

TECH
สรุป TECHNOLOGY TRENDS ปี 2020! จงรู้จัก เกาะติด แล้วรีบหามาใช้ก่อนตกขบวน
By: unlockmen April 22, 2020 182677
ถ้ายังวิ่งแบบเดิม ๆ อยู่ เราจะเป็นได้แค่กระต่ายที่รอวันเต่าวิ่งแซง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้การไล่ตามเทคโนโลยีให้ทัน ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาหรือสายงานอะไรก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นด้วยกันทั้งนั้น อธิบายง่าย ๆ ว่า “เทคโนโลยี” เข้ามาเป็นอีกสกิลที่ทำให้ทำงานได้ดี มีโอกาสมากกว่าคนอื่นและเป็นโอกาสที่สร้างได้จากทั่วทุกมุมโลกไม่ต่างจากสกิลด้านภาษาที่เราทุกคนให้คุณค่ากับมัน
Bernard Mar นักกลยุทธ์ธุรกิจและนักเขียน Best Seller ผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ Big Data ได้สรุปเทรนด์ของเทคโนโลยี 25 ตัวที่น่าจับตามองภายในปี 2020 นี้ไว้ หลายสกิลเราได้ยินชื่อของมันมานานหลายปี ลองมาสำรวจว่าคุณรู้จักอะไรกันบ้างและจะใช้สกิลเหล่านั้นประยุกต์กับสิ่งที่ทำอยู่ได้อย่างไร
อุปกรณ์สวมใส่เพื่อเติมเต็มชีวิตมนุษย์ แม้จะไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งเราจะสวมเทคโนโลยีบางอย่างติดตัวแล้วเชื่อใจมันจนไม่ต้องไปหาเทรนเนอร์หรือหมอ หันมาเฝ้าติดตามสุขภาพร่างกายเราแต่ละวันผ่านอุปกรณ์เล็ก ๆ นี้แทน ทั้งจำนวนก้าวเดิน ชีพจรของตัวเอง รวมทั้งไว้ใจให้มันทำหน้าที่บังคับเรากลาย ๆ เพื่อสร้างสุขภาพดี ๆ
แต่สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นแล้วและน่าจะติดเทรนด์ไปยาว ๆ ในปีนี้ ถ้ามองตัวเลขจากยอดของ Smart Watch ที่จำหน่ายในตลาด ไม่ว่าจะเป็นค่าย Apple หรือ Samsung คงทำให้เห็นว่าผู้คนกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีชิ้นนี้ขนาดไหน
ในโลกที่เทคโนโลยีนับวันจะฉลาดกว่าเราขึ้นไปอีกหลายขั้นจากการคิดวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล นวัตกรรมอย่าง “Big Data” กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องความรู้จักมันให้ดีและใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด
ข้อดีของการใช้ระบบ Big Data ในองค์กรและการทำงาน ไม่เพียงช่วยลดระยะเวลาการทำงานและทำงานได้อย่างแม่นยำ แต่มันยังช่วยให้เราสามารถเข้าใจและต่อยอดวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้ด้วย ส่งผลให้องค์กรไหนที่มีสิ่งนี้หนุนหลังก็จะสามารถเติบโตได้เร็วกว่าองค์กรที่ไม่มีอย่างน้อย 1 ก้าว
พื้นที่อัจฉริยะ อ่านแล้วอาจจะงง ๆ สรุปอย่างง่ายที่สุดก็คือเทรนด์การเปลี่ยนพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ออฟฟิศ หรือที่ไหน ๆ ของเมือง ติดตั้ง IoT ให้กลายร่างเป็นพื้นที่อัจฉริยะ
จากเดิมที่การปรับพื้นที่แนวนี้อาจจะเกิดขึ้นแค่กับกลุ่มสตาร์ตอัปหรือออฟฟิศครีเอทีฟก่อน แต่ปีนี้วงการสถาปัตยกรรมจะปรับเปลี่ยนให้หลายพื้นที่อยู่อาศัยกลายร่างเป็น Smart Place
ระบบ BlockChain กับการจัดเก็บบัญชี เป็นเทคโนโลยีที่ถือว่าเป็นมาสเตอร์ด้านความปลอดภัยสูงสุดเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเราขณะนี้ ในวันที่ใคร ๆ ก็พร้อมจะแฮ็กและตามรอยข้อมูลสำคัญของเราผ่านโลกโซเชียล การทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีนี้ไว้ถือว่าไม่เสียหาย และถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องทำงานกับข้อมูลสำคัญมากมาย มั่นใจว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งคุณจะได้นำสิ่งนี้มาใช้
