CARS

THE PROFILES: DOT ROBINSON ความเท่และตำนานของแก๊งสตรีขี่บิ๊กไบค์ที่จะไม่ยอมอยู่ในกรอบเดิม

By: TOIISAN January 16, 2020

ถ้าพูดถึง ‘ไบค์เกอร์’ หลายคนก็จะนึกถึงกลุ่มชายชาตรีหนวดเคราเฟิ้ม ใส่เสื้อหนัง สวมรองเท้าบู๊ท ขี่รถคันใหญ่ไปด้วยกันเป็นคาราวาน บางคนจะนึกถึงผู้คนที่ไม่อยู่ในกรอบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ส่วนในต่างประเทศผู้คนมักพูดถึงแก๊ง Hell Angels, Outlaws, 69’rs หรือ Black Sabbath แต่ยังไม่ค่อยรู้จักแก๊งนักบิดชื่อว่า Motor Maids เท่าไหร่นัก

UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวของชาวแก๊งนักบิดอยู่บ่อยครั้งทั้งแก๊ง Hell Angels หรือแก๊งนักซิ่งของฝรั่งเศส แต่เรายังไม่เคยเล่าเรื่องของสุภาพสตรีขี่บิ๊กไบค์จากยุค 40 ทั้งที่พวกเธอนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่งตัวจัดจ้านได้เท่ไม่แพ้ผู้ชาย และจะไม่ยอมอยู่ในกรอบที่ถูกเขียนไว้ว่า ‘ผู้หญิงต้องแต่งงาน เป็นเมียที่ดี เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ’ เพราะพวกเธอจะเป็นคนเลือกเส้นทางการใช้ชีวิตของตัวเอง 

 

‘DOT ROBINSON’ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ 

ย้อนกลับไปช่วงปี 40 ห้วงเวลาแห่งสงครามโลก มีหญิงสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อว่า Dot Robinson เกิดปี 1912 เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐอเมริกา เธอมีความชอบแตกต่างจากหญิงสาวในยุคเดียวกัน เธอคลั่งไคล้มอเตอร์ไซค์มากและหลาย ๆ คนคาดว่าเธอได้รับอิทธิพลมาจากพ่อตัวเองที่เป็นนักออกแบบรถแถมยังเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์อีก 

เธอชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ พออายุ 16 ปี ก็แวะเวียนไปยังร้าน Harley-Davidson อยู่บ่อยครั้ง เพราะพ่อของเธอเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์มอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกา ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่พอเข้าสู่ปี 1930 ทุกประเทศทั่วโลกต่างต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การนำเข้า-ส่งออก ของสหรัฐฯ ไม่ต้องพูดถึงการซื้อขายในประเทศที่ชะลอตัว กิจการของบ้าน Robinson ได้รับผลกระทบและ Dot ต้องหาทางทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ 

สาเหตุที่เราเล่าถึงสภาพเศรษฐกิจที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวตำนานขี่รถของ Dot Robinson เพราะเราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ Arthur Davidson (หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Harley-Davidson) ซึ่งเคยให้เงินเธอถึง 3,000 เหรียญเพื่อให้ Dot รับช่วงต่อธุรกิจของพ่อ อาจเพราะวงสังคมอบอุ่นของคนที่มีความชอบเหมือนกันเป็นส่วนผลักดันให้เธอหลงใหลเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์มากขึ้น และกล้าก้าวออกมาขี่มอเตอร์ไซค์อย่างจริงจังในยุคที่ผู้หญิงควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน 

rideapart

Dot ไม่หยุดอยู่แค่ความชอบมอเตอร์ไซค์ เธอตัดสินใจลงแข่งรถในปี 1930 ด้วยระยะทาง 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร) แถมยังคว้าชัยชนะมาครองพร้อมกับคะแนนไร้ที่ติ ต่อมาในปี 1935 Dot กับสามีตกลงกันว่าจะสร้างสถิติใหม่ด้วยการขี่รถข้ามทวีปจากลอสแองเจลิสไปยังนิวยอร์ก เป็นการขี่รถโคตรบ้าเพราะถ้านั่งเครื่องบินจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง หากเปลี่ยนไปขับรถยนต์แบบไม่หยุดพักก็จะใช้เวลาเดินทางราว 42 ชั่วโมง ด้วยเส้นทางกว่า 3,995 กิโลเมตร แต่ Dot กับสามีเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์

rideapart

จากการแข่งขันแสนทรหดต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะทางหลวงของสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้นยังไม่ดีเหมือนถนนในปัจจุบัน ท้ายที่สุด Dot ก็เดินทางจากลอสแองเจลิสไปยังนิวยอร์กด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ได้สำเร็จด้วยเวลา 89 ชั่วโมง 58 นาที  นอกจากนี้ชื่อของเธอยังถูกจากรึกลงในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะการแข่งขันระดับชาติ AMA (American Motorcycling Association) ซึ่งใคร ๆ ต่างบอกว่านี่คือการแข่งสุดโหด การันตีความเหนื่อยได้จากจำนวนความสำเร็จที่มีเพียง 7 คน จากผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 52 คน

