Vespa : Italian Icon แรงขับเคลื่อนวัฒนธรรมและแฟชั่นจวบจนปัจจุบัน

“นี่มันตัวต่อ (wasp) ชัดๆ” คำพูดแรกที่ Enrico Piaggio ลูกชายจากตระกูล Piaggio และยังเป็นผู้ก่อตั้ง scooter  แบรนด์ Vespa ซึ่งมีความหมายว่า ตัวต่อ (wasp) ในภาษาอิตาเลียน พูดกับ Corradino D’Ascanio ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบิน และเป็นผู้ออกแบบ Vespa ทันทีที่ได้เห็นผลงานการออกแบบเสร็จสมบูรณ์ และ Vespa ก็เป็นชื่อที่  Piaggio ตัดสินใจใช้ตั้งแต่ตอนนั้นทันที ทำให้ชาว Italian และโลกได้รู้จักกับ Vespa 98 ในเดือนเมษายน 1946

ไม่มีใครคาดคิดว่า “Vespa” scooter ผลงานการผลิตของอดีตโรงงานประกอบเครื่องบินรบ ที่ถูกสร้างบนแนวคิดในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2  จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมหลัก การันตีด้วยตัวเลขยอดขาย  Vespa ราว 20 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่แค่  scooter ที่แพร่กระจายไป แต่รวมถึงอิทธิพลและกลิ่นอายความเป็น  Italian ที่ได้แทรกซึมเข้าไปในวัฒนธรรมของวัยรุ่นในหลายประเทศทั่วโลก สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของ Italian Style ช่วง 1960 ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุดของ  Italian Fashion ที่ยังคงเป็นรากฐานของการแต่งกายมาจนถึงยุคปัจจุบัน

Introduced the Italian Icon to the world

Vespa ที่ออกแบบโดย Corradino D’Ascanio ฉายแววความเป็นจุดเริ่มต้นในเรื่องการแต่งตัวของกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวตั้งแต่ปี 1946 แล้ว ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบตัวถังที่สามารถบังลมได้แบบ Shield ทําให้สาวๆ สามารถใส่กระโปรงขี่ scooter ได้ หรือการที่ D’Ascanio นําเครื่องไปเก็บไว้ด้านหลังแบบมีตัวถังปิดมิดชิด ทําให้ผู้ชายสามารถแต่งตัวเท่ๆ ขี่รถได้โดยไม่ต้องกลัวคราบน้ํามันเครื่องหรือคราบดําสกปรกจะกระเด็นโดนเสื้อผ้าเลอะเทอะ

ในปี 1953 เหมือนมีสปริงบอร์ดให้  Vespa ได้กลายเป็น Italian Iconic ในสายตาคนทั่วโลกเร็วยิ่งขึ้น จากการเข้าไปปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์  Romantic Comedy ระดับ  Hollywood อย่าง  “Roman Holiday (1953)” ในฐานะยานพาหนะคู่ใจของ  “Gregory Peck” พระเอกระดับโลก และ  “Audrey Hepburn” นางเอกผู้กลายเป็น Style Icon จากการเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ทันที

แน่นอนว่าเมื่อ Hollywood ขยับ ดารานักแสดงอีกหลายคนก็ไม่ยอมตกเทรนด์ รีบออกไปถอย Vespa มาขี่กันทันที หนุ่มสาวทั่วโลกก็ยิ่งรู้สึกว่าการขี่ Vespa มันช่างเท่เหลือเกิน ทําให้ยอดขาย Vespa พุ่งไปเกิน 100,000 คันจากภาพยนต์เรื่องนี้ส่งผลให้วงการภาพยนตร์เริ่มหันมาใช้ Vespa เข้าฉากแทนการขี่ม้าหรือยานพาหนะอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ และป้ายยี่ห้อ Vespa จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ความเป็น Italian และแฟชั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

The 1960 : The Peak and the Rebellion

ระยะเวลาตั้งแต่ปี 1946 จนถึง 1960, Vespa มีตัวเลขยอดขายสะสมไม่ต่ํากว่า 2 ล้านคัน ซึ่งในช่วงปี 1963 เป็นปีที่  Vespa ได้แนะนํารถใหม่รุ่นเล็ก “Vespa 50” เครื่องยนต์ 50cc เอาใจวัยรุ่นอายุน้อยโดยเฉพาะ กับสโลแกน “Young,  Modern and … without documents” เพราะในปีนี้มีกฎหมายว่า รถที่เครื่องยนต์ความจุไม่เกิน 50cc ไม่ต้องติดป้ายทะเบียน และไม่ต้องใช้ใบขับขี่ ทําให้ Vespa ได้กระจายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เด็กกว่าอย่างได้ผลทันที

ในยุคนี้การแต่งตัวของวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก  เราเรียกยุคนี้ว่าเป็น  The Rebellion & Individuality ยุคแห่งความอิสระเสรีในการแต่งตัว  ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก  Vespa ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและจินตนาการ วัยรุ่นหนุ่มสาวปรับการแต่งตัวให้เข้ากับสไตล์ของ  Vespa เพื่อแสดงออกถึงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด  เป็นยุคที่อุตสาหกรรมแฟชั่นผู้ชายเติบโตเร็วมาก ร้านขายเสื้อผ้าเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น

สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดที่สุดในกลุ่ม  Italian style คือ การแต่งตัวที่เนี้ยบและเท่ สูทและกางเกงจะมีความพอดีตัวมากขึ้นเน้นสูทปกแคบ เนคไทที่ไม่กว้างมาก เป็นยุคที่เรียกว่า  Italian Sleek ในขณะเดียวกันก็มีการออกแบบเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อภาพวัยรุ่นชาว Italian ลุกขึ้นมาปฏิวัติการแต่งตัว ขึ้นขี่รถ Vespa กันมากขึ้น ความนิยมนี้ก็ได้กระจายไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศอังกฤษที่ดูจะซึมซับไปมากที่สุด ในช่วงกลางปี 60s คําว่า Mods หรือ Modernists ถือกําเนิดขึ้นท่ามกลางกลุ่มวัยรุ่น UK ที่หลงใหลใน  Customised scooters และ Italian style บนพื้นฐานความเชื่อเดียวกันว่าผู้ชายควรจะแต่งตัวอย่างมีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง จึงได้มีการปรับแต่งนิดหน่อยด้วยการสวมเสื้อ  Army Fish Tail Parka ทับสูทเพื่อรักษาความสะอาดอีกชั้น และกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของ  Mods style ไปในที่สุด

2016 The Modern Classic Vespa

ไม่ว่าจะเป็น Icon ที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ย่อมต้องได้รับการพัฒนาให้ดูทันสมัยตามกาลเวลา ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์คลาสสิคอย่าง Mini หรือ Beetle ที่ล้วนต้องเดินหน้าต่อจากความ Classic สู่ความเป็น Modern Classic พวกเราล้วนได้เห็น Vespa ยุคใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัย กะทัดรัดขึ้น ในขณะที่ยังคงเก็บรักษาลายเส้นที่คงความเป็น Vespa เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยมีการแบ่งออกเป็นหลายรุ่นย่อย เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคน