7 อาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ที่ใครๆก็ทำได้

ถ้าพูดถึงอาชีพในฝันหลายคนคงมีคำตอบมากมายในหัวแต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำในอาชีพที่ได้เคยตั้งเป้าหมายเอาไว้? คนส่วนใหญ่มักคิดว่าสิ่งที่คิดไม่มีทางเป็นไปได้ เลยเลือกที่จะพับเก็บความฝันนั้นเอาไว้ ตัดสินใจเดินตามกรอบ และใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ จนลืมเป้าหมายนั้นไป

แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่า ทุกความฝันเป็นไปได้แค่ลงมือทำ ก้าวเดินออกนอกกรอบเดิมๆ เพื่อสานความฝันของตัวเองให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ เพราะทุกคนเชื่อว่า #คิดแล้วต้องทำเท่ากับเราได้เริ่มต้น  รับรองเลยว่า..เรื่องราวของพวกเขาทั้ง 7 คน 7 อาชีพ  และ 7 มุมมองความคิดนี้จะทำให้คุณกล้าที่จะกลับไปวิ่งไล่ตามความฝันที่ตั้งใจไว้ได้อีกครั้ง

1. คุณนุก – รตินาถ ฉันทวิลาสกุล (นักออกแบบเครื่องหนังเจ้าของแบรนด์ R Studio)

สาวที่หลงรักผิวสัมผัสของหนังและงานคราฟท์ตั้งแต่เด็ก จนกลายมาเป็นความรักในการออกแบบ และมีเป้าหมายว่าเธอจะต้องสร้างสรรค์งานหนังให้เทียบเท่าระดับสากลให้ได้ เธอตัดสินใจเริ่มต้นเปิดสตูดิโอเพื่อฝึกฝนฝีมือและทำเวิร์คช้อปจากประโยคของคุณพ่อของเธอที่ผลักดันไว้ว่า “ทำไปเลยล้มตอนนี้ยังลุกได้ ถ้ารอแก่กว่านี้ล้มแล้วมันจะเจ็บกว่านี้ ถ้าจะทำก็ทำเลย” และเธอก็รู้ว่าเธอการตัดสินใจในวันนั้นทำให้พบสิ่งที่ปลุกปั้นความมุ่งมั่นให้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เพราะเธอเชื่อว่า “ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ ถ้ามนุษย์คนอื่นทำได้ ขอเพียงเชื่อก่อน ถ้าสมองเชื่อแล้วว่าเราทำได้ มันก็จะสั่งร่างกายทำไปให้ถึงจุดนั้นเอง “

2. คุณอาร์ต-ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ (คนสร้างสรรค์อาหารเจ้าของร้าน CHEF’s TABLE by CHEF ART)

จากอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติที่หลงใหลในการทำอาหารตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ได้ศึกษาต่อต่างประเทศด้านอาหาร เขาก็ตัดสินใจเลือกทิ้งการเป็นนักกีฬาทีมชาติและเลือกก้าวเข้าสู่เส้นทางอาหารเต็มตัว เพียงเพราะเขาอยากตื่นขึ้นมาทำสิ่งที่รักพร้อมสานฝันในวัยเด็กที่อยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง การตัดสินใจเลือกเส้นทางของเขาในวันนั้น ทำให้เขาได้รู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาเป็นเชฟวันนี้ได้คือ “การเชื่อในความกล้าที่จะลงมือทำและต้องทำให้ดีที่สุด”

3. คุณแบงค์-วสิทธิ์ สีหะวงษ์ (นักเดินทาง)

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและชอบทดลองอะไรใหม่ๆ ทำให้เขาเปลี่ยนอาชีพเพื่อค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเชฟ ผู้ข่วยผู้กำกับ พิธีกร หรือแม้แต่คนควงกระบองไฟเองก็ตาม เพราะเขาเชื่อว่าแม้จะยังไม่เจอสิ่งที่ใช่แต่ก็ได้ประสบการณ์ เขาชอบเดินทางไปที่ต่างๆเพื่อหาประสบการณ์มาต่อยอดงานที่ทำอยู่ตอนนั้นตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งการเดินทางไปเชียงใหม่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป จากการเดินทางเพียงเพราะขาดแรงบันดาลใจจากงานที่ทำอยู่ ทำให้เขาได้รับสิ่งที่มากกว่าแรงบันดาลใจกลับมา เขาค้นพบตัวเองว่าที่จริงแล้วเขาหลงใหลในในชีวิตนักเดินทางมากที่สุด  “ชีวิตถ้าไม่ขยับก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าไม่ลอง ไม่ทำ มัวแต่คิดแต่ไม่ทำก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น … สุดท้ายวันหน้าเราจะมานั่งคิดถึง ความฝันว่าทำไมไม่ทำวันนั้น สู้ทำให้รู้ไปเลยว่าทำได้หรือไม่ได้ยังโอเคกว่า” -แบงค์ วสิทธิ์ สีหะวงศ์

4. คุณบูม-วิชพงษ์ หัตถสุวรรณ (คนทำกางเกงยีนส์)