คุณอาจจะพอรู้มาอยู่บ้างว่าเราฝังข้อมูลบนโลกออนไลน์ผ่านระบบ Cloud แต่จริง ๆ แล้วทุกวันนี้เราไม่ได้แค่ฝากไฟล์แต่ยังทำได้มากกว่านั้นจากระบบ Cloud Computing
ระบบ Cloud Computing คือหนึ่งในบริการที่เราสามารถเข้าถึงได้ผ่านออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องลงทุนไปซื้อทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาเพื่อรองรับมัน ลดเรื่องปัญหาการดูแลและความรับผิดชอบผ่านระบบ แถมยังสามารถแบ่งปันการใช้งานร่วมกับคนอื่นได้ด้วย ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า วันนี้เรามี Google Doc ให้ใช้ฟรีบนออนไลน์โดยไม่ต้อง Save ไฟล์ไว้ ใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะมือถือ แท็ปเล็ต ไม่ต้องลงทุนสร้าง Server เองเพื่อเก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่หันมาใช้การซื้อเช่าบริการเอาเมื่อต้องการเพิ่มพื้นที่
เมื่อก่อนเราอาจจะเข้าใจว่า โลกดิจิทัลเป็นแค่โลกในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่วันนี้ สิ่งเหล่านั้นพร้อมมาปรากฏตรงหน้าเรามากขึ้น สมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น VR หรืองานสไตล์ Interactive ซึ่งปีนี้เราเห็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ดิจิทัลในรูปแบบออฟไลน์มากขึ้น ผ่านงานอีเวนต์และแคมเปญต่าง ๆ จนเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับมัน
อันนี้หลายคนอาจจะยังไม่คุ้น แต่ก็มีศัพท์นี้จริงในวงการเทคฯ Digital twins คือการทำสำเนาของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็น Physical และมองเห็นตรงหน้าจำลองไปอยู่ในโลกดิจิทัล และสร้างกลไกเชื่อมต่อเพื่อแจ้งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับวัตถุจริงเข้ากับวัตถุในโลกดิจิทัล
เรียกง่าย ๆ ว่า สมมติเราเป็นบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตแห่งหนึ่ง เราก็จะใช้เจ้า Digital Twins ตัวนี้จำลองอุปกรณ์ในโรงงานแบบ Realtime เพื่อให้มันคำนวณระยะเวลาที่ควรซ่อมอุปกรณ์นั้นก่อนได้รับความเสียหาย ทำให้สามารถลดต้นทุนด้านการบำรุงรักษาและการตรวจสภาพได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ข้อมูลนี้ยังเอาไปพัฒนาใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้ด้วย ถ้ายังจำได้เราอาจจะได้เห็นข่าวพิธีกรหรือผู้ประกาศข่าวเสมือนของจีน เขาก็ใช้ Digital Twins โคลนขึ้นมาเช่นเดียวกัน และระบบประมวลที่เจ๋งของเทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้มันสามารถสื่อสารได้เป็นธรรมชาติมากอีกด้วย แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนคน อันไหน AI ตัวนี้เจ๋งมากและก็น่ากลัวมาก
เทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรเข้าใจมนุษย์มากขึ้น โดยเข้าใจลึกซึ้งตั้งแต่ภาษากายไปจนถึงระดับการตัดสินใจกระทำอะไรสักอย่างลงไป ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องระวังหลายเรื่อง ข้อดีคือเมื่อจักรกลเข้าใจก็สามารถตอบสนองเราได้ลึกซึ้งขึ้น และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ใกล้เคียงหรือเหมือนมนุษย์ ขณะที่ข้อเสียที่น่าสนใจคือ เราเคยเชื่อว่า Soft Skill เป็นจุดแข็งที่ทำให้เราต่างจากเครื่องจักร แต่ถ้าวันนี้เครื่องจักรดำเนินไปได้ถึงจุดนั้นล่ะจะเป็นอย่างไร?