เธอพิสูจน์ฝีมือของตัวเองอยู่เสมอ ผู้คนจำนวนมากที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ต่างรู้จักชื่อของเธอ หลังจากสร้างสถิติใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน Dot วางแผนจะเข้าร่วมการแข่งขัน National Endurance Run หลังจากคว้าชัยในสนาม Michigan State Championship และ Ohio State Championship แต่เหล่าผู้อำนวยการของ AMA ไม่ต้องการให้ Dot รวมถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ เข้าร่วมการแข่งขัน National Endurance Run เมื่อมีกติกาไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น Dot Robinson จึงตระเวนไปทั่วเมืองเพื่อรวบรวมลายเซ็นของผู้คนนับพันเพื่อพิสูจน์ว่า

“ผู้หญิงก็สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ได้”

 

ความเกลียดชังที่ก่อกำเนิดแก๊งนักบิดหญิงกลุ่มแรกของโลก 

จากคำพูดของ Dot Robinson ที่กล่าวไว้ว่า “ผู้หญิงก็ขี่มอเตอร์ไซค์ได้” ไม่ใช่แค่การพูดลอย ๆ แต่ลงมือทำจริง เธอสนับสนุนให้ผู้หญิงที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์รวมกลุ่มกัน ในปี 1939 Dot Robinson กับ Linda Allen Dugeau ขี่รถไปทั่วสหรัฐฯ และตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปี 1941 โดยใช้ชื่อว่า Motor Maids of America (ปัจจุบันใช้ชื่อว่า Motor Mailds Inc.) 

Motor Maids ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Ninety-Nines หน่วยกองทัพอากาศหญิงของ Amelia Earhart นับเป็นคลับคนรักรถจักรยานยนต์หญิงกลุ่มแรกของโลกที่ได้รับการยอมรับจาก AMA และมีข้อตกลงหลักร่วมกันเพียงข้อเดียวคือจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ถ้าคุณมีคุณสมบัติตรงก็สามารถเข้ากลุ่มได้ทันที 

ช่วงแรกที่ตั้งกลุ่มมีผู้ชายหลายคนให้ความสนใจ Motor Maids ของ Dot เป็นอย่างมาก สุภาพบุรุษหลายคนสนับสนุนให้ผู้หญิงที่รักรถเหมือนกับพวกเขาได้ดำดิ่งลงไปในความชอบ แต่ก็ยังมีผู้ชายบางกลุ่มไม่เห็นด้วยและต่อต้าน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่แตกเป็นสองฝั่ง รู้ตัวอีกที่สมาชิกของกลุ่ม Motor Maids ก็เต็มไปด้วยผู้หญิงจากหลากหลายอาชีพทั้ง หมอ พยาบาล ทนายความ ครู วิศวกร นักบัญชี แม่บ้าน ไปจนถึงคนรุ่นคุณยายรวมตัวกันขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปทั่วสหรัฐฯ 

ตอนที่เธอตั้งกลุ่มขึ้นมาโลกกำลังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวแก๊ง Motor Maids พยายามช่วยเหลือสังคมเท่าที่จะทำได้ แม้สหรัฐอเมริกาไม่ใช่สมรภูมิสงครามแต่ก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี ทำให้พวกเธออาสาเป็นคนส่งของให้กับผู้รับเหมา คนธรรมดาที่ออกจากบ้านไม่ได้ รวมทั้งสอดส่องดูแลความปลอดภัยของสุภาพสตรีในย่านนั้น ๆ และครั้งนี้พวกเธอก็ได้รับการสนับสนุนจากชายที่ชื่อว่า Arthur Davidson อีกครั้ง

เมื่อสงครามจบลง แก๊ง Motor Maids ก็ยังคงรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนแถมยังมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กิจกรรมของกลุ่มไม่ได้มีแค่นัดกันขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ยังมีนัดกันไปเล่นบิงโก (เกมยอดฮิตในสมัยนั้น) จัดปาร์ตี้ ทำกิจกรรมเพื่อการกุศลอย่างขี่รถหาเงินบริจาคให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม บางครั้งคนที่ไม่ชอบมอเตอร์ไซค์ก็ถามว่ารวมกลุ่มกันไปเพื่ออะไร และพวกเธอมักตอบกลับไปว่า “ไม่รู้เหมือนกัน” เพราะแค่ความชอบก็น่าจะเพียงพอแล้ว