จากวัยเด็กที่เติบโตมาจากบ้านทำโรงงานยีนส์ ทำให้เขาได้คลุกคลี ศึกษาและหลงใหลในกางเกงยีนส์มากเป็นพิเศษ จนเกิดเป็นความฝันที่อยากจะสร้างแบรนด์ยีนส์ของตัวเองและต้องเป็นแบรนด์ที่ผลิตกางเกงยีนส์ที่ดีที่สุด ด้วยความที่ความคิดไม่เหมือนใคร  ทำให้เขามีไอเดียที่แตกต่างไปจากคนอื่นเช่นกัน เขาเลือกสร้างแบรนด์ Selvedgework ทำ Custom Made Jeans ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครทำมาก่อน เพียงเพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพิเศษและอยากสื่อจิตวิญญาณของงานแฮนคราฟท์ลงไปด้วย สิ่งสำคัญที่ผลักดันให้เขาสู้มาตลอดคือ “ความชอบและความเชื่อในสิ่งที่เขาทำอยู่ ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนด”

5. คุณฐา – ฐาวันต์ รงคพรรณ (ครูสอนดนตรีไร้ตัวโน้ต)

  จากหนุ่มวิศวะที่เริ่มจากการสอนดนตรีเด็กเสริมในวันหยุด ตัดสินใจหันเหชีวิตจากเส้นสายวิศวะมาสู่เส้นทางดนตรีเต็มตัว แม้อาชีพครูสอนดนตรีอาจจะดูไม่มั่นคงในสายตาคนอื่น แต่เขาสนุกและมีความสุขตลอดเวลาที่ทำ และได้ต่อยอดโดยการไปศึกษาต่อด้านดนตรีที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพื่อกลับมาเป็นครูสอนดนตรีเต็มตัว เพราะเขาเชื่อว่า “สิ่งที่ได้จากสิ่งที่รักคือประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ ชีวิตต้องไม่เป็นไปตามที่ใครพูด แต่เป็นเส้นทางที่มีความสุขก็พอแล้ว”

6. คุณตี๋-ส่องแสง บุญทอง (นักประดิษฐ์มอเตอร์ไซค์)

จากความชื่นชอบมอเตอร์ไซต์ในวัยเด็กและมีความฝันที่อยากเปิดร้านแต่รถเล็กๆของตนเอง แต่เขาไม่คิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ จนกระทั่งเขาได้เดินทางไปนิวยอร์ค ได้เห็นคนที่เดินทางตามความฝันของตัวเองที่นั่น เกิดเป็นตัวจุดประกายความคิดและผลักดันให้เขาเริ่มมุ่งตามหาฝันของตัวเองอีกครั้ง เพราะเขาเชื่อว่า “ชีวิตไม่มีทางลัด ต้องใช้ความพยายามสูงมาก แต่ว่าถ้าทำจนถึงจุดที่สำเร็จ มันคุ้มมากกับสิ่งที่เสียไป ขอเพียงต้องกล้าที่จะลงมือทำ” เขาจึงตัดสินใจเดินตามความฝัน และได้เปิดร้านตกแต่งมอเตอร์ไซต์วินเทจภายใต้แบรนด์ The Sports แต่ทุกอย่างไม่ได้ได้มาอย่างง่ายดาย ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปีเต็มๆ กว่าจะมาเป็นที่รู้จักจนทุกวันนี้

7. คุณโน้ต-นวลตา วงศ์เจริญ (ผู้บันทึกเรื่องราวผ่านเลนส์)

“วินาทีที่เราจะกดชัตเตอร์ ถ้าเรามัวแต่กลัวว่าฟิล์มจะเสียหรือเปล่า แสงจะไม่สวยหรือเปล่า เหตุการณ์มันก็ผ่านไปแล้ว มันก็จะไม่ได้ ถ่ายภาพนั้น ต้องตัดสินใจและใจกว้างกับสิ่งที่ตัวเองรัก อย่าไปตั้งคำถามกับมันมาก ทำไปเถอะ ได้หรือไม่ได้ก็ได้รู้เอง”

หญิงสาวผู้เลือกพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางช่างภาพอาชีพ ด้วยความชอบด้านศิลปะมาตั้งแต่เด็ก  ตัดสินจะสอบเข้าวิชาการถ่ายภาพแม้จะเป็นจะอาชีพที่ยากมากสำหรับผู้หญิงในตอนนั้น   เธอต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่วิธีการใช้กล้อง และยังต้องขยันมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่าเพราะไม่มีประสบการณ์ แต่ถึงอย่างไรการเป็นช่างภาพก็เป็นเป้าหมายที่เธอโฟกัสได้ชัดเจนอยู่ตลอดเวลา 

เส้นทางการเดินทางของแต่ละคนนั้น แม้ว่าทุกคนจะมีไลฟ์สไตล์และเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ “ความกล้าที่จะลงมือทำตามฝัน” We Are LEO จึงเลือกพวกเขาทั้ง 7 คนให้เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่จะมาช่วยปลุกความกล้าที่เดินออกจากกรอบ หรือเส้นทางชีวิตเดิมๆ และค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิตที่นำไปสู่ความสำเร็จ เพราะถ้าไม่เริ่มวันนี้ ก็ไม่มีวันไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ แล้วคุณล่ะมีความฝันอะไร ? และได้ลงมือทำมันหรือยัง?

ติดตามเรื่องราวของพวกเขาในแคมเปญ We Are LEO ได้ที่ www.weareleo.com