคลุมทุกสถานการณ์ ตอกย้ำความเป็น SPORT SUV  ด้วย SPORT MODE รถจะลดระดับให้เตี้ยลงเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น และ CORSA MODE สำหรับวันที่ต้องการซิ่งให้สะใจเหมือนอยู่ในสนามแข่ง นอกนั้นจะเป็นโหมดสำหรับสภาพพื้นผิวต่าง ๆ เช่น NEVE สำหรับพื้นหิมะ TERRA สำหรับลุยทาง OFF-ROAD ทางฝุ่นต่าง ๆ SABBIA สำหรับพื้นทราย EGO สำหรับ MIX MODE ต่าง ๆ ตามต้องการ และ STRADA ที่เน้นความนุ่มนวล

 

Tesla Roadster

Elon Musk สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกของความเร็วอีกครั้ง หลังจากเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถ Sport Coupe’ 2 ประตูออกมาอีกคันในชื่อ Tesla Roadster ที่นอกจากหน้าตาเท่สุด ๆ แล้ว มันยังทำความเร็ว 0 – 100km/h ได้อย่างน่าขนลุกใน 1.9 วินาทีเท่านั้น ในขณะที่สถิติ Fastest 0-100 km/h production car อย่าง Porsche 918 Spyder, LaFerrari ทำได้ราว ๆ 2.2 – 2.4 วินาที ไม่ใช่แค่เร่งได้ไว มันสามารถทำ top speed สูงสุดได้ถึง 400 km/h เล่นเอา Bugatti Chiron ที่เคยภาคภูมิใจกลายเป็นคนหงิม ๆ ไปเลย

Tesla Roadster ที่แรงกว่าใครในวงการรถยนต์คันนี้ ใช้พลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาด 200kwh ซึ่งใหญ่เป็นสองเท่าจากโมเดล P100D ที่แรงจัดอยู่แล้ว ส่งพลังให้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้า 1 ตัว และขับเคลื่อนล้อหลัง 2 ตัวแยกซ้ายขวา สร้างแรงบิดระดับปีศาจ 10,000 Nm of torque ส่งไปสู่ล้อที่ปล่อยลงพื้นได้แบบเต็ม ๆ ไม่มีเบิร์นทิ้งขว้างเหมือนรถ Supercar ทั่วไป ซึ่งถือเป็นเคล็ดลับความเร็วของ Tesla และไม่ต้องกลัวว่าจะซิ่งไม่ได้ไกล เพราะชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถขับได้ไกลเกือบ 1000 km

ยอมรับเลยว่า จากสเปคของเหล่า Hypercar ที่เราเลือกมา น่าจะยากที่จะมีการพัฒนาให้สามารถไปได้เร็วกว่านี้ มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมากในการรอลุ้นว่า จะมีออกมาทำลายขีดจำกัดที่ถูกรถยนต์เหล่านี้สร้างมาตราฐานให้สูงขึ้นไปอีกในปี 2018 และอนาคตของรถยนต์จะไปอยู่ที่ไหน ไม่แน่ว่าในอนาคตอีก 10 ปี คำว่ารถยนต์อาจจะหายไป กลายเป็นยานพาหนะแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยจริงไหมครับ

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line