World

UTQIAGVIK เมืองราตรีแห่ง ALASKA ที่ต้องเผชิญความมืดมิดและไร้ซึ่งดวงอาทิตย์นาน 65 วัน

By: PERLE November 27, 2018

สำหรับคนที่เกิดและเติบโตในเมืองร้อนที่แต่ละฤดูแทบจะไม่มีความแตกต่าง ก็คงไม่รู้สึกอะไรกับการเปลี่ยนแปลงของฤดู อย่างมากก็มีแค่พฤติกรรมประจำวันที่ต่างไปจากเดิมนิดหน่อย แต่ในประเทศที่ฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างราวฟ้ากับเหว อุณหภูมิห่างกันเกินกว่า 30-40 องศาเซลเซียส หิมะเริ่มโปรยปราย และที่สำคัญที่สุดคือการขึ้น-ลงของพระอาทิตย์

ประเทศเมืองหนาวในช่วงหน้าร้อนนั้นกว่าที่ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้าก็ล่วงไปเกือบ 2-3 ทุ่ม หรือในบางประเทศถึงขั้นได้ฉายาว่า ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ เลยทีเดียว ผู้คนมีชีวิตในช่วงกลางวันที่ยาวนานขึ้นและสนุกกับชีวิตได้มากขึ้น แต่เมื่อฤดูกาลผันเปลี่ยนเข้าสู่เหมันต์ ทุกอย่างก็ตรงกันข้าม แสงอาทิตย์กลายเป็นของหายาก มีเวลาให้ชื่นชมมันวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ความมืดจะคืบคลานเข้ามา

แต่เมืองที่เราจะพาไปทำความรู้จักในวันนี้เลวร้ายกว่านั้นเยอะ เพราะที่แห่งนี้กลางคืนยาวนานราวนิรันดร์ ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องมาถึงยาวนานติดต่อกันถึง 65 วัน

Utqiagvik หรือ Barrow คือชื่อเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในมลรัฐ  Alaska ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา มีประชากรเพียงแค่ 4,000 คน

เมืองนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ไม่ใช่บ้านเกิดบุคคลสำคัญ แต่สิ่งที่ทำให้เมืองเล็ก ๆ เมืองนี้ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางคือความยาวนานของกลางคืนที่กินเวลาถึง 2 เดือน ข้อมูลไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ๆ และที่สำคัญคือมันเกิดขึ้นทุกปี

นี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเมืองที่ตั้งอยู่เหนือบริเวณ Arctic Circle โดยปรากฏการณ์ที่พระอาทิตย์ไม่โผล่พ้นขอบฟ้ายาวนานกว่า 24 ชั่วโมงนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Polar Night’ 

โดยในทุก ๆ ปีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป Utqiagvik จะเริ่มเข้าสู่ความมืดมิด ซึ่งหมายความว่าในตอนนี้เมืองนี้ได้เข้าสู่ช่วงกลางคืนอันยาวนานไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง Polar Night ในปีนี้จะกินเวลายาวไปถึงช่วงเดือนมกราคม โดยคาดการณ์ว่าพระอาทิตย์จะโผล่มาทักทายอีกครั้งในช่วงเวลา บ่ายโมง 43 นาที ของวันที่ 23 มกราคม 2019

สำหรับคนท้องถิ่นที่อยู่กับปรากฏการณ์นี้มาอย่างยาวนานก็คงสามารถปรับตัวให้คุ้นชินได้ แต่สำหรับผู้มาเยือนจากต่างถิ่นนี่คือหายนะอย่างแท้จริง

ลองนึกภาพตัวคุณเองว่าต้องอยู่ในช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนานกว่า 2 เดือนสิ มันจะเป็นแบบไหน แทบจะจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือทางการแพทย์เผยว่าการต้องอาศัยอยู่ในความมืดเป็นเวลานานส่งผลต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้เกิดภาวะหดหู่ ไม่แจ่มใส และอาจเลวร้ายถึงขั้นนำไปสู่โรคซึมเศร้า

รู้แบบนี้ก็รู้สึกโชคดีว่าต่อให้แดดประเทศไทยจะร้อนแค่ไหน อย่างน้อยก็คงดีกว่าต้องอยู่ในเมืองที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลยกว่า 2 เดือนแน่นอน แต่สำหรับเหล่ามนุษย์ค้างคาวที่ชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืน Utqiagvik อาจจะเป็นเมืองในฝันของคุณก็เป็นได้

 

SOURCE1

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line