Entertainment

NIHON STORIES: “SUKEBAN” วัฒนธรรมนักเลงสาวมัธยมญี่ปุ่นสุดโหด ที่จะลบภาพสาวใสใจดีไปเลย

By: HYENA May 10, 2020

หลังจากที่เราเคยได้นำเสนอ Culture สุดแสบของแว๊นชาวยุ่น หรือ Bozosoku ที่หลายคนให้ความสนใจไปแล้ว แม้มันจะเป็นสังคมที่แปลกประหลาดในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่วัฒนธรรมที่ดูรุนแรงขัดต่อกฎหมายเหล่านั้น ยังมีผู้หญิงที่คลั่งไคล้จนกลายเป็น Culture คล้าย ๆ กันที่เรียกว่า “Sukeban” (スケバン) อยู่ด้วย

เช่นเดียวกับ Bozosoku ถ้าหากใครอ่านหนังสือการ์ตูนหรือดูซีรีส์ญี่ปุ่น ก็คงจะเคยเห็นนักเรียนญี่ปุ่นสาวแสบซ่าบ้าบิ่นไม่แพ้ผู้ชาย ซึ่งอยู่ในลุคตรงข้ามกับสาวนักเรียนญี่ปุ่นที่ใส่กระโปรงสั้น ถุงเท้ายาวตึง หน้าตาใส ๆ อย่างสิ้นเชิงกันมาบ้างอย่างแน่นอน

ความดิบเถื่อนจะว่าไปมันก็อาจจะเป็นแฟชั่นของวัยรุ่นสาวชาวญี่ปุ่นในยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ทว่ามันถูกถ่ายทอดกันมาอย่างจริงจังจนกลายเป็น Culture ที่อยู่คู่กับวัยรุ่นสาวที่มีความซ่า และกล้าที่จะทำอะไรบ้า ๆ เหมือนผู้ชายทำ จนขนาดว่า “Sukeban” ตัวเจ๊ ๆ บางคน แสบถึงขึ้นผู้ชายยังกลัวจนหัวหดกันเลยทีเดียว

“What is Sukeban”

Sukeban ถูกใช้เป็นคำจำกัดความของกลุ่มวัยรุ่นหญิงล้วนที่ก๋ากั่น พฤิตกรรมขัดกับศีลธรรม หรืออาจจะเรียกว่าเป็น Bosozoku ในเวอร์ชัน Girl Gang ก็ได้ คำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกช่วงปี 1960 โดยสาวเหล่านี้ จะเป็นสาวมัธยมที่ห้าว ก้าวร้าว ไม่แพ้กลุ่มนักเรียนนักเลงชายที่เราเห็นกันในภาพยนตร์อย่าง อีกา หรือ จอมเกบลู ชื่นชอบการยกพวกตีกัน ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเรียกเด็กเกพวกนี้ว่า Banchō (番長)


“History of Sukeban”

สาวห้าวเหล่านี้เดิมทีอาจจะเคยเป็นเด็กสาวใสเหมือนคนปกติทั่วไป และด้วยความใสนี่แหละ ที่ทำให้พวกเธอโดนชักจูงจากรุ่นพี่หรือเพื่อนได้ง่าย อาจจะเริ่มต้นจากโดดเรียน แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เริ่มมีสถานที่อยู่รวมตัวขยายจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยกระจายไปทั่วทุกแห่ง

บางคนก็เข้าไปสู่การเป็น Sukeban จากการตามเพื่อน บางคนก็เป็นไปโดยนิสัยที่ชอบความท้าทาย และเป็นคนที่ก้าวร้าวอยู่แล้ว แต่บางคนก็ทำไปเพราะเป็นค่านิยมในยุคสมัย ไม่ได้อยากจะเป็นวายร้าย หรือเป็นเจ๊ใหญ่อะไร แต่สุดท้ายถ้าเพื่อนไปไหนก็ต้องไป จนกลายเป็นติดร่างแหไปด้วย

เมื่อ Sukeban มีการแพร่กระจายไปทั่วทุกโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการเขม่น และประกาศศักดิ์ดาว่าเป็นสุดยอด Sukeban อยู่บ่อยครั้ง วิธีการแสดงออกจึงไม่ต่างจากนักเรียนนักเลงฝ่ายชาย หรือ พวก Banchō (番長) นั่นก็คือการยกพวกตีกัน ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายอย่างคึกคะนอง

จนกระทั่งช่วงปี 70 ซึ่งถือว่าเป็นยุคเฟื่องฟูสุด ๆ ของ Sukeban แก๊งนักเรียนมัธยมสาวสุดแสบที่ใหญ่ที่สุดก็เกิดขึ้น ชื่อกลุ่ม “Kanto Women Delinquent Alliance” มีข่าวลือออกมาว่าสมาชิกของแก๊งนี้มีมากกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว


“Sukeban Style”