หลังจากการควบคุมผ่านการสัมผัสจอหรือ Touh Screen เกิดขึ้นมาสักพัก ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราคงเริ่มได้เห็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาอย่างการสั่งการผ่านเสียง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Alexa Siri หรือกระทั่งการเชื่อมต่อกับ Chatbot ต่าง ๆ ที่สามารถโต้ตอบคำพูดของเรา ในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะหลอมรวมกับชีวิตประจำวันเราอย่างสมบูรณ์
แม้ต้องอาศัยการปรับตัวจาก User แต่อย่างไรเสียความขี้เกียจที่มีมากกว่า เน้นความฉับพลันทันทีก็น่าจะทำให้สิ่งนี้กลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีหลักที่บุกไปอยู่ในทุกธุรกิจ
ต่อจากเสียงก็มาถึงการจดจำใบหน้ากันบ้าง ใครที่จำได้ว่าเคยเซอร์ไพรส์กับการปลดล็อกมือถือด้วยลายนิ้วมือ ปีนี้แค่นิ้วก็เก่าไปแล้ว เพราะหลายอุตสาหกรรมจากหลายประเทศเขาพัฒนาและเลือกนำระบบตรวจจับใบหน้ามาใช้งานเพื่อเก็บข้อมูล ประมวลผล แม้ตามวัฏจักรคงไม่หยุดแค่นี้ อนาคตน่าจะมีคนพยายามคิดค้นระบบใหม่ที่เฉียบกว่านี้มาใช้งาน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามระบบตรวจจับใบหน้าจะยังอยู่กับเราไปสักพักใหญ่ ๆ แน่นอน
ว่ากันว่าอนาคตจะไม่ได้แค่มี Robot หรือหุ่นยนต์เก่ง ๆ เท่านั้น แต่จะเกิด Cobot หรือการทำงานร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์ขึ้นมา ทำให้หุ่นแต่ละตัวจะสามารถซิงก์งานกันได้อย่างไรรอยต่อ ดังนั้น สายโรงงานทั้งหลายต้องระวังตัวไว้ให้ดี
‘เทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับ’ ปีนี้เราเห็นหลายแบรนด์ที่ออกแบบนวัตกรรมไร้คนขับกันบ้างแล้ว ทั้งระบบเซนเซอร์ให้รถรอบคัน และติดตั้งแผนที่การเดินทางไว้ผ่านดาวเทียม เพื่อให้สามารถเดินทางสถานที่ไปไหน ๆ ได้สะดวกสบาย คนขับก็สามารถนั่งเฉย ๆ ปล่อยพวงมาลัยได้โดยไม่ต้องขับเอง
แต่สิ่งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ปีนี้เป็นปีทองที่ทุกยานพาหนะจะเริ่มใช้ระบบเทคโนโลยีไร้คนขับ ทั้งรถยนต์ รถสาธารณะ รถบรรทุก กระทั่งเรือ เราจึงอาจได้เห็นระบบบริการใหม่แนวนี้ที่ทำให้จำนวนการจ้างงานด้านนี้ลดลง
เทคโนโลยีเครือข่ายมือถือที่เรารอคอย จากเคยเห็นเลข 4 มาหลายปีดีดัก ปีนี้จะได้เห็น 5G ตัวเป็น ๆ ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อทางออนไลน์เร็วยิ่งขึ้น และความเร็วนี้จะกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ขับเคลื่อนระบบอื่น ๆ ตาม รวมทั้งการสตรีมต่าง ๆ ก็ใช้งานได้ลื่นหัวแตกมากขึ้น
กระแสการพัฒนาทุกวันนี้มันฉุดไม่อยู่ ตอนนี้เทคโนโลยีเรื่องการพัฒนาพันธุกรรมจึงกลับมาอีกครั้ง แม้หลายคนจะตั้งคำถามเชิงมนุษยธรรมกับมันว่าใช้งานแบบนี้จะดีเหรอ แต่ถ้าดูตัวการตัดต่อพันธุกรรมบางโปรเจกต์ที่เขามองว่าตัดต่อเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ก็เป็นอีกหนทางที่น่าสนใจทีเดียว
