Business

ชูนิ้วสู้ไม่ถอย! รู้จัก 3 บริษัทหา INFLUENCER จอมอึดในวันที่ผู้ชายหมดศรัทธาเพราะหน้าม้า

By: anonymK June 4, 2018

เวลาพวกเราเลือกอะไรมาใช้สักชิ้น แน่นอนว่าต้องพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ แต่ถ้าของชิ้นนั้นเราไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทดลองใช้ด้วยตัวเอง UNLOCKMEN เชื่อว่าเราคงต้องเคยใช้บริการหาตัวแทนมาทำหน้าที่หนูทดลองแทนเพื่อเช็กว่าสินค้าชิ้นนั้นดีหรือคุ้มค่าพอไหมโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งไอ้หนูทดลองตัวนั้นหลายครั้งก็เฉลยออกมาว่าคือหน่วยหนึ่งในการตลาดที่ชื่อว่า “Influencer” มีหน้าที่ชวนคนมาเชื่อแต่ของจริงเป็นอย่างไรก็ไม่สน ทำให้ทุกวันนี้อาการตั้งป้อมสร้างกำแพงเพราะกลัวโดนหลอกของเรามันเริ่มสูงขึ้นไม่รู้ตัว ทว่าก็ยังมีแบรนด์มากมายที่สนใจวิทยายุทธ์กระโดดกำแพงอยากแจ้งเกิดด้วย Influencer อยู่ดีโดยอาศัยบริการจากบริษัท Scout Influencer เราลองมาดูกันว่าเพราะอะไร และแบรนด์ไหนในไทยบ้างที่โดดเด่นและลงเล่นในสนามธุรกิจนี้

WHY BRAND CHOOSE INFLUENCER?

“มึงมันหน้าม้า” ต่อให้พวกเรายกนิ้วชี้หน้าใส่นักรีวิวมือทองทั้งหลาย พร้อมด่าให้ย่อยยับในหน้าโซเชียล แบรนด์ก็ยังต้องมีบรรดา “Influencer” เป็นหนึ่งในหมากกลยุทธ์อยู่ดี นั่นเพราะพวกเขามีเหตุผลคุ้มทุนเหล่านี้อยู่

  1. Influencer มอบตัวเลขการประเมินผลทางการตลาดที่ตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็น ยอดการเข้าถึง (Reach) และยอด Engagement ทั้งยอด Likes, Comments, Reactions, Retweets หรือ Shares ที่สำคัญยังได้ฐานลูกค้าใหม่จากคนที่ติดตาม Influencer เหล่านั้นอยู่แล้ว
  2. Customer Journey ยังเป็นสิ่งสำคัญเพราะสุดท้ายแล้วผู้บริโภคย่อมปฏิเสธการเชื่อคนขายของที่บอกว่าของตัวเองดีอยู่วันยันค่ำ ที่สำคัญยังได้มุมมองที่หลากหลายในการโปรโมตสินค้าจากคนที่ใช้งานจริง
  3. ช่วยเรื่องการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติด Top Search ได้ เพราะเมื่อผู้บริโภคเป็นนักค้นตัวยง เจอคนรีวิวคนแรกมันไม่เคยพอ ย่ิงอยากได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเขาจะยิ่งใช้วิธี search ต่อไม่จบสิ้นหรือนำไปสู่การตั้งกระทู้ถามจนเพิ่มช่องทางการมองเห็นให้แก่แบรนด์
  4. ลงทุนกับ Influencer เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคต วันนี้พวกเขาอาจจะตัวจิ๊บจ้อย แต่วันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาอาจเปลี่ยนสภาพจากเน็ตไอดอลคนดังไปเป็นนักแสดงอาชีพที่มีคนตามมากขึ้นก็เป็นได้ ถ้าสัมพันธ์กันไว้ให้ดีก่อนจะถึงวันนั้น ไม่เพียงจะสร้างพันธะทางใจแต่ยังอาจทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจมากขึ้นในอนาคต

เมื่อรู้ที่มาที่ไปกันเรียบร้อย ต่อไปถึงเวลาเปิดเผยโฉมหน้าของบริษัทเอเจนซี่ที่รับทำ Marketing ซึ่งโดดเด่นเรื่องกลยุทธ์ Influencer น่าจับตามองในประเทศไทยแล้ว

 