Sukeban ทั้งหลายจะชื่นชอบในการแสดงออก ภูมิใจในความเป็นตัวตนของพวกเธอ ที่จะเห็นได้อย่างเด่นชัดที่สุดก็คือ การทำสีผมฉูดฉาดที่ถึงแม้ว่าจะใส่ชุดนักเรียนอยู่ก็ตาม เพื่อแสดงให้เห็นถึงการแหกกฏระเบียบ สร้างความเก๋าให้คนทั่วไปต้องหวั่นเกรง

เครื่องแบบนักเรียนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความแตกต่างจากเด็กนักเรียนธรรมดาทั่วไปอย่างชัดเจน โดยพวกเธอมักจะใส่เสื้อนักเรียนแขนยาว และใส่กระโปรงที่ยาวลงไปจนถึงข้อเท้า สวมรองเท้า Converse โดยมีมี Vision and Mission คำคมของแก๊ง หรือตราสัญลักษณ์แก๊งของตัวเองติดอยู่บนเครื่องแบบนักเรียนให้เห็นอย่างเด่นชัดอีกด้วย ทั้งหมดเป็นสไตล์ที่สะท้อนความแข็งแกร่งของเพศหญิง เป็นสิ่งที่สะท้อนจากสภาวะสังคมและการปฏิวัติสิทธิสตรีในยุค 60s เป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ชายและสังคมเห็นว่า “อย่ามาซ่าหรือกดขี่เพศหญิงเชียวนะเว้ย” 

ผ้าปิดปาก ถุงมือ ก็เป็นเครื่องแต่งกายที่พวกเธอชอบใส่  ตามสไตล์แฟชั่นที่ได้รับอิทธิพลมาจาก Bosozoku ส่วนอาวุธที่พวกเธอนิยมพกกันมากในยุค 70s คือ โซ่ โยโย่ และใบมีดโกน ซึ่งในอดีตมี Sukeban คนนึงที่โด่งดังมากในชื่อ “K-Ko the Razor” ฉายาที่เธอได้รับจากการดึงมีดโกนมาใช้เป็นอาวุธได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วจากหน้าอกของเธอ และใช้มันกรีดโจมตีใบหน้าศัตรูได้อย่างแม่นยำไร้ความปราณี


“The Iron Rule of Sukeban”

อาชญากรรมที่นิยมทำเป็นเรื่องปกติของ Sukeban คือการยกพวกตีกัน การขโมยฉกของตามร้านค้า ซึ่งการเชื่อฟังรุ่นพี่ และการไม่ทิ้งเพื่อน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกแก๊งปฏิบัติตามกันนอย่างเคร่งครัด ว่ากันว่า Sukeban เป็นพวกบ้าตั้งกฎ ซึ่งอาจจะเป็นตามนิสัยผู้หญิงที่ชอบจู้จี้จุกจิก จึงทำให้แต่ละกลุ่มนั้นจะมีกฏมากมายแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าหากทำผิดก็จะถูกลงโทษ แต่มีกฎบางข้อที่ Sukeban ทุกแก๊งยึดเป็นกฎเหล็กนั่นก็คือ “ห้ามแย่งคนรักของสมาชิกด้วยกันเอง” และ “ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด”

โดยการลงโทษที่ฮิตสุดในยุคนั้นก็มีตั้งแต่ การเอาบุหรี่จี้ผิวหนัง ซึ่งถือว่าเป็นการลงโทษที่เบาที่สุด ซึ่งอาจจะเกิดจากการปีนเกลียวรุ่นพี่ หรือแอบไปมีการพูดคุยกับแก๊งคู่อริ

เหตุผลที่วัฒนธรรมนักเรียนนักเลงของประเทศญี่ปุ่นขยายใหญ่และอยู่ไดัยาวนานหลายสิบปีนั้น เป็นเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นไม่นิยมปราบปรามมากนัก มองว่ามันเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นมากกว่าเป็นกลุ่มอาชญากรรม และคิดว่าเมื่อถึงเวลาเรียนจบ ปัญหาก็จะจบไปด้วยเมื่อเข้าสู่วัยทำงานนั่นเอง แต่ในความเป็นจริง แม้สมาชิก Sukeban จะเรียนจบ แต่ส่วนใหญ่จะยังไงสวมใส่ยูนิฟอร์มของตัวเองเพื่อรวมกลุ่มต่อไปเช่นเดียวกับกลุ่ม Punk ในอีกซีกโลกไม่มีผิด

ด้วยความโดดเด่นของ Sukeban culture ทำให้มันถูกนำไปปรับแต่งกลายเป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ในเวลาต่อมา และดูเหมือนในโลกปัจจุบัน Bad Girl จะมีภาพที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่จิตวิญญาณความเป็น Sukeban ก็ยังคงอยู่ภายใต้รอยสัก รอยแผล ที่ห่อหุ้มด้วยชุดทำงาน หรือชุดแม่บ้านอยู่ภายนอกเท่านั้นเอง

 


Source1, Source2, Source3

 

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line