ปีนี้งานสร้างสรรค์ระหว่างมนุษย์กับจักรกลกำลังมา ช่วงก่อนหน้านี้หลายคนสบประมาทว่างานเชิงทัศนศิลป์หรืองานศิลปะ เครื่องจักรยังเข้าไม่ถึงหรือไม่สามารถสร้างสรรค์งานเจ๋ง ๆ ขึ้นมาได้หรอก แต่วันนี้แค่เฉพาะแอปพลิเคชันหรือฟิลเตอร์จาก AI ที่พวกเราเข้าไปมีส่วนร่วมเล่นกันในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นแล้วว่าการผนึกกำลังระหว่างเรากับเทคโนโลยี AI จะช่วยสร้างไอเดียเจ๋ง ๆ ได้มากขนาดไหน
แพลตฟอร์มยุคนี้ต้องจับตามองให้ดี เพราะนับจากนี้ไปทุกแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อระหว่างคนกับคนด้วยกันจะปรับเปลี่ยนไปให้กลายเป็นช่องทางทำเงินได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Uber หรือ Airbnb ทั้งหมดจะกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สร้างธุรกิจใหม่สำหรับคนที่เคยทำธุรกิจรูปแบบดั้งเดิม
หลังจากพัฒนามาหลายปีดีดัก ถึงเวลาที่สิงห์น่านฟ้าไร้คนขับอย่าง “โดรน” จะออกมาทำตัวเป็นพระเอกกันบ้าง ในช่วงทศวรรษนี้นักบินต่าง ๆ อาจจะต้องเตรียมตัวม้วนเสื่อเพราะสิ่งนี้
แต่ในข้อเสียเรื่องแย่งงาน มันก็ยังเหลือข้อดีมากมายพอชั่งน้ำหนักแล้วก็ยังน่าใช้ เพราะจะช่วยเราได้มากทั้งภารกิจการดับไฟ การช่วยชีวิต (เหตุการณ์กราดยิงเทอร์มินัล ไทยเองก็เคยใช้) ไปจนถึงขั้นตอนการขนส่งสาธารณะที่ลดทั้งเวลาและแรงงานได้
นับตั้งแต่นี้นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าธุรกิจจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก พวกเขาต้องปรับตัวและยืดหยุ่นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งรับปัญหาจากความรวดเร็วของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดพักด้วย เทรนด์สำคัญอย่างการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงโดดเด่น และถ้าใครคิดจะไปทางนี้จริงจัง ความสำเร็จก็รออยู่ปลายทางแล้ว
การประมวลผลระดับควอนตัมเคยเป็นเรื่องใหญ่ที่มีเฉพาะในแล็บใหญ่เท่านั้น แต่ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ในช่วง 10 ปีนับจากนี้เราจะเห็นความสามารถด้านการคำนวณของคอมพิวเตอร์นอกแล็บ และอาจจะได้เห็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องแรกวางขายในตลาด
เทคโนโลยีการทำงานด้วยหุ่นยนต์อัตโนมัติจะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันและอนาคตธุรกิจต่าง ๆ จะนำหุ่นยนต์มาใช้งานมากขึ้น แต่มนุษย์จะยังคงอยู่ในระบบการทำงาน โดยย้ายไปทำงานที่มีโครงสร้างความคิดและการลงมือที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและคุณค่าสูงสุดสำหรับการทำงาน