Bill Ray

ด้วยวีรกรรมที่ทำไว้มากมายทั้งเข้าแข่งขันกับผู้ชาย เป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์แทนที่จะเป็นคนซ้อนท้ายอย่างที่ควรจะเป็นในสังคมชายเป็นใหญ่ ตั้งกลุ่มนักบิดหญิง และเป็นมิตรกับเหล่าสุภาพบุรุษไบค์เกอร์ที่ไม่ต่อต้านเธอ ทั้งหมดนี้ทำให้ Dot Robinson ถูกเรียกว่า ‘First Lady of Motocycling’ หรือ ‘สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของวงการมอเตอร์ไซค์’ …โคตรเท่จริง ๆ ครับ 

 

แม้จะกลายเป็นคุณยายแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดซิ่ง

Dot Robinson สร้างชื่อเสียงมากมายจากสิ่งที่ทำ และเธอก็ยังถูกพูดถึงมากอีกครั้งในปี 1950 ด้วย ‘เซตสีชมพู’ ชมพูที่ว่าจัดเต็มทั้งมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson สีชมพู เบาะหนัง เสื้อตัวใน เสื้อคลุม ถุงมือ หมวกกันน็อค ทาลิปสติกสีชมพู จากนั้นจึงขี่รถไปทั่วฟลอริดา เหตุที่เซตสีชมพูของ Dot ถูกพูดถึงเพราะปกติแก๊งไบค์เกอร์มักมีแฟชั่นสีดำ รถสีดำ ทุกอย่างคุมโทนทึบและเท่ แต่ Dot ในวัย 38 ปี กลับเลือกใช้สีชมพูเสียอย่างนั้น 

ส่วนคู่หูที่ร่วมก่อตั้งแก๊งนักบิดหญิงอย่าง Linda Dugeau ย้ายไปอยู่เมืองลอสแองเจลิสและไม่หยุดทำสิ่งที่รัก Linda ส่งพิมพ์เขียวแบบรถสีแดงสดให้กับ Harley-Davidson หาคอลเลกชันเสื้อผ้าสีแดงทั้งเสื้อกั๊กหนัง ผ้าพันคอ เพื่อทำตามความชอบของตัวเอง และจากไปอย่างสงบในปี 2000 ด้วยวัย 86 ปี

Queen of the road: Linda Williams; a 36-year-old mother of two; brought; her smaller bike – a 650 cc Kawasaki – from her home in Leamington for the cycle show. She belongs to Motor Maids.

ทางด้าน Dot ยังขี่มอเตอร์ไซค์จนถึงปี 1971 พอร่างกายเริ่มไม่ไหวก็เปลี่ยนมานั่งพ่วงข้างแทน (ก็ยังไม่ยอมลาวงการจริง ๆ ครับ) ในที่สุดเธอจากไปในปี 1999 ด้วยวัย 87 ปี ผู้คนต่างคาดเดากันว่าตลอดชีวิตของเธอได้ขี่รถมากกว่า 1.5 ล้านไมล์ (2.4 ล้านกิโลเมตร) ด้วยรถจักรยานยนต์ 35 ประเภท และถูกบรรจุชื่อเข้าสู่ Hall of Fame ของ American Motorcycle Association นับเป็นสตรีคนที่สี่ของโลกที่อยู่ใน Hall of Fame ในฐานะผู้บุกเบิกส่งเสริมการขี่จักรยานยนต์ของผู้หญิงช่วงทศวรรษที่ 1930 ส่วน Harley-Davidson สีชมพูของเธอถูกเก็บไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์ Harley-Davidson Milwaukee 

ชีวิตโลดโผนและเต็มไปด้วยสีสันของเธอแสดงให้เห็นว่า Dot Robinson ได้เดินตามเส้นทางที่ตัวเองกำหนด อยู่กับความชอบจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต และยังทิ้งมรดกแสนสำคัญไว้ให้คนรุ่นหลังอีกด้วย 

 

มรดกจากยุค 40 ที่ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน 

Sarah Vaun

หลังจากการเกิดขึ้นของแก๊ง Motor Maids ผู้หญิงจำนวนมากที่ชื่นชอบการขี่รถจักรยานยนต์เหมือนกันได้ตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นเป็นจำนวนมาก และรู้ตัวอีกทีเครือข่ายมอเตอร์ไซค์ก็ขยายไปทั่วโลก