KOL – Key Opinion Leader

บริษัทผู้จัดการ Influencer ที่มีหนึ่งในผู้ก่อตั้งเป็นเซเลบฯ (ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต) และเน้นเลือกดาราระดับเซเลบฯ คนดังมาเป็น Influencer สร้างความอิมแพคให้แบรนด์ ถึงแม้มองดูแล้วออกจะขัดกับหลักการตลาดด้าน Influencer ที่เคยได้ยินว่าช่วงนี้เขาฮิต Micro-influence มากกว่าคนดังทั้งหลายเพราะถ้าคนดังถือสินค้าเมื่อไรก็เป็นอันรู้แน่ว่าโฆษณา แต่ทางแบรนด์น่าจะตีโต้ความเชื่อด้วยการหนามยอกเอาหนามบ่ง เพราะต่อให้ผู้บริโภครู้ว่าเหล่าเซเลบฯ ได้รับเงินจากการถือสินค้า เซเลบฯ ก็ทำหน้าที่ QC ให้สินค้านั้นได้เหนือกว่าคนธรรมดาเนื่องจากทุกสินค้าต้องแลกด้วยต้นทุนของชื่อเสียงที่มี

 

LINE IDOL

credit photo: getlinks.co/th/

LINE เป็นแอปฯ พื้นฐานที่ชาวไทยต้องมีติดเครื่องและมีแชนแนลในการโปรโมตรายการมากมายเป็นของตัวเองอยู่แล้วเลยลงทุนกับบริการใหม่แกะกล่องที่ชื่อว่า “LINE IDOL” ซึ่งเขาออกมาเคลมว่าคัดคน คัดคอนเทนต์ ทุกอย่างที่นำเสนอให้น้ำหนักกับผู้บริโภคต้องคำนึงคุณภาพไว้สูงสุด โดยวางมาตรฐานการคัดคนเบื้องต้นที่ยอดฟอล์หลักล้านเป็นอย่างต่ำ พร้อมทั้งออกมาบอกว่าเรื่องคุณภาพคนในวงการเขารู้กันดีเรื่องนี้ไม่มีห่วง

 

Pantip Influencer

น้องใหม่มาแรงด้าน Scout Influencer ที่ถึงจะเพิ่งมาลงทุนด้านนี้ แต่ก็เก๋าเกม รู้ลึกรู้จริงเรื่อง Influencer มาหลายปีเพราะ PANTIP เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่อาจจะเรียกได้ว่า Influencer วิ่งเล่นเยอะที่สุดในประเทศไทยก่อนจะมีเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ที่สำคัญคือโคตรเชี่ยวชาญการจับม้าสไตล์นักสืบพันธุ์ทิพย์ พอลงสนามมาเสิร์ฟบริการด้าน Marketing นี่จึงเป็นอีกแบรนด์มาแรงที่น่าสนใจ

ที่สำคัญคือการประกันความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นกว่าคนอื่นในหลากสาขา และพันทิปเป็นที่แรก ๆ ที่ออกมาให้ความสำคัญเรื่องความจริงใจมาเนิ่นนาน ใคร SR ใคร CR ก็ให้จั่วหัวกันชัด ๆ แต่สำหรับแบรนด์งานนี้เขาหยิบโค้ดใหม่มาให้ใช้คือ “BR”

ท้ายที่สุดการเกิดใหม่ของธุรกิจให้บริการ Influencer คงยังมีให้เราเห็นอีกมากไม่ว่าหนุ่ม ๆ อย่างเราจะตั้งการ์ดแค่ไหนก็ตาม ตราบเท่าที่คนยังให้ความใส่ใจในการคัดเลือกของใช้ และในความเป็นจริงต่อให้มีอีกกี่สิบแบรนด์ที่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่หา Influencer ให้แบรนด์ก็ไม่ได้เลวร้ายนักหากพวกเขาตั้งมาตรฐานของ Influencer ที่ใช้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ได้ และขายความจริงใจของประสบการณ์การใช้จริงอย่างมีจรรยาบรรณ ไม่ใช่ขายของเพียงอย่างเดียว ถ้าแต่ละค่ายแข่งขันกันแบบใสสะอาดหนุ่ม ๆ ทั้งหลายคงได้ประโยชน์จากบริษัทเหล่าน้ีอีกเยอะ และอาจใช้เป็นตัวประเมินคุณภาพสินค้าได้ดีทีเดียว

 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line