“Mass personalization” หรือ “Mass customization” 2 คำนี้จะกลายเป็นคีย์เทคโนโลยียุคนี้ ปกติ Personalization มันคือกลุ่มลูกค้าเฉพาะ พอเติม Mass ไว้ข้างหน้าก็เลยหมายถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการจับกลุ่มลูกค้าที่ชอบแบบเฉพาะทาง แต่ชอบเหมือนกันไว้ด้วยกันแล้วก็ยิงความต้องการไปหาคนนั้น โดยใช้ข้อมูลจาก AI และ Big Data ช่วยประมวล
อธิบายง่าย ๆ ว่า สมมติมีมีมในตลาดว่า “Save ปีโป้สีม่วง” แปลว่า คนไม่ชอบกินปีโป้สีม่วงจนแบรนด์ออกมาขายแต่สีอื่นแล้วคัดสีม่วงออก กรณีเดียวกัน ถ้าจับกลุ่มคนกิน “ปีโป้ม่วง” ไว้รวมกัน แม้จะน้อยแค่ไหน แต่มันก็เป็นกลุ่ม Mass Personalization ที่ช่วยให้หารายได้ได้ดี
ส่วนอีกคำอย่าง “Micro Moment” หมายถึงการที่ผู้คนทำบางอย่างทันทีที่ต้องการ เช่น ช่วงนี้อยากกินโน่น อยากทำนี่ แล้ว search หา เทคโนโลยีจะทำหน้าที่ฟังว่าเราต้องการอะไร แล้วฟีดสิ่งที่เราต้องการขึ้นมาในสายตาโดยที่เราไม่รู้ตัว จนสุดท้ายสิ่งเหล่านี้จะชักจูงเราไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด ไม่เชื่อก็ลอง search คำสักคำที่คุณคิดได้ทาง Google ดู จากนั้นไม่เกินชั่วโมงสิ่งที่เราหาก็จะปรากฏตามหน้า feed
งานพิมพ์ 3D กับ 4D ยังคงมีกระแสต่อเนื่อง ถึงแม้ถ้าเทียบกับนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เราเสนอไปแล้วออกจะเก่าไปหน่อย แต่ความเจ๋งที่ทำให้มันยังโตได้อยู่ที่มันสามารถนำไปเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้ และสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ด้วยหลักการเดียวกับเทรนด์ mass-personalization จึงยังทำให้มันใช้งานได้ดี ไม่ตายไปง่าย ๆ
ปิดชิ้นสุดท้ายด้วยนาโนเทคฯ กับนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์ หลังจากที่ผลงานวิจัยต่าง ๆ ของเรามากขึ้น มนุษย์เราเข้าใจเรื่องวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ผลิตสิ่งของมากขึ้น การคิดค้นไปถึงรากอย่างวัสดุและออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องที่เราจะเห็นในปีนี้
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า เราเห็นว่าคนเอาแหหรืออวนพลาสติกมาผลิตเป็นแท่งกดของ CARNIVAL สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะเขาเข้าใจวัสดุว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งาน ไม่บุบสลายเมื่อใส่น้ำยาทำความสะอาดลงไป หรือเข้าใจเรื่องน้ำหนักของวัสดุ ว่าเบาจนสามารถพกพาได้ สิ่งเหล่านี้ก็เรียกว่าเกิดจากความเข้าใจด้านวัสดุ
นี่เป็นแค่ 25 เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปีนี้และมีแนวโน้มว่าโลกจะบังคับให้เราต้องเรียนรู้มันในปีต่อ ๆ ไป หวังว่าชาว UNLOCKMEN จะรับข้อมูลเป็นประโยชน์นี้กลับไป แล้วเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง เพื่อไปเลือกคอร์สเรียนรู้ระหว่างที่อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน
แล้วคุณจะกลายเป็นกระต่ายที่ไม่ว่าเต่าตัวไหนก็เอาชนะไม่ได้อย่างแน่นอน