ทางตอนใต้ของกรุงวอชิงตันผู้คนจะเห็นแก๊งสตรีขี่บิ๊กไบค์สวมเสื้อกั๊กหนัง กางเกงเดนิมขับผ่านทิวสนอยู่บ่อยครั้ง พวกเธอมีชื่อกลุ่มว่า The Dream Roll งานรวมกลุ่มคนรักกับขี่มอเตอร์ไซค์กว่า 280 คน ในกองคาราวานเราจะเห็นรถยอดฮิตทั้ง Harley-Davidson และ Triumphs ขับเข้าไปในป่า พวกเธอจัดแคมป์ แจกเบียร์ฟรี แจกไอศกรีมกัญชา (กัญชาถูกกฎหมายในรัฐวอชิงตัน) ทำที่พักสไตล์กระโจม จัดปาร์ตี้สุดเหวี่ยงนั่งชมแสงจันทร์และดวงดาวกันจนพระอาทิตย์ขึ้น 

LANAKILA MACNAUGHTON

LANAKILA MACNAUGHTON

LANAKILA MACNAUGHTON

นอกจากนี้แก๊งนักซิ่งสาวหลายอีกหลายกลุ่มในอเมริกายังขึ้นชื่อเรื่องการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ให้มีขนาดพอเหมาะกับสรีระผู้หญิง ทั้งรถสุดคลาสสิกอย่าง Ducati Scrambler, Honda Rebel 300/500, BMW G310R และ Rod Street ของ Harley-Davidson เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด 

LANAKILA MACNAUGHTON

เดินทางไปยังทวีปแอฟริกากันบ้าง ในประเทศเคนยาก็มีกลุ่มนักบิดหญิง ‘Inked Sisterhood’ พวกเธอเดินทางจากเมืองหลวงไนโรบีไปยังเมืองออลอยท็อกท็อก (Loitokitok) บนถนนลูกรังสุดโหดไกลถึง 170 ไมล์ (270 กิโลเมตร) หัวหน้ากลุ่ม Inked Sisterhood มักไปไหนมาไหนกับรถคู่ใจ Karizma ZMR 223cc กล่าวว่าเธอตัดสินใจออกมาตั้งกลุ่มเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากทีวีซีรีส์เรื่อง Nikita แล้วมันเท่มาก ๆ แถมพวกเธอทุกคนยังมีรอยสักอีกด้วย 

LANAKILA MACNAUGHTON

ประเทศที่มีเรื่องราวของชนชั้นวรรณะเข้มข้นอย่างอินเดียก็มีกลุ่มผู้หญิงขี่บิ๊กไบค์ให้เห็นด้วยเช่นกัน พวกเธอแหวกขนบธรรมเนียมเดิม หญิงสาวกว่า 2,500 คน ก้าวออกจากบ้านมาขี่มอเตอร์ไซค์ที่รัก ไม่แคร์ว่าจะโดนมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี เพราะมอเตอร์ไซค์สำหรับแก๊งสตรีอินเดียมันมีความหมายถึง ‘สัญลักษณ์ของอิสระ’ และ ‘เติมเต็มความฝัน’ การได้ขี่รถยังสร้างความสุขให้กับพวกเธอได้ 

A woman dressed in traditional costume rides a motorcycle as she take part in the procession to celebrate the Hindu festival of ‘Gudi Padwa’ or Maharashtrian New Year in Mumbai, India on 06 April 2019. The festival marks the beginning of the new year for Marathi and Konkani Hindus. (Photo by Himanshu Bhatt/NurPhoto)

Mohua Polley สมาชิกคนหนึ่งยังแซวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ฉันรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่บนมอเตอร์ไซค์ตัวเองมากกว่าฝากชีวิตไว้กับระบบขนส่งสาธารณะ” รู้สึกเหมือนชาว UNLOCKMEN เวลาขึ้นรถเมล์หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลยครับ 

LAURA RIERA

มองกลับมาที่ประเทศไทยกันบ้าง เราพบว่ามีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ไม่แพ้สาว ๆ ประเทศอื่น ใน Facebook จะมีเพจ Lady Bike Club ที่มีผู้ติดตามถึง 6,500 คน และกลุ่มย่อยอื่น ๆ ที่จะนัดรวมคนที่มีความชอบเหมือนกันขี่รถออกต่างจังหวัดไปพร้อมกันเป็นคาราวาน

บางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร บางคนกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัยถ้าต้องเดินทางร่วมกับคนแปลกหน้า บางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นเปลือง แต่สำหรับคนที่ชอบและรักการขี่มอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริงอาจไม่มองอย่างนั้นและกล้าออกมาทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อความพึงพอใจที่แสนมีความสุข

“เราไม่รู้จักกัน เราต่างเชื้อชาติ ต่างสีผิว แต่เรามีความชอบเดียวกัน”

 

 

SOURCE: 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line